Subaru Forester Wilderness รุ่นใหม่สำหรับปี 2025 ที่เพิ่มความสามารถในการลุยมากขึ้น
![](https://www.grandprix.co.th/wp-content/uploads/2025/02/Subaru_Forester_Wilderness_12-660x400.jpg)
Subaru ที่สหรัฐอเมริกาเปิดตัว Forester Wilderness รุ่นปี 2026 สำหรับขายในปี 2025 ซึ่งนอกจากเป็นรุ่นพร้อมลุยได้มากขึ้นกว่ารุ่นปกติของForestrer ด้วยการเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ ที่ทำให้รถไปบนเส้นทางทุรกันดารโหดขึ้นแล้ว รถรุ่นใหม่ยังถูกเพิ่มความสามารถในการลุยมากกว่ารุ่นก่อนหน้าด้วย
Subaru Forester Wilderness ถูกเพิ่มความสามารถในการลุยไปบนเส้นทางทุรกันการได้มากขึ้นกว่ารุ่นปกติด้วยการมีคอยล์สปริงและช็อก แอบซอร์เบอร์ยาวขึ้น ทำให้ใต้ท้องรถสูงจากพื้น 9.3 นิ้วในขณะที่รุ่นก่อนหน้าสูง 9.2 นิ้ว ทำให้รถมีมุมไต่เพิ่มขึ้นเป็น 23.5 องศา มุมจากเพิ่มขึ้นเป็น 25.5 องศา และมุมคร่อมเพิ่มเป็น 21 องศา นอกจากนี้ยังได้รับการปรับตั้งช่วงล่างเพื่อให้มีทั้งเสถียรภาพและความสบายทั้งบนทางเรียบและเส้นทางออฟโรดดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนด้วย
รถมากับความสามารถในการลุยด้วยโหมดขับ X-Mode Dual Mode พร้อมโหมด Snow/Dirt และ Deep Snow/Mud ที่เพิ่มความมั่นใจในการลุยมากขึ้น ร่วมกับได้รับการปรับปรุงระบบขับเคลื่อนทุกล้อแบบสมมาตรของรถ ทำให้ล็อก Differential กลางและลดการหมุนของล้อขณะลุยเส้นทางออฟโรดเร็วขึ้น พร้อมใช้ข้อมูลมุมการเลี้ยวของรถร่วมด้วย เพื่อให้รถมีเสถียรภาพดีขึ้นขณะเลี้ยวและเข้าโค้งเบนถนนที่ใช้ความเร็วสูง
รถเอสยูวีรุ่นพร้อมลุยยังมากับยางออลเทอร์เรน Yokohama Geolandar และล้อแอนทราไซต์ Wilderness-exclusive 17 นิ้ว เพื่อให้มีสมรรถนะทั้งบนโคลนและทางกรวดดีขึ้น โดยรถยังมีความสามารถในการลากจูงถึง 1,587 กิโลกรัม จากการอัปเกรดการระบายความร้อนของระบบส่งกำลังซีวีทีของรถ และมีเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ Differential หลัง
ด้านความปลอดภัยของรถมีมากขึ้นด้วยการที่แพลตฟอร์ม Subaru Global Platform มีโครงสร้างอินเนอร์เฟรมใหม่ พร้อมใช้เทคิคการเชื่อมที่ทำให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น รวมทั้งเพิ่มการยึดโครงสร้าง จึงทำให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น ทนต่อการบิดตัวเพิ่มขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งยังส่งผลให้มีสมรรถนะดีขึ้น ให้ความนุ่มนวลและเงียบขึ้นในห้องโดยสาร
ขุมพลังของรถเป็นเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 2.5 ลิตรที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ มีกำลังขับเคลื่อน 180 แรงม้า ให้แรงบิด 241 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบส่งกำลังซีวีทีที่มีอัตราทดสั้นลงเพื่อให้มีความสามารถในการลุยเส้นทางออฟโรดที่ความเร็วต่ำร่วมกับ X-Mode Dual Mode ดีขึ้น
ในส่วนอุปกรณ์มาจรฐานภายนอกรถมีไฟตัดหมอก LED รูฟเรียลที่รองรับน้ำหนักได้ 362 กิโลกรัม แผ่นป้องกันใต้ท้องรถ มีการแต่งด้วยสี Anodize Copper-finish มากขึ้น รวมทั้งมีหูเกี่ยวสำหรับการลากจูงทั้งที่กันชนหน้าและกันชนหลัง ส่วนห้องโดยสารมีเบาะหุ้ม Star Tex ที่ทนน้ำและทำความสะอาดได้ง่าย ใช้วัสดุสี Anodize Cooper-finish แต่งพร้อมการแต่งเฉพาะรุ่น โดยที่จอแสดงข้อมูลการขับขนาด 12.3 นิ้วมีกราฟฟิกเฉพาะรุ่น ส่วนจอทัชสกรีนขนาด 11.6 นิ้วตรงกลางมาพร้อมกับ Apple Carplay ไร้สายและ Android Auto
ราคาของรถจะถูกเปิดเผยออกมาในช่วงใกล้ขายตอนฤดูใบไม้ร่วงปี 2025 นี้
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th