ROLLS-ROYCE SPECTRE รถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบอยู่ระหว่างการทดสอบช่วงที่สองที่เฟรนช์ริเวียร่า
“ไม่เป็นการพูดเกินจริงหากจะกล่าวว่า Spectre คือ Rolls-Royce ที่ทุกคนรอคอยมากที่สุด ด้วยปราศจากข้อจำกัดของเครื่องยนต์สันดาปภายใน รถยนต์ไฟฟ้า ที่ใช้แบตเตอรี่ของเราจะมอบประสบการณ์ในแบบฉบับของโรลส์-รอยซ์ได้อย่างถ่องแท้ที่สุดในประวัติศาสตร์ 118 ปีของแบรนด์ การทดสอบครั้งล่าสุดนี้พิสูจน์ให้เห็นถึงเทคโนโลยีขั้นสูงที่รองรับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของโรลส์-รอยซ์ในขณะที่ก้าวสู่อนาคตที่สดใส กล้าหาญ และการใช้พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยรักษาความสัมพันธ์ของแบรนด์กับคนรุ่นต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง”
Torsten Müller-Ötvös, Chief Executive Officer, Rolls-Royce Motor Cars
“Spectre ปลดล็อกศักยภาพอันน่าทึ่งของการผสานรวมระบบส่งกำลังไฟฟ้าเต็มรูปแบบเข้ากับโครงสร้างสถาปัตยกรรมแห่งความหรูหรา (Architecture of Luxury) ของเรา จากจุดเริ่มต้นทางวิศวกรรมนี้ กระบวนการทดสอบและปรับแต่งของเราได้รวมข้อมูลเชิงประจักษ์และประสบการณ์การขับขี่โดยมนุษย์ สัญชาตญาณ และข้อมูลเชิงลึกที่ได้รับมาเป็นเวลากว่าศตวรรษนำมาใช้ปรับจูนประสบการณ์การขับขี่ที่คล่องตัวและคุณลักษณะของรถ ในการผสานระบบต่าง ๆ เหล่านี้ที่ถูกกำหนดการตอบสนองไว้อย่างแม่นยำเข้ากับลักษณะการขับของผู้ขับขี่และสภาพพื้นถนนเป็นไปได้โดยการพัฒนาซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ทันสมัยล่าสุด ทำให้ Spectre สามารถมอบประสบการณ์ของโรลส์-รอยซ์ได้อย่างเหนือระดับ”
Dr. Mihiar Ayoubi, Director of Engineering, Rolls-Royce Motor Cars
ROLLS-ROYCE SPECTRE: ความเป็นมา
ในขณะที่ Rolls-Royce สร้างชื่อเสียงในการรังสรรค์สุดยอดยานยนต์ระดับซูเปอร์ลักชัวรีโดยใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน แนวคิดเรื่องการใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นสิ่งที่แบรนด์คุ้นเคยมาช้านาน Henry Royce เริ่มต้นจากการเป็นวิศวกรไฟฟ้าและอุทิศชีวิตส่วนใหญ่ให้กับการสร้างเครื่องยนต์สันดาปภายในที่จำลองลักษณะเฉพาะของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าไว้ นั่นคือ การวิ่งที่เงียบ ส่งมอบแรงบิดทันที และไม่สามารถสัมผัสถึงความรู้สึกของการเปลี่ยนเกียร์
อย่างไรก็ตาม ความเกี่ยวข้องที่มีต่อผู้ก่อตั้งแบรนด์นั้นลึกซึ้งกว่ามาก เมื่อ Charles Rolls ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นปี 1900 ชื่อ Columbia เขาได้คาดการณ์ไว้ว่า “รถยนต์พลังงานไฟฟ้านั้นปราศจากเสียงรบกวนและไม่ก่อมลพิษใด ๆ ไม่มีกลิ่นควันหรือการสั่นสะเทือนและน่าจะมีประโยชน์มากเมื่อสามารถติดตั้งสถานีให้บริการอัดประจุไฟฟ้าได้” Spectre คือการเกิดขึ้นที่เป็นไปตามการคาดการณ์ในครั้งนั้น
