Bangkok Hot Rod Custom Show 2022 รอยัล เอ็นฟีลด์ ขนรถคัสตอมร่วมงาน
Bangkok Hot Rod Custom Show 2022. งานจัดแสดงรถจักรยานยนต์คัสตอมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย Royal Enfield ขนรถคัสตอมสุดเท่ 6 คัน ไปอวดโฉม โดยมีทั้งรถรุ่น Himalayan และ Twins 650 ซึ่งถูกนำไปปรับแต่งโดยสำนักแต่งชื่อดังมากมาย อย่าง ZEUS CUSTOM, K-SPEED และ Apollo Garage นอกจากนี้รอยัล เอ็นฟีลด์ยังจัดกิจกรรมพิเศษให้ลูกค้าของแบรนด์ที่มีรถคัสตอมกว่า 50 ท่าน ได้ร่วมกันขี่รถของตัวเองเข้างานอีกด้วย
การปรับแต่งรถนั้นถือเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญของวัฒนธรรมการขี่รถจักรยานยนต์ในประเทศไทย ซึ่งมีตั้งแต่การใช้อุปกรณ์เสริมเพิ่มความสวยงาม และอัพเกรดสมรรถนะ ไปจนถึงการปรับแต่งยกคัน ไม่มีรถรอยัล เอ็นฟีลด์คัสตอมคันไหนที่ดูเหมือนกัน ทั้งนี้การปรับแต่งรถยังทำให้สำนักแต่งในประเทศไทย เช่น ZEUS CUSTOM, K-SPEED, RANGER KORAT, Ok Easy Shop, Apollo Garage และอีกมากมายได้โอกาสเติบโตด้วย
คุณอนุจ ดัว, หัวหน้าฝ่ายธุรกิจประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก, รอยัล เอ็นฟีลด์ กล่าวว่า “รอยัล เอ็นฟีลด์ให้ความสำคัญกับการเป็นพันธมิตรกับผู้ขี่รถจักรยานยนต์ทุกแบบมาตลอด รถคัสตอมของเราที่ทั้งสวย เท่ และเร้าใจ แสดงให้ทุกคนเห็นได้ชัดเจนว่ารถรอยัล เอ็นฟีลด์นั้นสมบูรณ์แบบสำหรับการปรับแต่งอย่างแท้จริง โครงสร้างที่แข็งแกร่ง ดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่เหมาะกับหลายโอกาส และความงามเหนือกาลเวลา ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ทำให้ผู้ปรับแต่งรถชื่นชอบรถของเรา ซึ่งเราสร้างให้ทุกคันมีดีไซน์เรียบง่าย และเครื่องยนต์แข็งแรงทนทาน เพื่อที่ลูกค้าจะได้สัมผัสจิตวิญญาณของการขี่ที่แท้จริงอย่างเต็มที่ และเราก็เชื่อว่าการปรับแต่งรถคือหนึ่งในสิ่งสำคัญของการสัมผัสจิตวิญญาณของการขี่ที่แท้จริง เหตุนี้เราจึงสนับสนุนส่งเสริมการปรับแต่งรถให้เป็นที่ยอมรับในระดับโลกมาตลอด การมีส่วนร่วมในงาน Bangkok Hot Rod Custom Show 2022 ของเราครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ปรับแต่งรถ และผู้ขี่แสดงความชอบของตัวเองออกมา ผ่านการสร้างสรรค์รถคัสตอมที่ ’เป็นตัวเอง’ ไม่เหมือนใคร”
นอกเหนือจากรถคัสตอมแล้ว รอยัล เอ็นฟีลด์ยังจัดโซนเครื่องแต่งกาย และอุปกรณ์แต่งรถต่าง ๆ ของแบรนด์ให้ผู้เข้าร่วมงานได้เลือกซื้ออีกด้วย
เรื่อง: ณัฐพล จีระมงคลกุล
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th
เกี่ยวกับรอยัล เอ็นฟีลด์
รอยัล เอ็นฟีลด์ เป็นแบรนด์รถมอเตอร์ไซค์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ซึ่งยังดำเนินการผลิตมาอย่างต่อเนื่อง โดยผลิตมอเตอร์ไซค์คันแรกในปีพ.ศ. 2444 รอยัล เอ็นฟีลด์เป็นบริษัทลูกของบริษัท ไอเซอร์ มอเตอร์ส ลิมิเต็ด บุกเบิกตลาดรถมอเตอร์ไซค์ขนาดกลางในประเทศอินเดียด้วยความเป็นรถมอเตอร์ไซค์แบบโมเดิร์คลาสสิกที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น และด้วยฐานการผลิตแห่งใหม่ในเมืองเชนไน ประเทศอินเดีย
รอยัล เอ็นฟีลด์ สามารถขยายการผลิตได้อย่างรวดเร็วตอบสนองต่อความต้องการในตลาดรถมอเตอร์ไซค์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สร้างการเติบโตมากกว่า 50% ทุกปี ตลอดช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา ส่งผลให้รอยัล เอ็นฟีลด์ กลายเป็นผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์รายสำคัญในตลารถมอเตอร์ไซค์ขนาดกลางระดับโลกและกำลังดำเนินงานอย่างมุ่งมั่นในการทำตลาดกลุ่มนี้ด้วยรถมอเตอร์ไซค์ที่สร้างประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนานน่าประทับใจ
