ประกาศแล้ว! ราชกิจจานุเบกษา กรมสรรพสามิต อุดหนุนปชช.ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า BEV รับส่วนลดสูงสุด 1.5 แสนบาท
รถยนต์ไฟฟ้า BEV เงินสนับสนุน
ประกาศ ราชกิจจานุเบกษา กรมสรรพสามิต อุดหนุนประชาชน ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า BEV รับส่วนลดสูงสุด 150,000 บาท
ประกาศราชกิจจานุเบกษา กรมสรรพสามิต เล่มที่ 139 ตอนพิเศษ 120 ง “เรื่องกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับสิทธิตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ประเภทรถยนต์ และรถจักยานยนต์ มีผลตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม 2565
ใจความสำคัญของประกาศราชกิจจานุเบกษา ฉบับนี้คือการจะให้เงินอุดหนุนสูงสุด 150,000 บาท คืนแก่ประชาชนที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ 100 เปอร์เซ็นต์ (Battery Electric Vehicle: BEV) ตามมาตรการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลไทย โดยมี 3 หัวข้อสำคัญภายใต้เงื่อนไข
>> ลดภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจาก 40% เหลือ 0% หรือมากสุด 40% (ประกาศเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2565)
>> เงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้าสูงสุด 150,000 บาทต่อคัน (ประกาศเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2565)
>> ลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ไฟฟ้าจาก 8% เหลือ 2%
รถยนต์ไฟฟ้าที่จะได้รับการอุดหนุนภายใต้เงื่อนไขนี้จะต้องมีการเซ็นข้อตกลง MOU เข้าร่วมโครงการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า BEV ของรัฐบาลไทย โดยจะทำให้ได้รับส่วนลด 150,000 บาท และคำนวณภาษีสรรพสามิตรในอัตรา 2%
ในปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์ที่ตกลงเซ็น MOU กับภาครัฐไปแล้วมี 3 รายได้แก่ Great Wall Motor (Haval, ORA), MG และ Toyota โดยประกาศราชกิจจานุเบกษาฉบับนี้ระบุว่าทั้ง 3 บริษัทจะต้องทำตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้:
ข้อ 11 (1) เงินอุดหนุนที่มีสิทธิได้รับตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า มีจำนวนตามหลักเกณฑ์ และ เงื่อนไข ดังนี้
11.1 รถยนต์นั่ง ที่มีราคาขายปลีกแนะนำไม่เกิน 2 ล้านบาท
• ขนาดความจุแบตเตอรี่ ตั้งแต่ 10 kWh แต่น้อยกว่า 30 kWh ได้รับเงินอุดหนุน 70,000 บาท/คัน
• ขนาดความจุแบตเตอรี่ ตั้งแต่ 30 kWh ขึ้นไป ได้รับเงินอุดหนุน 150,000 บาท/คัน
โดยมีข้อกำหนดว่าหากนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า BEV มาขาย 1 คัน จะต้องผลิตในประเทศให้ได้จำนวน 1 เท่า ภายในปี 2567 (2024) หรือขยายระยะเวลาเป็นภายในปี 2568 (2025) แต่ต้องผลิต 1.5 เท่า โดยเป็นรุ่นใดก็ได้ หากราคาขายปลีกไม่เกิน 2 ล้านบาท
13.1 กรณีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า ที่มีราคาขายปลีกแนะนำไม่เกิน 2 ล้านบาท
ต้องผลิตชดเชย “รุ่นใดก็ได้” จนครบตามจำนวนการนำเข้ามาในประเทศแบบสำเร็จรูปทั้งคัน ในอัตราส่วน 1:1 (นำเข้า 1 คัน ต้องผลิตคืน 1 คัน) ภายใน 31 ธันวาคม 2024 หรือในอัตราส่วน 1:1.5 (นำเข้า 1 คัน ผลิตคืน 1.5 คัน) หากยืดระยะเวลาออกไปอีก 1 ปีหรือ 31 ธันวาคม 2025
13.2 กรณีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาขายปลีกแนะนำเกิน 2 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 7 ล้านบาท
ต้องผลิตชดเชย “เฉพาะรุ่นที่นำเข้ามา” จนครบตามจำนวนการนำเข้ามาในประเทศแบบสำเร็จรูปทั้งคัน ในอัตราส่วน 1:1 (นำเข้า 1 คัน ต้องผลิตคืน 1 คัน) ภายใน 31 ธันวาคม 2024 หรือในอัตราส่วน 1:1.5 (นำเข้า 1 คัน ผลิตคืน 1.5 คัน) หากยืดระยะเวลาออกไปอีก 1 ปีหรือ 31 ธันวาคม 2025
อย่างไรก็ตามประกาศราชกิจจานุเบกษาฉบับนี้ หมายความว่ารถยนต์ไฟฟ้าที่นำเข้าจากต่างประเทศแบบ CBU โดยยังไม่มีแผนประกอบในประเทศไม่ว่าจะเป็น BMW, Volvo, Audi, Porsche หรือ Tesla ที่ซื้อผ่านผู้นำเข้าอิสระ จะไม่ได้รับสิทธิพิเศษใดๆ ตามประกาศฉบับนี้
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล รถยนต์ไฟฟ้า BEV เงินสนับสนุน
ขอบคุณข้อมูล: ratchakitcha.soc.go.th
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th