Spectre ยังเป็นตัวแทนของการรักษาคำมั่นสัญญา ในปีพ.ศ. 2554 แบรนด์ได้เปิดตัว Experimental Phantom ภายใต้รหัสชื่อ 102EX ซึ่งเป็นยนตรกรรมที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ตามมาด้วยยนตรกรรมรหัส 103EX ซึ่งเป็นการศึกษาการออกแบบที่ล้ำสมัยที่เป็นการคาดการณ์อนาคตของยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าที่โดดเด่นของแบรนด์ ยนตรกรรมทดลองเหล่านี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากลูกค้าโรลส์-รอยซ์ พวกเขารู้สึกว่าคุณลักษณะของระบบส่งกำลังไฟฟ้าจะเข้ากันได้ดีกับแบรนด์ Torsten Müller-Ötvös, Rolls-Royce Chief Executive Officer ตอบรับด้วยคำมั่นสัญญาที่ชัดเจนว่า Rolls-Royce จะเริ่มนำยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าออกสู่ตลาดภายในทศวรรษนี้และภายในปีพ.ศ. 2573 Rolls-Royce จะเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ
ในเดือนกันยายนปีพ.ศ. 2564 Rolls-Royce ยืนยันว่าได้เริ่มการทดสอบ Spectre ยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบคันแรก เพื่อให้มั่นใจว่า Spectre จะเป็นยนตรกรรมคันแรกและสำคัญที่สุดของ โรลส์-รอยซ์จึงจะต้องผ่านโปรแกรมการทดสอบที่มีความท้าทายมากที่สุดเท่าที่โรลส์-รอยซ์เคยมีมา และจะทำการทดสอบในระยะทางทั้งหมด 2.5 ล้านกิโลเมตร ซึ่งเป็นการจำลองการใช้งานยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์โดยเฉลี่ยมากกว่า 400 ปีซึ่งนับว่าเป็นภารกิจที่ไม่ธรรมดา
ROLLS-ROYCE SPECTRE: การทดสอบแถบชายฝั่งริเวียร่า
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Spectre ได้รับ ‘บทเรียน’ แรกในการเตรียมความพร้อมที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อสามารถรับรู้และตอบสนองการขับขี่ได้ในแบบฉบับของยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์ที่ศูนย์ทดสอบพิเศษในเมืองอัยเยโพล่ก (Arjeplog) ประเทศสวีเดนห่างจากอาร์กติกเซอร์เคิล 55 กิโลเมตร ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาวิศวกรด้านการทดสอบและพัฒนาของแบรนด์ได้เปลี่ยนโฟกัสจากการทดสอบในสภาวะสุดขั้วไปเป็นการทดสอบที่เป็นไปตามแบบแผนมากขึ้นในสถานที่ที่สะท้อนถึงการใช้งานในชีวิตประจำวันของยานยนต์ นั่นคือ เฟรนช์ริเวียร่า (French Riviera)
ในการปลุกเร้าจิตวิญญาณของผู้สืบทอด Phantom Coupé ยานยนต์ Electric Super Coupé คันนี้จะเป็นรถยนต์ซูเปอร์ลักชัวรีไฟฟ้าเต็มรูปแบบคันแรกที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นจากแนวคิดหลักของการเดินทางท่องเที่ยวทั่วยุโรป บริเวณเฟรนช์ริเวียร่าและถนนของที่นั่นเป็นการผสมผสานอย่างลงตัวของประเภทสภาพพื้นผิวถนนที่ลูกค้าของ Spectre ต้องการใช้งานตั้งแต่ถนนวกเวียนตามหน้าผาแนวชายฝั่งไปจนถึงเส้นทางด้านในที่ห่างจากชายฝั่งที่สามารถเร่งความเร็วได้มากขึ้น
การขับทดสอบในระยะทางทั้งหมด 625,000 กิโลเมตรบนและรอบ ๆ เฟรนช์ริเวียร่าถือเป็นส่วนสำคัญของโปรแกรมการทดสอบ Spectre ในระยะทาง 2.5 ล้านกิโลเมตรทั่วโลก ระยะการทดสอบนี้แบ่งออกเป็นสองส่วนโดยเริ่มต้นที่สนามทดสอบ Autodrome de Miramas อันเก่าแก่ซึ่งตั้งอยู่ใน Bouches-du-Rhône ของแคว้นโพรวองซ์ ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งครั้งหนึ่งสนามแข่งนี้ที่เคยจัดการแข่งขันกรังปรีซ์ปีค.ศ. 1926 ปัจจุบัน สนามแห่งนี้เป็นสถานที่ทดสอบและพัฒนายานยนต์ที่ล้ำสมัยโดยมีระยะทางทดสอบกว่า 60 กิโลเมตรและอีก 20 สนามทดสอบที่เปิดโอกาสในการทดสอบที่หลากหลายมากมายบนพื้นที่กว่า 1,198 เอเคอร์