รอยัล เอ็นฟีลด์เป็นบริษัทในเครือของบริษัท ไอเชอร์ มอเตอร์ส ลิมิเต็ด ดำเนินธุรกิจโดยมีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 921 ราย และ 638
สตูดิโอสโตร์ทั้งในประเทศอินเดียและเมืองใหญ่ทั่วโลก รวมถึงมีการส่งออกรถมอเตอร์ไซค์ไปยังกว่า 60 ประเทศทั่วโลก ด้วยการเติบโตมากกว่า 17% ทุกปี ตลอดช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา และยอดขายในตลาดต่างชาติที่สูงถึง 96%ในปีพ.ศ. 2562–2563 ทำให้รอยัล เอ็นฟีลด์กลายเป็นผู้นำในตลาดรถมอเตอร์ไซค์ขนาด
กลาง
นที่สุด รอยัล เอนฟิลด์ ประเทศไทย ก็เปิดตัว Royal Enfield Classic 350
ในไทยอย่างเป็นทางการ โดยราคาจำหน่าย Halcyon series จะเริ่มต้นที่ 139,900 บาท และอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญก็คือ รอยัล เอนฟิลด์ ได้ประกาศเตรียมเปิดโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์ในประเทศแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ประเทศไทยด้วย
เป็นมอเตอร์ไซค์คลาสแสตนดาร์ดที่ รอยัล เอนฟิลด์ เริ่มผลิตในช่วงปี 2009 ตัวรถออกแบบและผลิตโดยใช้แรงบันดาลใจจากมอเตอร์ไซค์คลาสสิคอย่าง Royal Enfield G2 ในปี 1948 ซึ่งนับเป็นรถที่ใช้ระบบกันสะเทือนหลังแบบสวิงอาร์เป็นรุ่นแรก มาผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทันยุคสมัย
แชสซีส์ของ Classic 350
ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด แข็งแรงขึ้น คล่องตัวขึ้น ท่านั่งออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ อุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย มีอาทิ ชุดไฟหน้าแบบมีปีก, ไฟหรี่แบบใหม่, ถังน้ำมันทรงหยดน้ำ, มาตรวัดแบบผสม ดิจิทัล-อนาล็อก รุ่นใหม่ พร้อมจอแสดงผลแบบ LCD, พอร์ทชาร์จ USB ใต้แฮนเดิลบาร์, ชุดเบรคแบบดิสค์เบรค หน้า/หลัง และระบบ ABS แบบ 2 ทิศทาง
ทุกรุ่นใช้พละกำลังจากเครื่องยนต์ตระกูล J-series รุ่นใหม่ล่าสุด แบบสูบเดี่ยว ความจุกระบอกสูบ 349 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยอากาศ/น้ำมัน พร้อม Balancer shaft ช่วยลดการสั่นสะเทือน ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ กำลังสูงสุด 20.2 แรงม้า (BHP) ที่ 6,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 2.7 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที
ราคาจำหน่ายการจำหน่ายจะแยกเป็น 4 รุ่นย่อย ประกอบด้วย Halcyon series, Classic Signals, Dark series และรุ่นพรีเมียม Classic Chrome ทุกรุ่นมีอุปกรณ์ตกแต่งของแท้จากโรงงาน หรือ Genuine Motorcycle Accessories ให้เลือกติดตั้งเพิ่มเติมหลายรายการ ตัวรถมาพร้อมการรับประกัน 3 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน), บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 3 ปี, ฟรีค่าแรงเช็คระยะ 3 ครั้ง และ Classic 350 Welcome Gift
Halcyon series : เลือกได้ 3 สีระหว่าง Green, Grey หรือ Black ราคาจำหน่าย 139,900 บาท
Classic Signals : เลือกได้ 3 สีระหว่าง Marsh Grey หรือ Desert Sand การตกแต่งสื่อถึงความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์ รอยัล เอนฟีลด์ และกองทัพ ทุกคันมาพร้อมตราสัญลักษณ์, กราฟิค และหมายเลขบนถังน้ำมันที่ไม่ซ้ำกัน ราคาจำหน่าย 147,000 บาท
Dark series : เลือกได้ 3 สีระหว่าง Stealth Black หรือ Gunmetal Grey ราคาจำหน่าย 154,000 บาท
Classic Chrome : รุ่นท๊อปในไลน์อัพ เลือกคู่สีทูโทนได้ระหว่าง Chrome Red หรือ Chrome Bronze ราคาจำหน่าย 155,000 บาท
ประกาศเตรียมผลิตมอเตอร์ไซค์ในประเทศไทย
