Smart #5 รถเอสยูวีไฟฟ้าเน้นความอเนกประสงค์ เทคโนโลยี และความพรีเมียม
Smart แบรนด์รถยนต์ที่มีจุดเด่นด้วยรถขนาดเล็กสำหรับใช้งานในเมือง ไม่เพียงปรับเปลี่ยนเป็นแบรนด์รถไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังขยายไลน์อัปรถของตนที่มีแต่รถขนาดเล็ก มาสู่รถที่มีขนาดและความอเนกประสงค์มากขึ้นในสไตล์รถเอสยูวีด้วย #5
Smart #5 ถูกระบุว่าได้รับการออกแบบโดย Mercedes-Benz ให้มีเอกลักษณ์ด้วยส่วนต่างๆ ของรถอย่างหลังคาพาโนรามิก Halo Roof ประตูไร้กรอบ มีโอเวอร์แฮงก์ทั้งหน้าและหลังที่สั้น ในขณะที่ตัวรถมีความยาว 4,705 มม. และมีระยะฐานล้อยาว 2,900 มม. นอกจากนี้รถยังมีความโดดเด่นด้วยไฟหน้าและไฟท้าย 4 เหลี่ยมผืนผ้า กระจกข้างทูโทน และโลโก้กลางล้อที่ตั้งตรงอยู่เสมอแม้ตอนล้อรถกำลังหมุน
รถเอสยูวีไฟฟ้ามี 2 เกรดคือ Summit Edition และ Premium+ โดยเกรดแรกถูกออกแบบสำหรับผู้ชื่นชอบการผจญภัย พร้อมรวมทั้งคุณภาพระดับพรีเมียม นวัตกรรมสำหรับการใช้งาน และฟังก์ชันต่างๆ อย่างแถบไฟที่หลังคา หูลากจูงอีเล็กทรอนิก การป้องกันใต้ท้องรถ ที่เก็บสัมภาระบนหลังคา บันไดข้าง และบันไดด้านข้างที่เสา D-Pillar ของรถ
ส่วนห้องโดยสารถูกระบุว่ามีทั้งความทันสมัย พื้นที่กว้าง และเทคโนโลยี ทำให้มีทั้งเบาะ Zero-gravity หุ้มหนังปรับเอนได้ 121 องศา โดยมีเข็มชัดนิรภัยอยู่รวมที่เบาะ ขณะที่เบาะหลังถูกระบุว่ามีพื้นที่ Head-room 1,060 มม. โดยสามารถปรับทั้งความอุ่นและเอนหลังได้ นอกจากนี้ยังมีม่านบังแดดไฟฟ้า และไฟอ่านหนังสือในแบบไฟของที่นั่งเฟิร์สคลาสบนเครื่องบิน รวมทั้งมี Comfort Mode เพื่อเพิ่มพื้นที่ Leg-room มากขึ้น
ขณะที่การแต่งรถใช้วัสดุพรีเมียมอย่างไม้โอ๊ก พร้อมสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารด้วยไฟ Ambient Lighting 256 สี โดยความสบายในห้องโดยสารยังรวมถึงสามารถพับเบาะรถเพื่อเปลี่ยนเป็นพื้นที่สำหรับนอนทั้งได้หลากหลายขนาด สำหรับความบันเทิงในรถมีทั้งโปรเจ็กเตอร์ในตัว ระบบเสียง Senheiser Signature ลำโพง 20 ตำแหน่ง และลำโพงที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ส่วนพื้นที่เก็บสัมภาระของรถขยายได้ถึง 1,530 ลิตร
รถยังเต็มไปด้วยเทคโนโลยีทั้งการแสดงข้อมูล Augment Reality Head-up Display ขนาด 25.6 นิ้ว จอแสดงข้อมูลการขับขนาด 10.3 นิ้ว รวมทั้ง 2 จอ AMOLED 2.5K ขนาด 13 นิ้วอยู่ตรงกลางและหน้าผู้โดยสารที่เบาะหน้า พร้อมมีระบบสั่งงานด้วยเสียง
#5 อยู่บนแพลตฟอร์ม 800-volt และใช้แบตเตอรี 100 kWh สามารถชาร์จไฟถึง 70 เปอร์เซ็นต์ด้วยเวลา 15 นาที ขณะที่ระยะการเดินทางเมื่อชาร์จไฟเต็มถูกระบุไว้ที่ 740 กิโลเมตรตามมาตรฐาน CLTC อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายละเอียดระบบขับเคลื่อนของรถออกมา แต่ถูกระบุว่ามีโหมดขับมาให้ใช้ทั้งสำหรับทางเรียบและออฟโรดอย่าง Adaptive, Sand, Snow, Mud และ Rock
นอกจากการเผยโฉมรถพร้อมข้อมูลบางส่วนแล้ว ยังไม่รายละเอียดด้านราคาและการขายออกมา
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th