การทดสอบในสนามที่มีโค้งแคบและทางลาดชันนี้รวมถึงการขับลุยน้ำ และการขับขี่ที่ความเร็วสูงบนถนนสามเลนในระยะทาง 5.0 กิโลเมตร (3.1 ไมล์) ทำให้สามารถทดสอบ Spectre ที่ความเร็วสูงได้อย่างต่อเนื่อง
การทดสอบระยะที่ 2 ในแถบชนบทของแคว้นโพรวองซ์รอบ ๆ สนาม Autodrome de Miramas ลูกค้าของ แบรนด์หลายคนชื่นชอบภูมิภาคนี้ ดังนั้น 55% ของการทดสอบที่สำคัญจึงเกิดขึ้นบนถนนแถบนี้ที่ซึ่ง Spectre จำนวนไม่น้อยจะถูกนำมาใช้ขับในบริเวณนี้ภายหลังการส่งมอบยานยนต์ให้แก่ลูกค้าในไตรมาสที่ 4 ปีพ.ศ. 2566 บทบัญญัติสำหรับการทดสอบภายใต้สภาวะพิ้นผิวถนนในท้องถิ่นและสภาพความเป็นจริงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกในตลาดสำคัญ ๆ ทั่วโลก เนื่องจากแบรนด์ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้แน่ใจว่ายนตรกรรมของตนเป็นไปตามความคาดหวังและบ่อยครั้งมักจะเกินความคาดหวังของกลุ่มลูกค้าผู้มีความพิถีพิถันสูง
ROLLS-ROYCE SPECTRE: สถาปัตยกรรมอิเล็กทรอนิกส์บีสโป๊ก
Spectre ไม่เหมือนโรลส์-รอยซ์รุ่นก่อน ๆ ไม่เพียงเพราะระบบส่งกำลังไฟฟ้าเต็มรูปแบบเท่านั้นแต่ยังรวมถึงความเร็วของระบบประมวลผลที่ไม่เคยมีมาก่อนและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการประมวลผลข้อมูลขั้นสูง Spectre คือ Rolls-Royce ที่มีการเชื่อมต่อกันมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา และแต่ละส่วนประกอบภายในนั้นมีความชาญฉลาดกว่าในยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์รุ่นก่อน ๆ มีฟังก์ชันการรับ-ส่ง 141,200 ข้อมูลการทำงาน มีฟังก์ชันการใช้งานมากกว่า 1,000 ฟังก์ชันพร้อมฟังก์ชันย่อยมากกว่า 25,000 ฟังก์ชันซึ่งนับว่ามีตัวรับ-ส่งสัญญาณมากกว่าประมาณสามเท่าของในยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์รุ่นอื่น
ความชาญฉลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างมากของสถาปัตยกรรมระบบส่งกำลังแบบอิเล็กทรอนิกส์และพลังงานไฟฟ้าของ Spectre ช่วยให้สามารถสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลโดยละเอียดระหว่างฟังก์ชันเหล่านี้ได้อย่างอิสระและโดยตรงผ่านการประมวลผลข้อมูลที่ศูนย์กลางเพียงเล็กน้อย เพื่อปลดล็อกศักยภาพของเทคโนโลยีนี้ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์ของโรลส์-รอยซ์ได้พัฒนาระบบสมองกลอัจฉริยะ Decentralised Intelligence สำหรับ Spectre โดยการอิงตามข้อมูลที่ถูกประมวลผลใกล้เคียงกับจุดที่รับข้อมูลมากกว่าการจัดการข้อมูลทั้งหมดโดยหน่วยประมวลผลกลางเพียงหน่วยเดียว
การส่งกลุ่มข้อมูลที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นซึ่งไม่เพียงแต่อธิบายตัวแปรแต่เสนอการตอบสนอง เวลาตอบสนองของยนตรกรรมจะเร็วขึ้นและมีรายละเอียดมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เทคโนโลยีขั้นสูงนี้ทำให้เห็นการพัฒนาของ Spectre จากเวิร์กช็อปไปสู่พื้นที่ดิจิทัล
