ส่องสเปค EQB 250 AMG Line เอสยูวีไฟฟ้า 100% วิ่งไกล 460 กิโลเมตร
ส่องสเปค EQB 250 AMG Line เอสยูวีไฟฟ้า 100% วิ่งไกล 460 กม. แพลตฟอร์มเดียวกับ GLB มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ PSM 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 385 นิวตันเมตร
EQB 250 AMG Line
ยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า 100% ภายใต้แบรนด์ Mercedes-EQ รุ่นล่าสุด ที่ผลิตและนำเข้า (CBU) มาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย มาพร้อมรูปแบบตัวถังแบบ รถเอสยูวีที่ใช้แพลตฟอร์มเดียวกันกับ GLB
EQB 250 AMG Line วางจำหน่ายในราคา 3,020,000 บาท
ขุมพลัง แรง ประหยัด
- ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD)
- มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ PSM (Permanently Excited Synchronous Motor)
- ให้พลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 385 นิวตันเมตร
- ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในระยะเวลา 8.9 วินาที
- แบตเตอรี่ Lithium-ion แบบแรงดันสูง (High-Voltage)
- ความจุแบตเตอรี่ 66.5 kWh สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุด 460 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP
- สำหรับการชาร์จไฟฟ้า EQB รองรับการชาร์จกระแสตรง DC สูงสุด 100 kW ใช้เวลาชาร์จจาก 10-80% เพียง 32 นาที
- รองรับการชาร์จกระแสสลับ AC สูงสุด 11 kW ใช้เวลาชาร์จจาก 0-100% ในระยะเวลา 6 ชั่วโมง 50 นาที
- Mercedes-Benz Wallbox Home รุ่น 2.0 ที่มาพร้อมระบบป้องกันฝุ่นกันน้ำ ตามมาตรฐาน IP55/IK10 ควบคุมการชาร์จไฟฟ้าและอัปเดตซอฟต์แวร์ได้แบบ OTA (over-the-air) ผ่านแอปพลิเคชัน Mercedes me
ดีไซน์ ภายนอก หรูหรา
- ดีไซน์ที่แฝงไปด้วยความหรูหราภายใต้แนวคิด “Progressive Luxury” ตามแบบฉบับของแบรนด์ Mercedes-EQ ร
- มิติตัวถังขนาดใหญ่ด้วยความยาว 4,687 มม. ความกว้าง 2,020 มม. ความสูง 1,667 มม.
- ระยะฐานล้ออยู่ที่ 2,829 มม.
- ตกแต่งรอบคันแบบ AMG bodystyling
- กระจังหน้าแบบ Radiator grille พร้อมแถบคาดกระจังหน้าโครเมี่ยมแบบ Twin blade ที่
- โคมไฟหน้าความละเอียดสูงแบบ LED High Performance ตกแต่งเส้นสายไฮไลท์สีฟ้า
- ติดตั้งระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist)
- ติดตั้งราวหลังคาอลูมิเนียมในสไตล์ของรถเอนกประสงค์
- ล้ออัลลอยด์ดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ Multi-spoke ขนาด 20 นิ้ว
ออกแบบภายใน สะดวกสบาย หรูหรา
- ห้องโดยสารด้วยการดีไซน์แบบ AMG
- คอนโซลหน้าที่ตกแต่งแบบ Aluminium-look
- เบาะหนังสไตล์ AMG ที่หุ้มด้วยหนัง ARTICO ตัดสลับกับ MICROCUT microfibre สีดำ
- พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนัง Nappa และแป้นควบคุมการคืนพลังงานไฟฟ้า (Regenerate) แบบ Paddle shift ทำจากวัสดุ Galvanished steel
- ระบบความบันเทิงการหน้าจอแสดงผลความละเอียดสูงแบบ All-digital instrument display ขนาด 10.25 นิ้ว
- หน้าจอแสดงผลบริเวณคอนโซลกลางขนาด 10.25 นิ้ว
- ติดตั้งระบบอินโฟเทนเมนต์ MBUX6
- พื้นที่จุสัมภาระสูงสุด 1,710 ลิตร
- ระบบปรับเบาะแบบไฟฟ้าที่มาพร้อมระบบหน่วยความจำแบบ memory seat ทั้งเบาะผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้า
- ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติแยก 2 โซนแบบ THERMOTRONIC พร้อมการควบคุมระบบปรับอากาศผ่านสมาร์ทโฟน
- ระบบไฟ Ambient Light 64 เฉดสี
- หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เลื่อนเปิด – ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า (Electric Panoramic sliding roof) ร
- ะบบเปิด – ปิดฝากระโปรงท้ายอัตโนมัติ โดยไม่ต้องใช้มือ (HANDS-FREE ACCESS)
- ระบบการเชื่อมต่อแบบ Smart Phone Integration ที่รองรับทั้งระบบ Apple CarPlayTM และ Android Auto
- ติดตั้งระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย (Wireless charging system) สำหรับที่นั่งด้านหน้า
ความปลอดภัย เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่
- ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist)
- ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ (Active Brake Assist)
- ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ พร้อมกล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยจอด (Parking Package with reversing camera)
- ระบบรักษาระดับความเร็ว (CRUISE CONTROL)
- ระบบดูดซับแรงสั่นสะเทือน (Adjustable damping)
- ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)
- ระบบแจ้งเตือนยานพาหนะขณะเปิดประตูรถ
(Exit warning function) - ระบบแสดงสถานะลมยางพร้อมระบบแจ้งเตือนแรงดันลมยาง (Tyre pressure monitoring system)
มร. บีเยิร์น กุซเทรา รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สำหรับการดำเนินธุรกิจ ภายใต้วิสัยทัศน์ “Ambition to Lead” ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ได้นำมาปรับใช้ในการสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดและการสื่อสารในรูปแบบใหม่ เริ่มจากการเปลี่ยนคอนเซ็ปต์ของการจัดแสดงรถยนต์ในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 โดยในปีนี้เราได้สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการนำเสนอยุคใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ผ่านการจัดแสดงรถยนต์บนพื้นที่ใหม่ ที่บูธหมายเลข A19 บริเวณฮอล์ 1 ของอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ซึ่งมีการสร้างการรับรู้ให้สาธารณะผ่านแคมเปญการสื่อสาร ทั้งในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์
โดยความพิเศษของบูธเมอร์เซเดส-เบนซ์ในปีนี้ จะถูกออกแบบให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ “Ambition to Lead” พร้อมมอบประสบการณ์ที่เหนือระดับให้กับผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมบูธ ตั้งแต่ก้าวแรกที่ก้าวเข้ามาในบูธของเราไปจนถึงขั้นตอนที่ลูกค้าตัดสินใจเป็นเจ้าของยนตกรรรมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ นอกจากนี้ ภายในบูธจะถูกแบ่งโซนในการจัดแสดงรถยนต์ ซึ่งมีให้ชมครบทุกรุ่นตั้งแต่รถยนต์ในแบรนด์ Mercedes-Benz ในกลุ่มของรถ ICE และ PHEV รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100%ภายใต้แบรนด์ Mercedes-EQ รถยนต์สมรรถนะสูงในกลุ่ม Mercedes-AMG รถยนต์ระดับ Top-End Luxury อย่าง Mercedes-Maybach พร้อมด้วยยนตรกรรมระดับตำนานอย่าง SL และ G-Class ซึ่งคนไทยทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 หรือที่ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ ทั่วประเทศไทย”
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ภาพ : ฝ่ายภาพ GRANDPRIX
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ได้ที่ www.grandprix.co.th