พิสูจน์แล้วประหยัดจริง The All-New Subaru Forester 18 กม./ลิตร!!
ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด จัดเส้นทางให้ได้ทดสอบรถกันแบบข้ามประเทศ แถมยังเป็นการขับแบบ Eco Run เน้นการใช้งานจริงอีกด้วย งานนี้ได้พิสูจน์กันอย่างชัดเจนว่า The All-New Forester เจ้ารถเอสยูวีขับสี่ไซส์ใหญ่ขนาดนี้ จะประหยัดน้ำมันได้ขนาดไหน
สำหรับกิจกรรม SUBARU The All-New Forester ECO-Run Penang-Bangkok 2019 ใช้เส้นทางปีนัง-หาดใหญ่-ชุมพร-กรุงเทพฯ รวมระยะทางกว่า 1,300 กิโลเมตร เป็นการทดสอบความประหยัดน้ำมันครั้งแรกของซูบารุ[expander_maker id=”4″ more=”อ่านเพิ่มเติม” less=”Read less”]
ทีมงานเตรียมรถฟอเรสเตอร์ รุ่น 2.0 ไว้ทดสอบจำนวน 6 คัน ส่งรถไปเตรียมความพร้อมไว้ที่ปีนัง ส่วนกลุ่มผู้สื่อข่าวบินไปชิลๆ ทำให้พอมีเวลาเดินชมความสวยงามของเกาะปีนังที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมสุดฮิตในตอนนี้ ก่อนที่จะเริ่มออกเดินทางในเช้าของวันถัดไป
ไหนๆ มาถึงปีนัง ขอพูดถึงสถานที่แห่งนี้กันสักหน่อย เกาะปีนังหรือปูลัวปีนังเป็นหนึ่งใน 13 รัฐของมาเลเซีย ตั้งอยู่ห่างจากแผ่นดินใหญ่ไปทางชายฝั่งตะวันตก เกาะแห่งนี้เป็นที่ตั้งของเมืองจอร์จทาวน์ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเกาะนี้ และที่น่าสนใจคือ เกาะปีนังหรือเรียกว่ารัฐปีนังเป็นเขตการปกครองเพียงแห่งเดียวของมาเลเซียที่ผู้คนที่อาศัยอยู่ส่วนใหญ่จะเป็นชาวจีน รองลงมาเป็นคนเชื้อสายมลายู ทำให้การเดินเล่นบนเกาะปีนังจะมีความรู้สึกและบรรยากาศของผู้คนแตกต่างจากแผ่นดินใหญ่พอสมควร
แม้ว่าเกาะปีนังไม่ได้เป็นเมืองท่าสำคัญเหมือนในอดีต แต่แปรสภาพเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่น และดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก มีความน่าหลงใหลอย่างอย่างในย่านจอร์จทาวน์ ทั้งอาหาร สินค้า ของที่ระลึก ห้องพัก ยิ่งหากใครเป็นสายกิน ที่นี่มี Street Food ที่น่าลิ้มลองหลายเมนู และที่สำคัญย่านจอร์จทาวน์ยังเป็นเขตที่ถูกประกาศให้เป็นเมืองมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโกเป็น Living UNESCO World Heritage อีกด้วย
รูปแบบของตัวอาคารที่มีเอกลักษณ์
อาคารต่างๆ ที่ยังคงสภาพเดิมๆ เพิ่มเติมด้วยการปรับพื้นที่เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
Street Art ที่สร้างเสน่ห์ให้กับเมืองจอร์จทาวน์ได้อย่างน่าสนใจ กลายเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวต้องตามเก็บภาพเป็นที่ระลึก
โดยไฮไลท์ของเกาะปีนังอยู่ที่รูปแบบของอาคารบ้านเรือนที่เป็นเอกลักษณ์จากอดีตที่เคยรุ่งเรืองและเป็นเมืองท่าที่สำคัญ รวมทั้งเป็นเมืองอาณานิคมทำให้เกิดการรวมวัฒนธรรมของชาติอื่นๆ ขึ้นมาที่เกาะแห่งนี้ กลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของปีนังมาถึงปัจจุบัน นอกจากจะได้เดินชมเมืองกันเพลินแล้ว ที่นี่ยังมีชาเลนจ์ให้นักท่องเที่ยวได้ท้าทายการสำรวจเมือง ด้วยการตามถ่ายภาพ Stree Art จากหลากหลายศิลปิน ที่ฝากผลงานภาพวาดไว้ตามผนังอาคารและกำแพงเอาไว้หลายแห่งรอบบริเวณ ที่ไม่ใช่เพียงแค่ภาพสวยๆ แต่ยังมีการจัดสรรพื้นที่ให้มีสีสัน พร้อมกับมีอาหารอร่อยๆ เอาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินทั้งจิตใจและอิ่มท้อง