ทว่าการพัฒนา Spectre ไม่ใช่การรังสรรค์ขึ้นในทางวิทยาการคอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียว ยานยนต์ต้องสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เป็นไปได้หลากหลายอย่าง ดังนั้นจึงต้องการทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะและประสบการณ์มากที่สุดในการกำหนดและปรับจูนแรงปฏิกิริยาทางกลที่เหมาะสม ตลอดระยะเวลาของ Riviera Testing Programme ทีมวิศวกรผู้เปี่ยมประสบการณ์ของแบรนด์กำลังพยายามสร้างสรรค์ชุดควบคุมเฉพาะของแต่ละฟังก์ชันสำหรับฟังก์ชันมากกว่า 25,000 รายการใน Spectre โดยผสมผสานการตอบสนองที่หลากหลายขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น สภาพอากาศ พฤติกรรมของผู้ขับ สถานะของรถ และสภาพพื้นผิวถนน
ในการควบคุมระบบการประมวลผลใหม่นี้ ทีมวิศวกรของแบรนด์กำลังรังสรรค์รายละเอียด ความประณีต และความง่ายดายที่ไม่มีใครเสมอเหมือนให้กับ Spectre ในขณะเดียวกันก็รับประกันความต่อเนื่องในประสบการณ์การขับขี่ของยานยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในของโรลส์-รอยซ์ ผลลัพธ์ที่ได้นี้ทีมผู้เชี่ยวชาญผู้เปี่ยมด้วยประสบการณ์ของโรลส์-รอยซ์เรียกว่า “Rolls-Royce in high definition”
ROLLS-ROYCE SPECTRE: ประสบการณ์การขับขี่ ‘ประดุจนั่งอยู่บนพรมวิเศษ‘ ขั้นสูง
หลังจากการทดสอบอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายเดือน เทคโนโลยีระบบกันสะเทือนใหม่ได้รับการอนุมัติเพื่อให้แน่ใจว่า Spectre จะสามารถมอบประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวล ‘ประดุจนั่งอยู่บนพรมวิเศษ’ ที่โดดเด่นของโรลส์-รอยซ์ เทคโนโลยีนี้กำลังได้รับการปรับจูนให้สมบูรณ์แบบที่สนามทดสอบ Miramas และบนถนนในเฟรนช์ริเวียร่า
การใช้ชุดส่วนประกอบฮาร์ดแวร์ใหม่และใช้ประโยชน์จากความสามารถในการประมวลผลความเร็วสูงของ Spectre ระบบป้องกันการสั่นสะเทือนอิเล็กทรอนิกส์อันทันสมัยนี้ใช้ข้อมูลจากระบบ Flagbearer ของรถยนต์ซึ่งอ่านลักษณะพื้นผิวถนนด้านหน้าพร้อมระบบนำทางผ่านดาวเทียมซึ่งจะช่วยเตือน Spectre ให้ปรับช่วงล่างให้เหมาะสมกับพื้นถนนด้านหน้าที่กำลังจะถึง
บนถนนที่เป็นทางตรง ระบบสามารถแยกเหล็กกันโคลงของ Spectre ได้โดยอัตโนมัติทำให้แต่ละล้อทำงานได้อย่างอิสระ ซึ่งจะช่วยป้องกันอาการโคลงของตัวรถที่เกิดขึ้นเมื่อด้านใดด้านหนึ่งของรถวิ่งไปบนพิ้นถนนที่มีระดับไม่เท่ากัน นอกจากนี้ ยังช่วยลดปัญหาที่เกิดจากข้อบกพร่องเล็กน้อย และบ่อยครั้งมักเกิดจากลักษณะพื้นผิวถนนขณะขับขี่ที่ความเร็วสูง
เมื่อข้อมูลจากระบบนำทางผ่านดาวเทียมและจากระบบ Flagbearer ตรวจพบโค้งที่ใกล้จะถึงแล้ว ส่วนประกอบ ต่าง ๆ จะถูกประกอบเข้าด้วยกัน แดมเปอร์กันกระเทือนจะแข็งขึ้นและระบบบังคับเลี้ยวสี่ล้อจะเตรียมความพร้อมสำหรับการใช้งานเพื่อให้แน่ใจว่าการเข้าและออกโค้งเป็นไปอย่างง่ายดาย ในขณะเข้าโค้งจะมีการตรวจจับด้วยเซ็นเซอร์มากกว่า 18 ตัว และตัวกำหนดการทำงานของระบบการบังคับเลี้ยว การหยุดรถ ระบบส่งกำลัง และช่วงล่างถูกปรับไปตามสถานการณ์นั้นเพื่อให้ Spectre ยังคงวิ่งไปอย่างนิ่งและนุ่มนวล สำหรับผู้ขับขี่สิ่งนี้มอบความเงียบสงบ การคาดการณ์ได้ และท้ายที่สุดคือการควบคุมได้ดียิ่งขึ้นในแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
