New Honda Civic eHEV RS แรงจัด ประหยัดจริง ออฟชั่นเพียบขาย 1.259 ล้าน
New Honda Civic eHEV RS แรงจัด ประหยัดจริง ออฟชั่นเพียบขาย 1.259 ล้าน ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ เป็นยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมซีดานไอคอนที่มาพร้อมขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV และเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง ครั้งนี้ทาง Grandprix Online ได้มีโอกาศเข้าร่วมการทดสอบซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ ที่จังหวัดเชียงรายโดยใช้เส้นทาง เชียงราย-เชียงแสน เรามาดูกันว่าสมรรถนะของพลังไฮบริด จะสู่ 1.5 เทอร์โบ ได้หรือไม่ โดย ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ จะมีทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น eHEV RS ราคา 1,259,000 บาท และรุ่น e:HEV EL+ ราคา 1,129,000 บาท แต่คันที่เราจะลองขับในทริปนี้จะเป็นรุ่นท็อปสุด Honda Civic e:HEV RS โดยรุ่นนี้จะเข้ามาแทนที่ Honda Civic 1.5 Turbo RS ที่ยกเลิกการจำหน่ายไปแล้ว เรามาดูกันว่า Civic e:HEV RS คันนี้จะเฟี้ยวขนาดไหน ดีกว่า 1.5 Turbo หรือไม่
รูปลักษณ์ภายนอก
มาดูกันที่ภายนอกว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นเครื่องยนต์เบนซินหรือไม่ ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “Exhilarating Civic” เช่นเดียวกับฮอนด้า ซีวิค เทอร์โบ เจเนอเรชันที่ 11 การออกแบบภายนอกของรุ่น ซีวิค อี:เอชอีวี อาร์เอส มองรวมๆก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากรุ่น 1.5 Turbo RS ที่ยกเลิกการจำหน่ายไปเท่าไหร่นัก จะมีก็แค่โลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และสัญลักษณ์ e:HEV ที่ด้านท้าย สะท้อนเอกลักษณ์ย้ำความเป็นยนตรกรรมไฮบริด กระจังหน้าตกแต่งด้วยโครเมียม เส้นสายมีการเสริมเส้นโครเมียมบริเวณคิวขอบกระจกด้านบน มือจับประตูด้านนอกสีดำตกแต่งด้วยโครเมียม โครงสร้างของตัวรถยังคงมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำสไตล์ Low & Wide ที่ทำให้ตัวถังกว้างและยาว เน้นให้มีพื้นที่ภายในโปร่งโล่ง และทัศนวิสัยที่ดี อีกทั้ง มีการใช้เทคโนโลยี Roof Braze ในการประกอบตัวถัง เพื่อลดรอยต่อบริเวณหลังคา ช่วยให้ตัวรถมีเส้นสายที่สวยงามและเฉียบคม ท่อไอเสียเปลี่ยนจากท่อออกคู่เป็นท่อออกเดียวพร้อมปลอกท่อไอเสีย ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 18 นิ้ว และสปอยเลอร์หลังสีดำพร้อมสัญลักษณ์ RS ด้านท้าย
การตกแต่งภายใน New Honda Civic eHEV RS
ภายในยังเหมือนกับรุ่น 1.5 Turbo RS ที่เน้นการตกแต่งออกแนวสปอร์ต เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง และหนังกลับ เดินตะเข็บด้ายสีแดงเบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง แป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต พวงมาลัยหุ้มด้วยหนัง ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร Ambient Light สีแดง ระบบสตาร์ทรถด้วยกุญแจรีโมท Remote Engine Start กุญแจแบบการ์ด Honda Smart Key Card ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา Dual Zone ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Wireless Charger มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว เฉพาะรุ่น e:HEV RS เหมือนเดิมแต่มีการเสริมฟรังชั่นในการโชว์ระบบขับเคลื่อนเข้าไป
ในที่สุดก็มีช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลังมีมาให้ซะทีในรุ่นนี้ เบาะหลังพับได้ 60 : 40 เฉพาะรุ่นเฉพาะรุ่น อี:เอชอีวี อาร์เอส ซึ่งทำไมในรุ่นล่างอย่าง EL ถึงไม่ทำให้เบาะพับได้เหมือนกันไปเลยอันนี้ไม่เข้าใจ กั๊กของมากไม่น่ารักครับในส่วนนี้ ระบบควบคุมเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสาร (ANC) ครั้งแรกในฮอนด้า ซีวิค ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Andriod Auto และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto พร้อมลำโพง 8 ตำแหน่ง และ ฮอนด้า คอนเนค เฉพาะรุ่น อี:เอชอีวี อาร์เอส
ทดลองขับกันเลย
