SUBARU FORESTER 2.0 i-S ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อม X Mode เอสยูวีที่ไปได้ไกลกว่า
เมื่อถึงเวลาที่ตลาด SUV เบ่งบาน “ซูบารุ” เองก็เช่นกันที่หันหัวเรือมาทำตลาดรถเอสยูวีมากขึ้น ภายหลังจากแตกไลน์อิมเพรสซ่าให้ไปอยู่ในแคทตาล๊อกสายซิ่ง แล้วสานต่อดีเอ็นเอจนออกลูกหลานกลายมาเป็น ฟอเรสเตอร์ อยู่ในทุกวันนี้ ต้องบอกว่าเอสยูวีเจ้าป่าคันนี้มีสายพันธ์แรลลี่โลก เป็นเค้าโครงต้นแบบ เมื่อเกือบ 20 ปีก่อน ตอนนั้นคนไทยแทบจะไม่รู้จักว่าเซ็กเม้นท์รถเอสยูวีคืออะไร และน่าคบหาแค่ไหน นอกจากจะเป็นที่นิยมในแถบญี่ปุ่นเองแล้วตลาดอเมริกาก็ชื่นชอบไม่ใช่น้อย ในยุคนั้นจำได้ว่า “มินิแวน” เป็นศัพท์ที่เรียกติดหู ก่อนมาเป็น “ครอสโอเวอร์” โดยการเพิ่มความสูงและสมรรถนะให้มันลุยได้เล็กน้อย แต่เอาเป็นว่าในปี 2019 เราเรียกมันว่า SUV ที่อู้ฟู่ที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับรถรุ่นเดียวกันที่มีขายในตลาด ที่กล้าพูดแบบนี้ เพราะอะไรมาดูกัน
ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ เดินทางมาถึงเจนเนเรชั่นที่ 5 ถ้าเป็นเซลล์ค่ายนี้ ต้องหยิบยกเรื่องของเครื่องยนต์บ็อกเซอร์สูบนอน ที่ว่าทำให้จุดศูนย์ถ่วงรถต่ำ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบสมมาตรอันเลื่องชื่อ นำลอยมาก่อน และปิดท้ายด้วย Mode การขับเคลื่อนอัจฉริยะที่ช่วยให้คุณขับลุยแบบออฟโรดในชื่อ X Mode แถมราคายังน่าคบหาอีก รถยนต์รุ่นนี้ได้เปลี่ยนมาประกอบที่ไทยเป็นรุ่นแรก เรียกว่าซูบารุเพิ่งตัดริบบิ้นเปิดโรงงานย่านลาดกระบังไปไม่นาน เร่งเดินเครื่องส่งมอบให้ลูกค้าที่จับจองกันข้ามปี และซูบารุยังการันตีคุณภาพงานประกอบว่าโรงงานบ้านเรานั้น ไม่แพ้ญี่ปุ่น เหมือนทุกรายละเอียด ขนาดที่ส่งรถไปตรวจครั้งเดียวผ่าน และโรงงานแห่งนี้ยังมีการทดสอบในสนามขับขี่จำลองทุกคันก่อนส่งถึงมือ
ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ ใช้ตัวถังแบบ Subaru Global Platform รุ่นที่ 2 ต่อจาก ซูบารุ เอ็กวี มีความแข็งแรงมากขึ้นเท่าตัว ลดแรงสั่นสะเทือน การแกว่งของตัวรถ และเสียงรบกวน ถึงบรรทัดนี้อยากให้คุณลืมเจ้าฟอเรสเตอร์รุ่นก่อนหน้า เพราะมันเหมือนหนังคนละม้วน เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งทั้งความคุ้มค่า