ส่องสเปครถไฟฟ้า BYD ATTO 3 พร้อมชมภาพรถคันจริง เปิดราคา 10 ตุลาคมนี้
ส่องสเปครถไฟฟ้า BYD ATTO 3 ออปชั่นจัดเต็ม แบตเตอรี่เป็น 60.48 กิโลวัตต์ วิ่งไกล 480 กม. ชมภาพรถคันจริง ก่อนเปิดราคา 10 ตุลาคม 65 นี้
Rever Automotive ตัวแทนจำหน่าย BYD ในประเทศไทย เตรียมเปิดตัว BYD ATTO 3 รถไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุด และจะเป็นรุ่นแรกของแบรนด์ อย่างเป็นทางการในประเทศไทยในวันที่ 10 เดือนตุลาคม 2565 ซึ่งรถที่จะนำเข้ามาจำหน่ายจะเป็นสเป็คเดียวกับรุ่นที่ขายอยู่ในประเทศออสเตรเลีย แต่มีความต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
มิติตัวถัง BYD ATTO 3
- ความยาว : 4,455 มิลลิเมตร
- ความกว้าง : 1,875 มิลลิเมตร
- ความสูง : 1,615 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ : 2,720 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดถึงพื้น : 175 มิลลิเมตร
- นำ้หนักตัวรถ : 1,750 กิโลกรัม (น้ำหนักตัวรถมากสุดในเซ็กเมนท์)
ด้วยขนาดของตัวรถ บีวายดี แอทโต 3 น่าจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มของ B-SUV ซึ่งในภาพรวมของกลุ่มเซ็กเมนท์นับว่ามีคู่แข่งจำนวนมาก แต่เมื่อแยกชนิดของขุมกำลังในการขับเคลื่อนประเภท รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle, BEV) จะมีคู่แข่งเพียงรายเดียว คือ MG ZS EV เท่านั้น ซึ่งเมื่อนำมาเปรียบเทียบกันในเรื่องรูปลักษณ์มีขนาดใกล้เคียงกัน
เปรียบเทียบมิติตัวถัง MG ZS EV
- ความยาว : 4,323 มิลลิเมตร
- ความกว้าง : 1,809 มิลลิเมตร
- ความสูง : 1,649 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ : 2,585 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดถึงพื้น : 161 มิลลิเมตร
- น้ำหนักตัวรถ : รุ่น D 1,570 /รุ่น X 1,610 กิโลกรัม
จากดีไซน์ของตัวรถ ATTO 3 ภายนอกมีรูปลักษณ์ที่ดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยว Panoramic Glassroof พร้อมม่านบังแดด ตัวถังหากสัมผัสดูจะพบว่าเลือกใช้วัสดุเหล็กที่มีความหนากว่าหลายแบรนด์ ภายในออกแบบมาได้แตกต่างจากทุกค่าย ดูมีความล้ำสมัย และเลือกใช้วัสดุคุณภาพดี โดดเด่นด้วย จอกลาง ระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 12.8 นิ้ว สามารถปรับหมุน ดูได้ทั้งแบบแนวตั้ง – แนวนอน ด้วยระบบไฟฟ้า
ส่องสเปครถไฟฟ้า BYD ATTO 3 ดีไซน์ภายนอก
- ช่วงล่าง ด้านหน้า MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง / ด้านหลัง Multi-Link
- ระบบเบรก หน้า ดิสก์เบรก พร้อมครีบระบายความร้อน /หลัง ดิสก์เบรก
- ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 215/55 R18
- หลังคากระจก Panoramic Glassroof พร้อมม่านบังแดด
- กระจกมองข้าง ปรับและพับ ด้วยไฟฟ้า พับเก็บอัตโนมัติเมื่อล็อครถ
- ไฟหน้าแบบ LED High-Low Beam พร้อม ระบบไฟหน้า Follow-me-home
- ไฟ Daytime Running Light แบบ LED
- ไฟท้ายแบบ LED พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
- ฝาท้าย เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า (ไม่มี Kick Sensor แบบในเวอร์ชั่นออสเตรเลีย)
ดีไซน์ภายในห้องโดยสาร
- ภายในห้องโดยสาร สีทูโทน
- สวิตซ์ควบคุมหน้าจอและเครื่องเสียง Multi-function บนพวงมาลัย
- พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPAS
- สวิตซ์เปลี่ยนเกียร์แบบ Finger-touched Electronic Shift
- มาตรวัดแบบ Full Digital ขนาด 5.0 นิ้ว
- ระบบกุญแจ Keyless Entry
- กระจกหน้าต่างไฟฟ้า พร้อมระบบ One-touch 4 บาน
- ระบบป้องกันการหนีบ Anti-Pinch
- ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ กรองอากาศ PM 2.5
- ระบบเบรกมือไฟฟ้า Electronic Parking Brake : EPB
- ฟังก์ชั่น Auto Brake Hold
- เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า ปรับด้วยไฟฟ้า 4 ทิศทาง
ระบบความบันเทิง
- เครื่องเสียงรองรับ วิทยุ AM/FM เชื่อมต่อแบบไร้สาย Bluetooth
- ระบบสั่งงานด้วยเสียง Voice Recognition
- หน้าจอกลาง ระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 12.8 นิ้ว หมุนแนวตั้ง – แนวนอน ด้วยระบบไฟฟ้า Intelligent Rotating
- ลำโพง 8 ตำแหน่ง Dirac HD Sound
- ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Wireless Charger
- ช่องเชื่อมต่อ USB Type A / Type C 2 ตำแหน่ง ด้านหน้า
- ช่องเชื่อมต่อ USB Type A / Type C 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
- ช่องชาร์จไฟ 12V
ระบบ Powertrain
ด้านของเทคโนโลยี Powertrain หรือ ขุมพลัง แม้จะยังไม่เปิดเผยอย่างเป็นทางการแค่ คาดการณ์ว่าจะถูกนำเข้ามาจำหน่าย 2 รุ่น คล้ายกับที่วางจำหน่านในออสเตรเลีย โดยจะมีขนาดแบตเตอรี่อยู่ 2 แบบด้วยกัน คือ
แบบ Standard Range 49.9 kWh
มอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor มีกำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ (201 แรงม้า) และแรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร ใช้เวลา 7.3 วินาที ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. แบตเตอรี่ BYD Blade Battery Lithium-ion phosphate (LFP) ขนาด 49.92 kWh วิ่งระยะทางสูงสุด 410 km. ต่อการชาร์จ (มาตรฐาน NEDC) และ วิ่งระยะทางสูงสุด 345 km. ต่อการชาร์จ (มาตรฐาน WLTP)
แบบ Extended Range 60.4 kWh
มอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor มีกำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ (201 แรงม้า) และแรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร ใช้เวลา 7.3 วินาที ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. แบตเตอรี่ BYD Blade Battery Lithium-ion phosphate (LFP) ขนาด 60.48 kWh วิ่งระยะทางสูงสุด 480 km. ต่อการชาร์จ (มาตรฐาน NEDC) วิ่งระยะทางสูงสุด 420 km. ต่อการชาร์จ (มาตรฐาน WLTP)
หัวชาร์จรองรับทั้ง Domestic 3-pin Plug AC Charger และ AC Charging Port-Type 2 (กำลังไฟ 7 กิโลวัตต์ใช้เวลาชาร์จจาก 0-100% ประมาณ 8.5 ชั่วโมง) DC Charging Port-CCS 2 (Standard Range 70kW) และ DC Charging Port-CCS 2 (Extended Range 80kW) จะใช้เวลาราว 45 นาทีในการชาร์จ 0-100%
เปรียบเทียบขุมพลัง MG ZS EV
ขุมพลังขับเคลื่อนของ เอ็มจี แซดเอส อีวี มอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor มีกำลังสูงสุด 130 กิโลวัตต์ (177 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 50.3 kWh ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ระยะทางวิ่งสูงสุดอยู่ที่ 403 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) และ ระยะทางวิ่งสูงสุด 320 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP) อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 8.6 วินาที
หัวชาร์จรองรับ ทั้งแบบ AC Charging Port-Type 2 รองรับสูงสุด 7 kW ใช้เวลา 7 ชั่วโมง 15 นาที หัวชาร์จ DC CCS Combo สามารถอัดประจุด้วย DC Fast Charge จาก 30 – 80% ได้ภายในเวลา 30 นาที
ระบบช่วยเหลือการขับขี่
- Electronic Stability Program (ESP): ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว
- Traction Control System (TCS): ระบบป้องกันการลื่นไถล
- Anti-Lock Braking System (ABS): ระบบป้องกันล้อล็อก
- Electronic Brake Force Distribution (EBD): ระบบควบคุมการกระจายแรงเบรก
- Auto Hold: ระบบหน่วงแรงเบรกอัตโนมัติ
- Hill Descent Control (HDC): ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติขณะรถลงทางลาดชัน
- 360° View Monitor: ระบบกล้องรอบคัน 360 องศา พร้อมเรดาห์ตรวจจับด้านหน้า 2 ตัว และด้านหลัง 4 ตัว
- Stop & Go Full Speed Adaptive Cruise Control (ACC-S&G): ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมฟังก์ชัน Stop and Go
- Tyre Pressure Monitoring System (TPMS): ระบบตรวจสอบความดันลมยาง
เทคโนโลยีความปลอดภัย
- Automatic Emergency Braking System (AEB): ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ
- Front Collision Warning (FCW): ระบบเตือนการชนด้านหน้า
- Rear Collision Warning (RCW): ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการถูกรถยนต์คันหลังชนขณะขับขี่
- Blind Spot Monitoring (BSD): ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา
- Lane Departure Warning (LDW): ระบบเตือนการออกนอกเลน
- Lane Keeping Assist (LKA): ระบบช่วยเตือนให้รถขับอยู่ในเลน
- Rear Cross Traffic Alert (RCTA): ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง
- Rear Cross Traffic Brake (RCTB): ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง
- ระบบถุงลมนิรภัย SRS 7 ตำแหน่ง และจุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก ISOFIX
ทั้งนี้ ในส่วนของรายละเอียดตัวรถอย่างเป็นทางการ ยังคงต้องรอการเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง โดยสามารถชมการพรีวิวทดสอบสมรรถนะของรถเอสยูวีพลังไฟฟ้ารุ่นใหม่อย่าง ATTO 3 ได้เบื้องต้นทาง Youtube Grandprix Online
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้า เรเว่ ออโตโมทีฟ ได้ประกาศความพร้อมในการเข้ามาเป็นผู้จำหน่ายรถยนต์ BYD ในประเทศไทย ด้วยการลงทุนไปกว่า 3,000 ล้านบาท เตรียมที่จะเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการ 31 แห่งทั่วประเทศในปี 2022 พร้อมจับมือกับพันธมิตรเปิดสถานีชาร์จรถไฟฟ้าจำนวน 1,000 แห่ง พร้อมตั้งเป้าทำยอดขายให้ได้ 10,000 คันภายในปี 2023 และตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทยในปี 2024
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ภาพ : ฝ่ายภาพ GRANDPRIX
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ได้ที่ www.grandprix.co.th