Seoul Motor Show 2017 อุตสาหกรรมยานยนต์เกาหลีจัดหนัก! โชว์เทคโนโลยีขับเคลื่อนแห่งอนาคต
มีโอกาสได้บินกลับมาที่เกาหลีอีกครั้ง เพื่อร่วมงาน Seoul Motor Show 2017 ที่จัดขึ้นทุก 2 ปีครั้ง หลังจากที่ได้รับคำเชื้อเชิญจากทาง KAMA (Korea Automotive Manufacturers Association) ให้รีบบินมารอบสื่อในวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา กรังด์ปรีซ์ลงเครื่องปุ๊บ รีบจับรถมาที่ย่าน Gyeonggi-do ห่างจากอินชอน 50 นาที มีรถไฟใต้ดินจากโซลมาได้สบาย รวมถึงรถบัสลีมูซีนรับ-ส่ง จากสนามบิน อากาศช่วงนี้ยังหนาวจับใจ กลับกันกับบ้านเราหน้าร้อนพอดี งานฯจัดขึ้นที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุม KINTEX ที่มีขนาดไม่แพ้เมืองทองของเราเลย กินพื้นที่ 91,141 ตร.ม. มีค่ายรถยนต์เข้าร่วมงาน 27 แบรนด์ รวมทั้งผู้ผลิตชิ้นส่วนมาจัดแสดงอีกเพียบ งานจัดทั้งหมด 10 วัน ตั้งแต่ 31 มีนาคม-9 เมษายน เหมือนงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ของเรา แต่เกาหลีรอบนี้มาในทีม Design the Future, Enjoy the moment “เหมือนกับเห็นแล้วว่าอนาคตทิศทางยานยนต์จะเป็นอย่างไร เพียงแค่สร้างมันขึ้นมาให้ได้” อันนี้แอบเข้าใจว่างั้นนะ ดูจากโปสเตอร์
ผมมาถึงก็ไปรายงานตัวตามระเบียบกับน้องๆ พีอาร์เกิร์ล ฮันยองอาเซโย! “นิตยสารกรังด์ปรีซ์ บางกอก ไทยแลนด์” เสียงสูงปรี๊ด ที่ห้อง Press Center เพื่อลงทะเบียนรับบัตรเข้างาน เห็นตารางเปิดตัวแล้วแทบเป็นลม เนื่องจากมาคนเดียว เขียนเรื่องและถ่ายรูปด้วย เพราะ Hall จัดแสดงมี 2 Hall หลัก ห่างกันเกือบ 400 เมตร แถมตารางเปิดบูธเป็นแบบคู่ขนาน 2 แบรนด์พร้อมกันตามธรรมเนียม จึงเลือกที่จะเข้าไปชมได้จำกัด งานเริ่ม 09.00-16.00 น. Let’ go
พี่ใหญ่ฝั่งญี่ปุ่นนำโดยโตโยต้า ที่แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนกับเทคโนโลยีไฮบริด ในงานนี้เปิดตัว Toyota Prime Plug-in Hybrid ขายพร้อมแท่นชาร์จติดตั้งถึงบ้าน ตามมาด้วย Camry Hybrid คนละเวอร์ชันกับบ้านเรา ตามมาด้วย Sienna รถ MPV ขนาดใหญ่ 7 ที่นั่ง ส่วนความน่าสนใจในบูธจัดแสดง SMART VR ATTRACTION ให้ผู้ชมทดลองเล่นซีมูเลชันแบบใส่แว่นตาจำลองสถานการณ์ต่างๆ ที่เทคโนโลยีความปลอดภัยในรถยนต์จะช่วยเหลือผู้ขับขี่ได้อย่างไร? ทั้งในแบบถนนปกติ และในสนามแข่ง
ค่ายเกียร์ที่เกาหลีดูเหมือนจะไม่นำเสนอเรื่องเทคโนโลยีมากนัก นอกจากขายรถยอดนิยมอย่าง KIA CARNIVAL ที่ตอนนี้กำลังขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ในไทยก็เช่นกัน ด้าน KIA SOUL มาปีนี้จับใส่ชุดแต่งเพิ่มความอเนกประสงค์เต็มพิกัด แต่ที่เด่นสุดยกให้ K5 Hybrid มาพร้อมเทคโนโลยี Connected Car จัดแสดงฟังก์ชันอัจฉริยะให้คุณเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้านได้ อาทิ ทีวี เตาทำอาหาร หรือโคมไฟ สั่งเปิด-ปิดได้ จากระบบสื่อสารในรถ