และมิติรถ จะเห็นได้ว่า มีทั้งจุดเด่นที่เป็นจุดขายอย่างมุมด้านหน้ารถที่พร้อมให้คุณลุยเนินได้ไม่ติดกันชนหน้า ความสูงของรถ Ground Clearance ไม่แตกต่างจากรถ PPV แร็คหลังจากที่สร้างมาให้ใช้งานได้จริง จะผูกเชือกรัดของก็ง่าย ติดแร็คจักรยานก็สบาย ตัวรถกว้างขึ้นกว่ารุ่นก่อน ในขณะที่รถแบรนด์อื่นราคาขึ้นทุกปี แต่ซูบารุราคาถูกลง ออฟชั่นเยอะขึ้น แถมถ้าเงินเหลือซื้อรุ่นท๊อปมีระบบ Eye Sight เรดาห์ตรวจจับคน แบบ Dual Camere มีเลนใกล้ ไกล ยังกับมือถือออปโป้ (รถยุโรปบางคันยังมีเลนส์เดียวอยู่เลย) ถามว่าไว้ทำอะไร เอาไว้ตรวจจับ คน สัตว์ สิ่งของ เมื่อเซ็นเซอร์ตรวจเจอ แต่คนขับเผลอ รถจะเตือนเป็นสเต็ปแรก ต่อมาช่วยเบรกให้ ปลอดภัยสุดๆ แถมยังทำงานร่วมกับระบบครุยตอนโทรล เรียกว่าเกือบเข้าขั้นออโต้ไพลอตแล้ว ส่วนสิ่งที่ดูจะไม่แคร์ชาวบ้านคือ X Mode คู่แข่งไม่มี แฮร่! จะเป็นทางดิน กรวด โคลน เข้าคุยว่าไปได้วะ สุดท้ายก่อนลองขับผู้บริหารค่ายนี้ตอบได้น่าสนใจว่า ทำไมมีเงินล้านกว่าไม่เลือกรถ PPV ไปให้รู้แล้วรู้ลอด ตอบแบบเท่ห์ๆ ว่ากลุ่มลูกค้าซูบารุ ฟอเรสเตอร์ เค้าไม่สนใจรถ 7 ที่นั่ง ไม่ต้องการรถสูงไปลุยน้ำ แต่ต้องการความสะดวกสบาย หรูหรานิดๆ มากกว่า เฮ้ย…ใช่ครับฟังไม่ผิด ไม่งั้นเทรนด์รถเอสยูวีจะเติบโตได้แบบนี้เหรอ ขายน้องเล็ก XV จนกระเป๋าตุงแล้วครับคนซูบารุ แต่อย่าเข้าใจผิดว่าเค้าจะไม่ทำรถสายฝุ่นนะ ยังมีอยู่ ทั้ง Impreza Sti , BRZ ส่วนในต่างประเทศมีตัวอื่นๆ ที่ไม่เข้าไทยอีกเพียบ
สรุปได้ว่าเจ้า ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ ขายทั้งหมด 3 รุ่น ประกอบด้วย ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ 2.0 i-S EyeSight ราคา 1,130,000 บาท , ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ 2.0 i-S ราคา 1,060,000 บาท และ ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ 2.0 i-L ราคา 1,030,000 บาท ราคานี้ไม่รวม Option Pack ที่ยังไงคุณก็ต้องซื้อเชื่อเถอะอีกสามแสน เพื่อได้รับประกันคุณภาพ 5 ปี หรือ 100,000 กม. บริการช่วยเหลือ 24 ชม. นาน 3 ปี และเซ็นเซอร์ถอยหลัง โดยตัวท๊อป 2.0 i-S EyeSight ต้องจ่ายแพงกว่าเป็น 320,000 บาท ถึงจะเป็นราคา Net.
