แม้ว่า Subaru Outback จะเป็นรถแวกอนครอวโอเวอร์ที่มาพร้อมกับความอเนกประสงค์ในการเดินทางมากขึ้นกว่ารถแวกอนทั่วไปอยู่แล้ว แต่อาจยังตอบสนองทั้งในด้านรูปลักษณ์และความสามารถในการลุยได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ชอบการผจญภัยบางกลุ่ม ทาง Subaru จึงนำมาเสริมความแข็งแกร่งและความสามารสำหรับเส้นทางออฟโรดให้มากขึ้น พร้อมกับการใช้ชื่อ Wilderness ต่อท้าย

สิ่งที่ทาง Subaru ทำให้ Outback Wilderness กลายเป็น Outback ที่มีความแกร่งเพิ่มขึ้นเพิ่มเติมจากคิ้วบนตัวรถทั้งที่ซุ้มล้อรวมทั้งชายบันไดที่มีอยู่ใน Outback รุ่นปกติอยู่แล้ว คือการเปลี่ยนกันชนหน้า-หลังใหม่ที่ใหญ่ขึ้นและให้ความรู้สึกแข็งแกร่งขึ้น โดยที่ด้านหน้ามาพร้อมกับแผ่นกันกระแทกรวมทั้งมีไฟตัดหมอก LED เฉพาะรุ่น ในขณะที่บนฝากระโปรงหน้าถูกเสริมความดุด้วยแถบสีดำด้านป้องกันแสงสะท้อน

อย่างไรก็ตามทาง Subaru ยังเพิ่มสีสันที่ตัดกันบนตัวรถด้วยการใช้วัสดุสีทองแดงอโนไดซ์กับหลายส่วนอย่างขอเกี่ยวสำหรับการลากจูง จุดยึดบนรางหลังคาที่รองรับรูฟแร็กพร้อมกับน้ำหนักบรรทุกได้สูงสุด 315 กิโลกรัม นอกจากนี้ความดุในสไตล์ออฟโรดยังไม่ได้อยู่ที่การติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ รอบตัวรถเท่านั้น แต่ยังใช้ช่วงล่างเพื่อเพิ่มความสูงของรถขึ้น 0.8 นิ้วด้วย ทำให้ Outback Wilderness มีความสูงของใต้ท้องรถจากพื้น 9.5 นิ้ว ส่วนล้อ 17 นิ้วสีดำด้านที่มาพร้อมกับรถก็พร้อมลุยด้วยยางออลเทอร์เรน Yokohama Geolandar  นอกจากนี้ทั้งโช๊กอัพหน้า-หลัง และสปริงยังมีความยาวขึ้นตามความสูงที่เพิ่มขึ้นของรถ

จากการเพิ่มความสูงมากขึ้นทำให้ Outback Wilderness มีความสามารถในการลุยเส้นทางทุรกันดารได้มากขึ้น โดยมีมุมไต่เพิ่มขึ้นเป็น 20 องศาจากที่ Outback ปกติมี 18.6 องศา ในขณะที่มุมจากถูกปรับปรุงเพิ่มขึ้นจาก 21.7 องศาเป็น 23.6 องศา และมีมี Breakover เพิ่มเป็น 21.2 องศาจาก 19.4 องศา

ขุมกำลังของ Outback Wilderness มีแบบเดียวคือเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.4 ลิตร 260 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 375 นิวตัน-เมตร โดยใช้เกียร์ Lineartronic ส่งกำลัง และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อของรถมาพร้อมกับ Active Torque Vectoring

ภายในของ Subaru Outback Wilderness ถูกออกแบบใหม่ โดยเบาะหุ้มด้วยวัสดุ Subaru StarTex ป้องกันน้ำพร้อมมีโลโก้ Wilderness ที่พนักพิงศรีษะของเบาะ โดยมีการเดินด้ายสีทองแดงทั่วทั้งห้องโดยสาร รวมไปถึงพวงมาลัย เกียร์ และบริเวณแผงเหนือเรือนไมล์ ในขณะที่หลังคาบุด้วยวัสดุสีเข้ม มีการเปลี่ยนจุดที่ปกติเป็นโครเมียมใน Outback เป็นสีเทา Gunmetal Grey แทน

นอกจากนี้แน่นอนว่า Outback Wilderness ยังคงมาพร้อมกับจอระบบ Infotainment แนวตั้งขนาด 11.6 นิ้วเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมมี Apple CarPlay, Android Auto รวมทั้งบริการอื่นๆ ในแบบ Subscription และการอัพเดต Over-the-air สำหรับการขายในสหรัฐอเมริกาทาง Subaru จะเริ่มในช่วงปลายปี โดยที่ราคาของรถจะตามออกมาในช่วงนั้น

เรื่อง: กองบรรณาธิการ

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th