ในงานนี้ รอยัล เอนฟีลด์ ได้ประกาศเตรียมผลิตมอเตอร์ไซค์ในประเทศไทย โดยความร่วมมือกับ GPX ซึ่งนับเป็นการผลิตและประกอบรถจักรยานยนต์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนอกเหนือจากโรงงานในเมืองเชนไน ประเทศอินเดีย เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของแบรนด์ รอยัล เอนฟิลด์ ด้วย
คุณบี โกวินดาราจาน กรรมการบริหาร รอยัล เอ็นฟีลด์
คุณบี โกวินดาราจาน (B Govindarajan) กรรมการบริหาร รอยัล เอ็นฟีลด์ กล่าวว่า “รอยัล เอนฟีลด์ พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องเพื่อเติบโตในประเทศต่างๆ และขยายเซ็กเมนต์รถจักรยานยนต์รุ่นมิดเดิลเวททั่วโลกมาตลอด ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาเรากลายเป็นแบรนด์รถจักรยานยนต์ระดับโลกอย่างแท้จริง ด้วยการเติบโตในระดับนานาชาติในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยุโรป และละตินอเมริกา ขณะนี้เรามีตัวแทนจำหน่ายใน 60 ประเทศ ด้วยมุมมองเชิงกลยุทธ์เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น”
“และเพื่อให้ได้มาซึ่งความได้เปรียบทางการตลาดที่สำคัญ เราได้ดำเนินการตามแผนของเราในการจัดตั้งโรงงานประกอบรถจักรยายนต์ในประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอเมริกาใต้ ในขั้นแรกเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะประกาศการเปิดตัวโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์ในประเทศแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ประเทศไทย เรามีแผนกลยุทธ์ในการขยายเครือข่าย ความสามารถในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์ในตลาดต่างประเทศของเรา ความสำเร็จของ Twins 650 และ Meteor นั้นให้แรงบันดาลใจกับเรามาก เรามุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการขับขี่รถจักรยานยนต์ที่เติบโตอยู่เรื่อย ๆ ของประเทศไทย การตัดสินใจเริ่มประกอบรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยของเรา และการเปิดตัวรอยัล เอ็นฟีลด์ Classic 350 ที่นี่ ถือเป็นข้อพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นในระยะยาวของเรา และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น”
คุณวิมัล ซุมบ์ลี หัวหน้าฝ่ายธุรกิจประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก, รอยัล เอ็นฟีลด์
คุณวิมัล ซุมบ์ลี (Vimal Sumbly) หัวหน้าฝ่ายธุรกิจประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก, รอยัล เอ็นฟีลด์ กล่าวว่า “Classic เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่มีบทบาทสูงมากในการเติบโตและขยายเซกเมนต์ผลิตภัณฑ์มิดเดิลเวทในอินเดีย ในขณะเดียวกันก็มีบทบาทสำคัญในการปลดล็อกวัฒนธรรมย่อยที่เฟื่องฟูในส่วนของการขับขี่แบบสบาย ๆ ทั้งในหมู่นักขับอายุน้อยและกลุ่มที่มีประสบการณ์ทั่วโลก All-new Classic 350 สืบสานตำนานนี้ต่อเนื่องไปและสร้างขึ้นเพื่อสะท้อนถึงภาษาการออกแบบที่เหนือกาลเวลาอย่างที่เราเคยได้สัมผัสมาแล้ว พร้อมประสบการณ์การขับขี่ที่ทันสมัยและเป็นจินตนาการใหม่ทั้งหมด”
นอกจากนี้ Classic 350 ใหม่ ยังคงรักษารูปลักษณ์ย้อนยุคไว้ได้ครบถ้วน โดยมีเป้าหมายที่จะนำพามรดกตกทอดนี้เดินไปข้างหน้าด้วยการตกแต่งระดับพรีเมียมและลงตัว แชสซีและเครื่องยนต์ที่ยึดเกาะพื้นถนน บวกกับการขับขี่และการควบคุมรถที่เหนือชั้น ด้วยการมุ่งเน้นที่เฉียบคมที่จะเจาะตลาดรถจักรยานยนต์ในกลุ่มมิดเดิลเวท และสร้างความน่าสนใจให้กับชุมชนผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ เรามั่นใจว่า Classic 350 ใหม่ และการผลิตรถจักรยานยนต์ที่โรงงานย่อยในประเทศไทยจะขับเคลื่อนการเติบโต และความทะเยอทะยานมุ่งมั่นของเราในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกต่อไป”