รอบนี้กรังด์ปรีซ์ได้ 2.0 i-S ส่วนรุ่น 2.0 i-S EyeSight ยังไม่มีรถทดสอบ เดินทางจากซูบารุเสรีไทย ไป-กลับ ชลบุรี สัมผัสแรกต้องบอกว่าดีไซน์ต่างๆ ดูภูมิฐาน มีความเป็นผู้ใหญ่พอตัว ชุดกันชนที่นูนออกมามากขึ้น กระจังรอบไฟหน้า และไฟท้ายที่ตกแต่งใหม่ด้วยรายละเอียด ที่ดูสวยงามกลมกลืน แต่แฝงไว้ด้วยความแข็งแรงและความหรูหรา ล้วนเป็นการออกแบบใหม่ที่ยังคงไว้ซึ่งเสน่ห์ของรถรุ่นก่อนหน้า
- เครื่องเสียงแบบทัชสกรีนจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว มีระบบนำทาง ควบคุมผ่านพวงมาลัย พร้อมปุ่ม รับวาง สายโทรศัพท์ / ถัดจากเกียร์แป้นกลมๆ ใช้มือหมุนเลือกโหมดการขับเคลื่อน X Mode
ภายในดูโอโถง ให้ความรู้สึกแน่นหนึบ ปุ่มต่างๆ กวาดตามองแว๊บเดียวเข้าใจได้ แต่ที่ดูน่าสนุกคือเจ้า X Mode แผงควบคุมแถวเกียร์ มันน่าเล่นชะมัด แม้การทดสอบหนนี้จะไม่มีสถานีจำลองให้เล่น เรามารู้จักมันสักหน่อย ปุ่มนี้มันทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ เกียร์ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และระบบเบรก ใช้เมื่อเจอสภาพภูมิประเทศที่ท้าทาย โดยกล่องสมองกลจะคำนวณการขับเคลื่อนให้เหมาะสมกับรูปแบบสถานการณ์ การส่งกำลังไปแต่ละล้อที่ใช้งาน เช่น โหมดโคลน (ตัวล่างตัดโหมดนี้ออก) เป็นต้น ซึ่งถ้ามองดูแล้วก็ไม่แปลกที่คนเลือกซูบารุจะชอบการผจญภัยเล็กๆ ในวันหยุด เข้าป่าหญ้า วิ่งลูกรังออกต่างจังหวัด เหมือนเด็กได้ของเล่นที่อยากลองของ
- เครื่องยนต์ขนาด 1,995 ซีซี. ที่ติดตั้งหัวฉีดแบบไดเร็กอินเจ็คชั่น ใหม่! ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT ให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้า ทำความเร็วสูงสุด 193 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 7.4 ลิตรต่อ 100 กม. ความจุถังเชื้อเพลิง 63 ลิตร
ด้านพละกำลังบอกเลยว่าขับง่าย ขับสบาย โดยเฉพาะคุณผู้หญิง พวงมาลัยเซ็ตให้ไว้ขึ้น กำลังเครื่องยนต์เบนซินสูบนอนขนาด 2.0 ลิตร พอเพียงกับการใช้งาน เกียร์เป็นแบบอัตโนมัติ CVT ที่เพิ่มจากเดิมเป็น 7 สปีด ใหม่ ! ช่วยเร่งความเร็วได้ดียิ่งขึ้น แต่ถ้าได้เทอร์โบละแจ๋วเลย ซึ่งคงได้แต่ฝันเพราะใครอยากได้รถกินน้ำมันสมัยนี้! ที่ชอบมากคือช่วงล่างแน่นหนึบ ฟิวกู๊ด เหมาะแก่การนั่งทางไกลรู้สึกปลอดภัย สบายตูด แถมในวันที่ขับยังลืมเอาเพล์ลิสตัวเองมาเปิดฟัง เลยมีเวลาเก็บเสียงจากข้างล่าง เงียบมาก และเงียบเกินไป หรือมอเตอร์เวย์มันเรียบเกิน แต่ที่รู้คือคนนั่งเบาะหลังสบายมาก ตำแหน่งที่นั่งองศาทำมาดี แถมช่วง Head Room ยังมีที่ว่างเป็นฝ่ามือ พื้นที่วางขาที่กว้างขึ้นในห้องโดยสารด้านหลัง พื้นที่บรรทุกสัมภาระที่ใหญ่ขึ้น ช่องเปิดท้ายรถที่กว้างขึ้น แถมฝาเปิดท้ายยังเป็นแบบไฟฟ้า กดเปิด-ปิด ครั้งเดียวมาพร้อมเมมโมรี่ความสูง เช่น ถ้าเราตัวเตี้ยก็เซ็ตประตูหลังเปิดไม่ต้องสูงมากเพื่อจะได้เอื้อมถึงปุ่ม
