รอลุ้น! Subaru จัดทัพรถใหม่ Made in Japan เตรียมส่ง ซูบารุ CBU รุ่นไหนขายเมืองไทย
เป็นที่แน่นอนแล้วว่าโรงงานประกอบรถยนต์ Subaru ทั้งในประเทศไทย และมาเลเซีย ภายใต้การบริหารของตัน จง อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้ถือสิทธิ์จำหน่ายรถยนต์ ซูบารุ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เตรียมยุติการผลิตในช่วงสิ้นเดือนธันวาคมนี้ พร้อมปรับกลยุทธ์ใหม่เป็นการนำเข้าทั้งคัน – Complete Build Up (CBU) – จากประเทศญี่ปุ่น เพื่อทำตลาดต่อไปในประเทศไทย, เวียดนาม, มาเลเซีย และกัมพูชา ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป
ถึงจะน่าเสียดายที่โรงงานซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง มูลค่า 5,000 ล้านบาท จะต้องยุติการผลิตลงทั้งที่เพิ่งเดินสายประกอบ Subaru Forester เจเนอเรชั่นที่ 5 เมื่อเดือนเมษายน 2562 แต่หากทบทวนให้ดีอย่าลืมว่าความจริงไลน์อัพที่ทำตลาดอยู่ในประเทศไทยตอนนี้ 4 ใน 6 โมเดลที่ปรากฎอยู่บนเว็บไซต์ https://www.subaru.asia/th/th/home/ เป็นรถยนต์ที่นำเข้าแบบ CBU ที่ผลิตจากโรงงานหลักของแบรนด์ดาวลูกไก่ที่เมืองกุนมะ
ซูบารุ เปิดสายการผลิตฟอเรสเตอร์ในไทย ตั้งโรงงานแห่งใหม่ย่านลาดกระบัง
ทำให้หากใครจะพูดเรื่องราคาโดดขึ้นจากเดิมหลายเท่าเมื่อ Subaru เปลี่ยนมาขายรถนำเข้าทั้งคัน สำหรับบรรดาสาวก Subie ตัวจริงในบ้านเรา คงไม่สะทกสะท้านกับความโหดของราคารถยนต์ Subaru Made in Japan ที่ต้องเสียภาษีอากรขาเข้า 20 เปอร์เซ็นต์ (ลดลงจาก 80 เปอร์เซ็นต์ ภายใต้ข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระหว่างไทย-ญี่ปุ่น JTEPA) และด้วยความจุกระบอกสูบของเครื่องยนต์ Boxer เมื่อมาคำนวณตามข้อกำหนดการปล่อยไอเสียทำให้ถูกเก็บภาษีสรรพสามิตไม่ต่ำกว่า 30 เปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว
หากเข้าไปดูในหน้าเว็บไซต์ Subaru Thailand จะเห็นว่ารถราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท จะมีแค่ Forester* (1,285,000-1,185,000 บาท) และ XV EyeSight* ที่นำเข้าจากประเทศมาเลเซีย (1,055,000 บาท) ส่วนที่เหลือเป็นกลุ่ม CBU จากประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ WRX, BRZ และ Outback ระดับราคาทะลุ 2 ล้านบาททุกคันอยู่แล้ว
*ราคาก่อนการประกาศส่วนลดล่าสุด
ปรับไลน์อัพใหม่ Subaru รุ่นไหน มีลุ้นขายไทย!