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ปีนี้ยกทัพรถสปอร์ตมาครบเซต AMG เริ่มตั้งแต่ E Coupe เปิดประทุนเหมือนในบ้านเรา ตามมาด้วย E Cabriolet จอดเคียงข้างกับรุ่น GT Concept เปิดตัวครั้งแรกในอาเซียน และเจ้าปิศาจสีเขียว AMG GT-R เปิดตัวครั้งแรกในเกาหลี ยังมี C-Class รุ่นเปิดประทุนจอดเรียกแขกหน้าบูธ ยังไม่รวมตระกูล GL ที่ขนมาครบ ส่วนสาวก AMG มางานนี้ครบทุกรุ่น จอดแสดงให้สัมผัสอย่างใกล้ชิด เปิดประตูเข้าไปนั่งเล่นได้หมด
เชฟโรเลต นับเป็นค่ายอเมริกันที่เนื้อหอมสุดๆ ไม่เหมือนลินคอนที่ดูเกินเอื้อมไป โดยปีนี้ส่ง Chevrolet BOLT EV เจ้ารถแปลงร่างในหนังทรานส์ฟอร์เมอร์มาให้สัมผัสอย่างใกล้ชิด ซึ่งดูเหมือนว่าทีมออกแบบต้องบินมาอธิบายสื่อเกาหลีถึงหน้าเวทีกับคำถามมากมายที่ระดมใส่ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการใช้งาน และงานด้านวิศวกรรม และสิ่งที่ควรรู้คือคุณสมบัติการทำงาน ชาร์จไฟฟ้าเต็มที่ใช้เวลา 10 ชม. วิ่งได้ 383 กม. ภายในล้ำสมัยด้วยอุปกรณ์ดิสเพลย์ แต่ที่ติดใจคือแบตเตอรี่ลูกใหม่ กินพื้นที่น้อย ทำให้ BOLT ดูใช้งานได้สะดวกสบาย
ค่ายเลกซัส ปีนี้ยังคงแนวทางยึดขุมพลัง “ไฮบริด” เป็นพลังหลัก กับการเปิดตัว Lexus LC500h ที่กล้าพูดว่ามันเป็น Premium Hybrid อย่างแท้จริง ซึ่งยังคงสไตล์การออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเป็น DNA ของค่าย ที่ในช่วงหลังจะเน้นนำเสนอรถแนวสปอร์ตซะส่วนใหญ่ และมีโชว์รถ LF-FC นอกจากนี้ไฮไลต์พิเศษสำหรับคนเกาหลี คือ การนำนักร้องดังอย่าง TAEYANG มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งในงานวันนั้นได้โชว์ลูกคอเล็กน้อย ในบูธยังมีโชว์เครื่องบิน SKYJET ต้นแบบที่เลกซัสหันมาสร้างอากาศยานยนต์เล่นเหมือนฮอนด้าแล้ว แต่ที่เซอร์ไพรส์ คือการนำ HOVERBOARD สเก็ตบอร์ดไม่มีล้อลอยได้เหนือพื้นดิน เหมือนในหนัง Back to the future ที่ปล่อย VDO ก่อนหน้า เรียกเสียงฮือฮามาแล้วในโลกโซเชียล
แบรนด์ญี่ปุ่นอย่างนิสสัน ปีนี้เล่นใหญ่ ไม่ธรรมดา นำรถ Nissan GRIPZ Concept รถพลังงานไฟฟ้า EV แนวครอสโอเวอร์มาโชว์ ส่วนสิ่งที่น่าสนใจในบูธคือรถสปอร์ต 370Z เวอร์ชันล่าสุดมันเป็น ICONIC SPORT CAR ของค่ายก็ว่าได้ และ Nissan Murano รถเอสยูวีไฮบริดสุดหรู IT’ EXTRAORDINARY ภายในเปลี่ยนภาพรถญี่ปุ่นเป็นรถยุโรปไปแล้ว สำหรับรถซีดานยอดนิยมอย่าง Altima ก็ถูกนำมาจัดแสดง ราคาเริ่มต้น 9 แสนบาท แพงอยู่เหมือนกัน แต่ที่ประทับใจผู้ชมในความน่ารัก คือเจ้าหุ่นยนต์ EPORO มากันเป็นทีม เป็นตัวแทนเทคโนโลยี Nissan Intelligent Mobility ที่วิ่งตามกันไม่มีสะดุด ก็เหมือนกับรถยนต์ในอนาคตที่สื่อสารกับรถบนท้องถนนได้อย่างชาญฉลาด
ด้านบีเอ็มดับเบิลยู ยังคงครองพื้นที่บูธใหญ่อันดับสอง รองจากเจ้าถิ่นฮุนได แบ่งพื้นที่ในบูธระหว่าง BMW กับ MINI โดยปีนี้ทำการเปิดตัว The All New 760Li xDrive กับเครื่องไซส์พิเศษ V12 เหมือนเพิ่งมาโชว์ในบ้านเราก่อนหน้าเพียงวันเดียว แต่ตัวนี้เป็น M Performance ไม่ธรรมดาแน่ๆ ส่วนบรรยากาศภายใน BMW นำเสนอรถไฟฟ้าอย่าง i3 และ i8 ซึ่งยังคงได้รับความสนใจไม่แพ้กับรถอย่าง 33oe แต่ที่สะกดสายตาคือกลุ่มรถตระกูล M สีลูกกวาดแต่งเต็ม ชนิดที่ว่าพร้อมลงสนาม ส่วนบรรดาเศรษฐีกลุ่มครอบครัวจะหันไปชมพวก X5 X6 ที่มาพร้อมชุดแต่ง M Performance Part เต็มสูบ ลืมภาพความหรูไปได้เลย นอกจากนี้ยังมีมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่มานำเสนอคนรักสองล้ออีกด้วย ส่วนฝั่งแบรนด์มินิเอง ปีนี้เปิดตัว Countryman ใหม่ เป็นไปตามคาด หลังจากนำเสนอรุ่น 5 ประตู 3 ประตู และตัวเปิดประทุนมาแล้วในหลายภูมิภาค แต่ที่ถูกใจคงจะเป็นของที่ระลึก เสื้อผ้า กระเป๋า นำเอาน้ำลายหก