กลับมาที่ภารกิจขับฟอเรสเตอร์แบบ ECO-Run กันบ้าง เป้าหมายของการขับครั้งนี้ไม่ได้เป็นการขับแบบ ECO Challenge หรือเป็นการแข่งขับขับประหยัดน้ำมัน แต่เป็นการขับแบบใช้งานจริงเหมือนกับการเดินทางไกลที่ไม่ได้มีการปั้นตัวเลขให้สวยหรูแต่อย่างใด เพราะต้องการรู้ว่าหากขับเดินทางไกลในลักษณะนี้จะมีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่เท่าไหร่ และต้องทำความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด โดยเริ่มต้นที่โรงแรม Jen Hotel Penang by Shangri La ขับมายังด่านตรวจคนเข้ามือง Bukit-Kayu Hitam ระยะทาง 226 กิโลเมตร แล้วเข้ามายังด่านสะเดา แวะพักที่โรงแรม Crystal Hotel ถ.กาญจนวนิช อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แล้วขับต่อเนื่องอีก 797 กิโลเมตร มายังโรงแรม Hinn Namm Hotel HuaHin อ.หัวหิน จ.ประจวบขีรีขันธ์ และเช้าวันรุ่งขึ้นจึงขับต่ออีก 253 กิโลเมตร เพื่อมาถึงจุดหมายปลายทางคือ โชว์รูมซูบารุ เสรีไทย รวมระยะทาง 1,276 กิโลเมตร
สำหรับ ซูบารุ Forester ใช้เครื่องยนต์เบนซิน สูบนอน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ระบบหัวฉีดตรงขนาด 2.0 ลิตร รหัส FB20 ให้พละกำลังสูงสุด 156 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 196 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ Lineartronic CVT พร้อมระบบขับเคลื่อนแบบขับสี่ที่เลื่องชื่ออย่าง Active Torque Split AWD System และทุกคันเติมน้ำมันแก๊สโซฮอลล์เบนซิน 95 เต็มความจุถังน้ำมันขนาด 63 ลิตร ตัวถังขนาดใหญ่ ยาว 4,625 x กว้าง 1,815 x สูง 1,730 มม. ระยะฐานล้อ 2,670 มม. บวกน้ำหนักตัวรถรวม 1,538 กิโลกรัม แต่ในรุ่นที่นำมาขับทดสอบนี้ไม่ได้เป็นรุ่นที่ติดตั้งระบบ Eye Sight เท่านั้นเอง
เส้นทางส่วนใหญ่ตั้งแต่ขับมาจากเกาะปีนังเป็นถนนที่มีพื้นผิวดีมาก เรียบและสามารถทำความเร็วสูงได้ แต่ด้วยการจำกัดความเร็วตามกฎหมายของมาเลเซีย จึงเป็นการขับแบบเรื่อยๆ มาตลอดทาง โดยขับกันแบบคาราวาน เมื่อขับข้ามาถึงฝั่งประเทศไทยที่ด่านสะเดา มีรถตำรวจขับนำขบวนให้จึงสามารถขับทำความเร็วต่อเนื่องได้สบายขึ้น การขับฟอเรสเตอร์แบบระยะทางไกลอย่างนี้ถือว่าทำได้ดีมาก เบาะนั่งกระชับและเมื่อนั่งขับนานๆ แล้วไม่เมื่อย อัตราเร่งทำได้รวดเร็ว การส่งพละกำลังทำได้ต่อเนื่อง เรียบเนียน และมีพละกำลังมากเพียงพอต่อการเร่งแซงแบบเร่งด่วน
มาถึงตอนนี้ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองออกมาน่าสนใจมาก..สำหรับคันที่ผู้เขียนขับทดสอบ นั่ง 3 คน พร้อมกระเป๋าสัมภาระ ขับด้วยความเร็วเฉลี่ย 80-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในบางช่วงใช้จังหวะเร่งแซงทะลุ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอยู่บ้าง หน้าจอแสดงผลแจ้งเอาไว้ที่ 5.4L/100KM หรือประมาณ 18 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่าทำอัตราสิ้นเปลืองได้น่าประทับใจ เพราะด้วยขนาดตัวถังที่ใหญ่ ขับเคลื่อนแบบสี่ล้อ Full Time แต่เดิมจะมีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ราวๆ 10-12 กิโลเมตรต่อลิตร เท่านั้น แต่รุ่นใหม่นี้ทำได้ถึง 18 กิโลเมตรต่อลิตร ทั้งที่ตามสเปคแล้ว หากทำความเร็วเฉลี่ยที่ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะอยู่ที่ 16 กิโลเมตรต่อลิตร แต่ยังมีรถคันอื่นที่พยายามปั้นตัวเลขด้วยระยะทางเดียวกัน สามารถทำได้ถึง 20 กิโลเมตรต่อลิตร ประหยัดแบบอีโคคาร์กันเลยทีเดียว แต่ตัวเลขเคลมของโรงงานที่ 16 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่าประหยัดในระดับที่น่าพอใจอยู่แล้ว และตัวเลขจริงที่ทำได้ถึง 18 กิโลเมตรต่อลิตร ยิ่งทำให้รู้สึกว่าเจ้าฟอเรสเตอร์คันนี้แม้ตัวถังจะใหญ่ ขับสี่ Full Time แต่ประหยัดแบบเหลือเชื่อจริงๆ
SUBARU The All-New Forester ECO-Run Penang-Bangkok 2019 ใช้เส้นทางปีนัง-หาดใหญ่-ชุมพร-กรุงเทพฯ
รวมระยะทางกว่า 1,300 กิโลเมตร มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 18 กิโลเมตรต่อลิตร! ขับสี่ ตัวถังใหญ่ขนาดนี้ ประหยัดไว้ใจได้เลย
เรื่อง : พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th[/expander_maker]