หากเข้าไปดูในหน้าเว็บไซต์ www.subaru.co.jp ในตอนนี้ ค่ายดาวลูกไก่มีรถยนต์ทำตลาดทั่วโลกทั้งหมด 10 โมเดล หากตัด Legacy และ Ascent ที่มีแต่รุ่นพวงมาลัยซ้ายขายในตลาดอเมริกาเหนือ WRX, BRZ และ Outback จะเป็น 3 โมเดลที่ถูกส่งเข้ามาขายในประเทศไทยอยู่แล้ว และ XV (หรือ Crosstrek) เจเนอเรชั่น 3 ที่รอมานานข้ามปี อาจได้ฤกษ์เปิดตัวขายในบ้านเราเสียทีหลังจากเปลี่ยนแผนการทำตลาดใหม่ แต่ใครที่เล็งๆ ไว้ก็อย่างที่บอกว่าราคาจะเพิ่มขึ้นอีกเกือบเท่าตัวจากรุ่นเดิมด้วยเงื่อนไขทางภาษี
ทางด้าน Forester ที่เข้าสู่ช่วงปลายอายุโมเดลเตรียมอำลาไปพร้อมการปิดโรงงานในประเทศไทย ตอนนี้ Subaru เริ่มต้นขายเจเนอเรชั่นที่ 6 ในประเทศสหรัฐฯ ไปแล้ว โดยใช้ขุมกำลังบ็อกเซอร์ 2.5 ลิตร ที่มีกำลังสูงสุด 180 แรงม้า และแรงบิด 242 นิวตันเมตร ติดตั้งเทคโนโลยีช่วยเหลือการขับขี่ EyeSight เวอร์ชั่นล่าสุด ราคาเริ่มต้นที่ 29,695 เหรียญสหรัฐฯ (ราว 1.01 ล้านบาท)
หากจะนำ All-new Forester เข้ามาขายที่ประเทศไทย บวกภาษีก็น่าจะทะลุ 2 ล้านบาทอีกเช่นกัน ยกเว้นจะรอเวอร์ชั่นไฮบริดที่คาดว่าจะออกมาในปี 2569 โดยอัตราปล่อยไอเสียที่ต่ำลงอาจช่วยทำให้เสียภาษีถูกลงมา
ส่วนโมเดลที่เข้าข่ายจะถูกอิมพอร์ตส่งมาขายในประเทศไทยที่เหลือจะมี Levorg สเตชั่นแวกอนที่ใช้พื้นฐานร่วมกับหลายๆ โมเดลของ Subaru เคยมีการนำเจเนอเรชั่นแรกเข้ามาขายในบ้านเราเหมือนกัน แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
ถ้าจะกลับมารอบนี้อาจเป็นรุ่นย่อยใหม่ Levorg Layback ที่มีการขยายตัวถังให้มีความเป็นครอสส์โอเวอร์มากขึ้น แต่ใช้ขุมกำลังเดิมเครื่องยนต์ Boxer 1.8 ลิตร ที่มีกำลังสูงสุด 177 แรงม้า และแรงบิด 300 นิวตันเมตร ราคาขายในประเทศญี่ปุ่นอยู่ที่ 3,993,000 เยน (ประมาณ 9.35 แสนบาท)
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า Solterra เอสยูวีคู่แฝดของ Toyota bZ4X โอกาสจะนำเข้ามาขายเรียกว่าน้อยมากๆ หากมองจากการที่บริษัทตันจง ซูบารุ ออโตโมทีฟ ประเทศไทย น่าจะเลือกโฟกัสที่การให้บริการกลุ่มลูกค้าเก่า และผู้ที่จะซื้อรถยนต์ใหม่ที่จะนำเข้ามาขายหลังจากนี้มากกว่าจะเพิ่มภาระให้ตัวเองด้วยการอบรมช่างประจำศูนย์ให้สามารถดูแลรถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นเหมือนเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้องค์ความรู้แตกต่างจากซ่อมบำรุงเครื่องยนต์ Boxer ที่พวกเขามีความชำนาญอยู่แล้ว
ที่สำคัญคือโควตานำเข้า และยอดขายที่ไม่มีใครรับประกันได้ว่า Solterra จะขายได้หลัก 10 หรือหลัก 100 คัน ที่ดูยังไงตัวเลขก็ไม่คุ้มค่ากับการลงทุนเพื่อขยายโชว์รูมรองรับบริการรถยนต์ไฟฟ้าที่ตอนนี้พวกเขามีขายอยู่เพียงรุ่นเดียวเท่านั้น
หลังจากได้เห็นไลน์อัพของ Subaru ในตลาดโลก ใครที่พยายามสร้างข่าวลือสไตล์กระต่ายตื่นตูมเรื่องอุตสาหกรรมรถยนต์ของประเทศไทย พอจะเห็นภาพมากขึ้นว่าความจริง Subaru เป็นแบรนด์ที่มีกลุ่มลูกค้าเฉพาะของพวกเขาเอง ถึงจะไม่ขนาด Niche Market เหมือนสินค้าลักชัวรี่ประเภทอื่นๆ
แต่การปรับกลยุทธ์ครั้งนี้เป็นเพียงแค่การถอยทัพกลับไปตั้งหลักเท่านั้น ปล่อยให้บรรดายักษ์ใหญ่ และค่ายรถยนต์ไฟฟ้าน้องใหม่ฟาดฟันกันจนฝุ่นหายตลบแล้ว Subaru พร้อมจะกลับมาด้วยขุมกำลัง Boxer ประสานพลังงานไฟฟ้าที่คงเอกลักษณ์ความเร้าใจ พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบสมมาตร Subaru Symmetrical All Wheel Drive ที่จะยึดเกาะความสำเร็จแน่นกว่าเดิมแน่นอน
แถลงการจากบริษัททีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) ยืนยันมุ่งมั่นดูแลลูกค้าชาวไทย แม้เปลี่ยนไปจำหน่ายรถนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นแทนรถผลิตในประเทศ
Subaru CBU ซูบารุ
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: บริษัททีซี ซูบารุ (ประเทศไทย)/Subaru Media
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th