เอาละเรามาเริ่มทดลองขับกันเลย ขึ้นไปนั่งภายในไม่ได้ว้าวอะไรเพราะหน้าหาเหมือนรุ่นปกติ สตาร์ทเครื่องเริ่มลองขับกัน ซีวิค อี:เอชอีวี คันนี้ใช้พลังแบบฟูลไฮบริดผสานการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ใหม่ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน มอบกำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดมอเตอร์สูงสุด 315 นิวตัน-เมตร ที่ 0 – 2,000 รอบต่อนาที บอกเลยว่าอัตราเร่งช่วงออกตัวจี๊ดจ๊าดทันใจมากครับดีกว่า 1.5 Turbo เยอะครับ ช่วงกลางยังคงมาต่อเนื่องขับสนุกและแรงจริงครับ ช่วงความเร็วต้นไปกลางบอกเลยว่ากิน 1.5 Turbo ขาดเลยครับ 0-100 กม./ชม.อยู่ที่ประมาณ 8.5 วินาที เร็วขึ้นกว่ารุ่นเทอร์โบ 80-120 กม./ชม. ก็เช่นกันเร็วขึ้นดีขึ้นครับ แต่กดแช่ยาวรอบปลายวิ่งความเร็วสูงผมว่ามันยังสู้กับเครื่อง 1.5 Turboไม่ได้รุ่นเทอร์โบความเร็วปลายจะไหลว่า ขับทางยาวๆสนุกกว่า e:HEV
ระบบช่วงล่างยังคงใช้ด้านหน้า McPherson Strut อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังเป็น Multi-link พร้อมเหล็กกันโคลง ผมว่าระบบช่วงล่างมันนุ่มนิ่มไปหน่อย ไม่เหมาะสำหรับใช้ความเร็วสูงเท่าไหร่นัก ถ้าปรับใช้มันแข็ง และหนึบ แบบสไตล์สปอร์ต ซะหน่อยผมว่ามันน่าจะขับมันส์ และสนุกมากขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าระบบช่วงล่างไม่ดีนะครับมันเข้าโค้งดี ดูดซับแรงสั่นซะเทือนได้ดีมาก เพียงแต่ผมว่ามันนิ่มไปนิดก็แค่นั้น กดคันเร่งต่อเนื่องความเร็วเพิ่มขึ้นแบบทันใจไปแตะที่ 180 กม./ชม. ได้แบบไม่ยากเย็นเท่าไหร่นัก อัตราสิ้นเปลืองทางฮอนด้าเครมไว้ที่ 25 กิโลเมตร/ลิตร
ระบบเพื่อความปลอดภัย
ทุกรุ่นย่อย มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ที่ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งครบครันด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัยอาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor) กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist – VSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA) มีมาให้เพียบ แต่ก็ยังไม่ยอมให้กล้อง 360 องศามาให้อยู่ดี
ครบครันด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย
ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor) กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) ป้องกันล้อล็อก (ABS) และระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist – VSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA) สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (Emergency Stop Signal – ESS) ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) เสียงเตือนคนภายนอกรถขณะขับขี่โหมดมอเตอร์ไฟฟ้า (Acoustic Vehicle Alerting System – AVAS) อุปกรณ์อุดการรั่วซึมของยางชั่วคราว (Temporary Puncture Repair Kit – TPRK)
สรุปเลยแล้วกันครับ
ถ้าเราเอามาเทียบกับเครื่องยนต์ 1.5 Trubo รูปลักษณ์ภายนอก และภายใน แทบจะดูได้ออก และไม่แตกต่างจากรุ่นเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบเท่าไหร่นัก จะมีเห็นชัดๆที่ถูกใจนั้นก็คือช่องแอร์ด้านหลังที่มีมาให้แล้ว ระบบส่งกำลังของได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นทั้งในส่วนที่เป็นฮาร์ดแวร์และการควบคุมการทำงานของระบบฟูลไฮบริด e:HEV ให้ดีขึ้น ต้องบอกว่าแรงซะใจแน่นอน ขับสนุกแถมยังประหยัดน้ำมัน แต่ถ้าซิ่งๆก็กินพอๆเครื่องเบนซินทั่วไปนะครับ
ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ ได้เปรียบในช่วงการขับขี่ในเมืองซึ่งประหยัดกว่าเครื่องเบนซินปกติเยอะพอสมควร ระบบช่วงล่างผมว่ามันยังนุ่มนิ่มไปเมื่อต้องทำงานผสานกับเครื่องยนต์ บวกมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีแรงบิดระดับ 315 นิวตันเมตร ถ้าปรับให้ออกแนวสปอร์ตมันจะลงตัวมากเลย สุดท้ายกับราคา 1,259,000 บาท ถามว่าคุ้มค่าเงินหรือไม่ผมว่าก็คุ้มอยู่นะครับ เพราะแลกมาด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ความประหยัด สะดวกสบาย และความสนุกสนานในการขับ สุดท้ายไปลองขับด้วยตัวเองก่อนตัดสินใจนะครับ
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th