สถาปัตยกรรมอัจฉริยะให้ความแข็งแกร่งที่เหนือชั้น
เทคโนโลยีใหม่นี้ส่งมอบการควบคุมที่เหนือชั้นให้กับยานยนต์ที่มีขนาดใหญ่ได้ด้วยสถาปัตยกรรมโครงสร้างอลูมิเนียมสเปซเฟรมของแบรนด์ ไม่เพียงแต่สถาปัตยกรรมนี้เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของโรลส์-รอยซ์เท่านั้นที่ทำให้ทีมนักออกแบบสามารถสร้างสรรค์โรลส์-รอยซ์รุ่นใหม่ นั่นคือ Electric Super Coupé แต่ยังทำให้ Spectre มีตัวถังที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์อีกด้วย
สถาปัตยกรรมอลูมิเนียมของ Spectre เสริมบางส่วนด้วยเหล็กเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง ประกอบเข้ากับส่วนตัวถังอลูมิเนียมที่บ่งบอกถึงยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา แผงด้านข้างแบบชิ้นเดียวพาดจากด้านหน้าของเสา A-pillar ไปด้านหลังไฟท้ายนั้นนับว่าเป็นชิ้นส่วนจากกระบวนการ ‘การลากขึ้นรูปลึก’ ที่ใหญ่ที่สุดที่โรลส์-รอยซ์เคยผลิตโดยมีความยาวเกือบสี่เมตร ประตูรถโค้ชไร้เสาซึ่งมีความยาวเกือบ 1.5 เมตรนั้นมีขนาดยาวที่สุดในประวัติศาสตร์ของโรลส์-รอยซ์เช่นเดียวกัน
ความแข็งแกร่งที่เหนือชั้นของ Spectre ที่เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์ทุกรุ่นที่มี เกิดขึ้นจากการติดตั้งชุดแบตเตอรี่ที่แข็งแรงอย่างยิ่งเข้ากับสถาปัตยกรรมโครงสร้างอลูมิเนียมสเปซเฟรมของ Spectre สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ด้วยสถาปัตยกรรมของแบรนด์เท่านั้น
มาตรฐานหลักอากาศพลศาสตร์ใหม่
ในการประกาศเปิดตัวสัญลักษณ์ Spirit of Ecstasy ดีไซน์ใหม่ซึ่งจะประดับบนกระจังหน้าของ Spectre อย่างสง่างาม ทีมวิศวกรด้านแอโรไดนามิกของโรลส์-รอยซ์คาดการณ์ว่ารถยนต์จะมีค่าแรงเสียดทานอากาศ (Cd) เพียง 0.26 ซึ่งทำให้เป็นยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์ที่มีแอโรไดนามิกที่ดีที่สุดเท่าที่เคยรังสรรค์มา การออกแบบอันน่าทึ่งของยนตรกรรมที่โดดเด่นคันนี้เกิดขึ้นได้จากการใช้สถาปัตยกรรมสเปซเฟรมของแบรนด์เท่านั้นช่วยให้ทีมวิศวกรสามารถปรับแต่งสัญลักษณ์ Spirit of Ecstasy เพิ่มขึ้นได้อีก
หลังจากการทดสอบอุโมงค์ลมอย่างเข้มงวด การสร้างแบบจำลองดิจิทัลและการทดสอบความเร็วสูงอย่างต่อเนื่องในสนามทดสอบ Miramas ตัวเลขค่าแรงเสียดทานอากาศนี้ลดลงเหลือเพียง 0.25 สิ่งนี้ไม่เพียงแต่แสดงถึงการบันทึกสถิติในบริบทของโรลส์-รอยซ์เท่านั้นแต่ยังเป็นในส่วนของยานยนต์หรูที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
ภารกิจอันน่าทึ่งยังคงดำเนินต่อไป
Spectre จะยังคงถูกนำไปทดสอบทั่วโลกต่อไป ยนตรกรรม Electric Super Coupé นี้ยังคงต้องผ่านการทดสอบระยะทางอีกเกือบหนึ่งล้านกิโลเมตรก่อนที่ทีมวิศวกรของแบรนด์จะพิจารณาว่าการทดสอบได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ก่อนส่งมอบรถยนต์ให้กับลูกค้ารายแรกในไตรมาสที่สี่ของปีพ.ศ. 2566
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th