ด้านฮุนได พี่ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมรถยนต์เกาหลี ปีนี้นำเสนอเทคโนโลยีใหม่ ชนิดทำเอากลุ่มรถตลาดที่มีขายอยู่ไม่มีบทบาทในงานเลย นอกจากตัวเวอร์ชันพิเศษกับชุดแต่งสปอร์ต เริ่มกันที่ INOIQ รถยนต์ Electric รุ่นใหม่ โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารระหว่าง คนกับรถ และรถกับบ้าน เราคงคุ้นเคยกับการแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกมาแล้ว ครั้งนี้มันสามารถสั่งงานเปิด-ปิด ไฟฟ้าในบ้าน หรือเครื่องเสียง เปิดทีวีได้ด้วยคำสั่งเสียงผ่านระบบ Connective Car มีเสียงตอบโต้เหมือน Siri เวอร์ชันเกาหลี ซึ่งรถรุ่นนี้ยังมีรุ่นย่อยเป็นรุ่น Plug-in ขายด้วย แต่ที่ล้ำสุดๆ ต้องยกให้ยานยนต์อัจฉริยะ Autonomous Concept (เหมือนจะอ่านว่าอัตโนมัติ) ขับโชว์ขึ้นบนเวที เปิดตัวให้เห็นจะจะ ซึ่งเร็วๆ นี้ เกาหลีจะมีใช้กันแล้ว ปิดท้ายด้วยรถเพื่อการขายอย่าง FB Grandeur Hybrid เจเนอเรชันที่ 6 ที่คุยว่าวิ่งได้ 16 km/l ขายความหรูหรา สะดวกสบายไม่แพ้รถยุโรป เปิดขาย 3 รุ่นย่อย
ฮอนด้า เกาหลี ปีนี้เปิดตัว All New Honda CR-V เหมือนบ้านเรา แต่เวอร์ชันที่นี่เป็นเครื่องยนต์เบนซิน VTEC TURBO 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 193 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ต่างจากไทยที่เป็นดีเซลเทอร์โบ และเพิ่งได้รับรางวัลรถครอบครัวยอดเยี่ยมแห่งปี 2017 จากนิตยสาร Car And Drive ของผู้จัดงานฯ เรียกความน่าสนใจจากสื่อ ชนิดที่ว่ารถ Sport Hybrid NSX ที่เคยโชว์ในงานโตเกียวเมื่อปี 2015 ดูจืดไปเลย นอกจากนี้ยังนำ Civic ซีดานเวอร์ชันกิมจิ มีซันรูฟเหมือนฝั่งอเมริกา และ Honda Pilot เอสยูวีบิ๊กไซส์ กำลังเครื่องโหด V6 3.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 284 แรงม้า ไว้ลากเรือลากตู้พ่วงมาจัดแสดง หันมาอีกมุมมี Accord Hybrid ที่หน้าตาไม่เหมือนบ้านเราจอดโชว์อยู่ ปิดท้ายด้วย Honda Clarity Fuel Cell ใช้ไฮโดรเจนเป็นพลังงานหลัก อันนี้ไม่ใช่ของใหม่มากนัก แต่มีมาโชว์ พวกแนว Zero Emissions
พอหมดเวลาเหมือนกรรมการเป่าปรี๊ดเป็นอันรู้กัน เพราะต้องเผื่อเวลาเดินทางกลับที่พัก ซึ่งนอกเหนือจากค่ายรถยนต์แล้ว ถ้าใครชอบงานชิ้นส่วน ที่นี่มีให้เลือกชมเพียบ ไม่แพ้งานออโต้ แม็คคานิก้า ก็ว่าได้ เทคโนโลยีการขับเคลื่อนของประเทศนี้กำลังก้าวไปตามเทรนด์โลกไม่แพ้ฝั่งญี่ปุ่นหรือยุโรป ซึ่งมีสองทางเลือกของขุมพลัง “ไฟฟ้า” กับ “ไฮโดรเจน” คำตอบคงได้เห็นแล้ว ไฟฟ้าสิครับ ใกล้ตัวกว่า…ส่วนที่เสียดายพลาดชม เพราะเวลาไม่พอ คือพวกบูธ Play Station หรือร้านขายของเล่น รถโมเดล อีกสองปีเจอกันใหม่
เรื่อง/ภาพ ณัฐพล จีระมงคลกุล
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th