SUPER GT 2019 SERIES ดูให้สนุกต้องอ่านข้อมูลนี้…!
วันนี้ประเทศไทยมีโอกาสเป็นเจ้าบ้านต้อนรับนักแข่งจากรายการซูเปอร์จีทีของญี่ปุ่น ซึ่งมีกำหนดการแข่งขันในช่วงบ่ายวันนี้ แต่ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักที่มาที่ไปกันก่อน ซูเปอร์ จีที คือการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบระดับแนวหน้าของประเทศญี่ปุ่น เริ่มครั้งแรกในปี พ.ศ. 2536 โดยใช้ชื่อว่า Japanese Grand Touring Car Championship หรือ JGTC ซึ่งได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อจาก JGTC เป็น Super GT เพื่อเพิ่มความเป็นสากล ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 ในแต่ละฤดูกาลจะมีการแข่งขันทั้งหมด 8 สนาม โดยแบ่งเป็น 7 สนามในประเทศญี่ปุ่น และอีก 1 สนาม ที่สนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย ซึ่งตั้งแต่ฤดูกาลการแข่งขันปี 2014 สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ก็ได้เข้ามาเป็น 1 ใน 8 ของสนามที่ใช้ในการแข่งขันซูเปอร์ จีที แทนสนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย
สนามสุดท้ายที่ใช้ในการแข่งขันซูเปอร์ จีที ในทุกปี จะถูกกำหนดให้เป็น “สนามทวินริง โมเตกิ” (Twin Ring Motegi) ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดโทชิกิ ประเทศญี่ปุ่น สำหรับประเทศไทยการแข่งขันซูเปอร์ จีที เรซ 2019 ระหว่างวันที่ 29 – 30 มิถุนายน 2562 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ นับเป็นสนามที่ 4 ในฤดูกาลการแข่งขันปี 2019 และนับเป็นปีที่ 6 ของการแข่งขัน ช้าง ซูเปอร์ จีที เรซ
การแข่งขันซูเปอร์ จีที แบ่งออกเป็น 2 รุ่น ได้แก่ จีที 500 และจีที 300 โดยตัวเลขนี้หมายถึงกำลังแรงม้าสูงสุดในแต่ละรุ่น ซึ่งทั้งสองรุ่นจะทำการแข่งไปพร้อมกัน และแต่ละเรซจะมีระยะทางรวมทั้งหมดประมาณ 300 กิโลเมตร ใช้เวลาแข่งขันประมาณ 2 ชั่วโมง การแข่งขันในรุ่นจีที 500 ประกอบไปด้วย รถยนต์จาก 3 ค่ายรถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่น ได้แก่ ฮอนด้า นิสสัน และโตโยต้า การแข่งขันในรุ่นจีที 300 ประกอบไปด้วยรถยนต์จากค่ายรถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่น ได้แก่ โตโยต้า นิสสัน ซูบารุ และฮอนด้า และแบรนด์ยุโรป ได้แก่ พอร์ช เมอร์เซเดส-เบนซ์ ออดี้ โลตัส ลัมโบร์กีนี ฟอร์ด แมคลาเรน แอสตันมาร์ติน และเล็กซัส
ไฟ LED ที่ติดอยู่หน้ากระจกรถ สีแดงและสีน้ำเงิน มีไว้เพื่อบอกผู้ชมว่า นักแข่งคนไหนที่กำลังขับอยู่ จากกติกาการแข่งขัน ที่กำหนดไว้ว่า ในการแข่งขัน 1 เรซ จะต้องมีนักแข่งอย่างน้อย 2 คน โดยไฟ LED สีแดง หมายถึง นักแข่งหมายเลข 1 กำลังขับอยู่ ส่วนสีน้ำเงินหมายถึง นักแข่งหมายเลข 2 กำลังขับอยู่
จุดสังเกตในการแยกความแตกต่างระหว่างรุ่นจีที 500 และรุ่นจีที 300 เมื่ออยู่ในสนามการแข่งขัน ได้แก่
- ไฟหน้า รถแข่ง รุ่นจีที 500 ไฟหน้าจะเป็นสีขาว แต่รุ่นจีที 300 ไฟหน้าจะเป็นสีเหลือง
- สติกเกอร์ที่ติดกับตัวรถ รุ่นจีที 500 จะมีพื้นหลังสีขาวและตัวเลขสีดำ แต่รุ่นจีที 300 จะมีพื้นหลัง
สีเหลืองและตัวเลขสีดำ - สติกเกอร์คาดกระจกหน้ารถ รุ่นจีที 500 เป็นแถบสีขาว แต่รุ่นจีที 300 เป็นแถบสีเหลือง
- กราฟฟิคในการถ่ายทอดสด รุ่นจีที 500 จะเป็นพื้นสีขาว ตัวเลขสีดำ และมีไฟหน้าสีขาว
แต่รุ่นจีที 300 จะเป็นพื้นสีเหลือง ตัวเลขสีดำ และมีไฟหน้าสีเหลือง
ตารางการแข่งขัน
4/13-14 | Round1 OKAYAMA | |
5/03-04 | Round2 FUJI | |
5/25-26 | Round3 SUZUKA | |
6/29-30 | Round4 THAILAND | |
8/03-04 | Round5 FUJI | |
9/07-08 | Round6 AUTOPOLIS | |
9/21-22 | Round7 SUGO | |
11/02-03 | Round8 MOTEGI |
- ทีมที่ใช้รถยนต์ฮอนด้าในการแข่งขัน ซูเปอร์ จีที 2019 ในคลาสจีที 500 จำนวน 5 ทีม
- ทีมที่ใช้รถยนต์ฮอนด้าในการแข่งขัน ซูเปอร์ จีที 2019 ในคลาสจีที 300 จำนวน 3 ทีม
เรื่อง : ณัฐพล จีระมงคลกุล
ข้อมูล Honda Thailand Photo CR: supergt.net
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th