- ระบบปรับอากาศด้านหลัง พร้อมช่อง USB2 ช่อง เบาะหลังมีช่องเก็บของสะดวกสบาย
ส่วนรายละเอียดเล็กที่ชอบคือ แอร์หลัง ที่ชาร์จไฟด้านหลัง รวมทั้งที่ใส่ของหลังเบาะคู่หน้า มันตอบโจทย์มาก ไม่ว่าจะใส่หนังสือ เอกสาร โทรศัพท์ ไอแพดขณะชาร์จไฟ ได้หมด ส่วนที่วางแก้วน้ำให้มาครบทุกตำแหน่งไม่ต้องแย่งกัน ด้านวัสดุต่างๆ เน้นโทนสีดำทำความสะอาดง่าย เพราะเป็นรถครอบครัวต้องเจอฝีมือเด็กๆ หรือบรรดาคราบจากความไม่ตั้งใจ อันนี้พ่อบ้านต้องทำใจนะ อย่าไปติ อย่าไปมีเรื่องกับคุณผู้หญิงเพราะรอยต่างๆ ไม่งั้นเป็นเรื่อง
สรุปได้ว่าเจ้า ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ เมคอินไทยแลน์คันนี้น่าเล่นมากเมื่อเปรียบเทียบหลายๆ อย่างกับคู่แข่งค่ายญี่ปุ่นด้วยกัน โดยเฉพาะที่คุณได้ของใหม่หมดแทบจะหมดทั้งคัน แต่ถ้าถามว่าซื้อเพราะอะไร เพราะมันคือซูบารุไง แบรนด์ที่เรารู้สึกได้ถึงพละกำลัง ความสามารถในการขับเคลื่อนที่โดดเด่น และช่วงล่างที่พอดี ไม่แข็ง ไม่นุ่มไป หนึบแบบยุโรป ส่วนที่เหลือนั่งสบาย แถมที่เก็บของเยอะไปได้สบายทั้งครอบครัว ในราคาที่คุ้มค่า ถามว่าตอนนี้ทำไมน่าเล่นเพราะโชว์รูมเค้ามีเยอะขึ้นกว่าแต่ก่อนแถมทิศทางในปีนี้ดูจะลงทุนเปิดโชว์รูมอีกหลายแห่งรองรับลูกค้าที่สั่งรถเข้ามาจะยอดขายทะลัก ใครอยากลองไปติดต่อโชว์รูมใกล้บ้านเลย
รายละเอียดทางเทคนิค
ประเภทเครื่องยนต์ | Direct Fuel Injection, Horizontally Opposed, 4-Cylinder, DOHC 16-Valve, Petrol Engine |
กำลังเครื่องยนต์ | 1995 ซีซี |
อัตราส่วนกำลังอัด | 12.5 |
ขนาดกระบอกสูบ x ระยะชัก | (84.0 x 90.0) มม. |
ชนิดน้ำมันเชื้อเพลิง | Petrol |
เกียร์ | Lineartronic CVT |
ประเภทระบบขับเคลื่อน | Active Torque Split AWD System |
มิติรถ (มม.)
ขนาด (ความยาว x ความกว้าง x ความสูง) มม. |
4,625 x 1,815 x 1,730 |
ความยาวช่วงล้อ | 2670 |
น้ำหนักของตัวรถรวมอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ ของตัวรถ | 1538 กก. |
ความจุถังเชื้อเพลิง | 63 ลิตร |
ระบบกันสะเทือน
ระบบช่วงล่างด้านหน้า | MacPherson Strut |
ระบบช่วงล่างด้านหลัง | Double Wishbone |
เบรกหน้า | Ventilated Disc Brakes |
เบรกหลัง | Ventilated Disc Brakes |
ประเภทพวงมาลัย | Electric Power Steering |
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด | 5.4 ม. |
เรื่อง: ณัฐพล จีระมงคลกุล ภาพ สอง ซุุ้มเจ็ด
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th