งานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้นอกจากรถยนต์รุ่นใหม่ที่ยกทัพมาอวดโฉมให้จับจองเป็นเจ้าของกันอย่างคับคลั่ง แต่ในงานนี้ก็มีรถยนต์อีกหนึ่งประเภทที่ได้รับความสนใจจากผู้คนไม่น้อยเลยทีเดียวรถที่ได้ชื่อว่าเป็นรถยนต์ในฝันของชายทุกคน รถซุปเปอร์คาร์นั้นเองวันนี้เรารวบรวมรถซุปเปอร์คาร์สุดแซ่บภายในงานมีมาให้ชมกัน

Aston Martin DB11

เริ่มจาก Aston Martin กำลังดังที่เดียวกับรุ่น DB10 ที่ใช่เข้าฉากเป็นรถยนต์ของสายลับ 007 บอน เจมส์ บอนด์ แต่ในงานครั้งนี้มีรุ่นใหม่ล่าสุดมาโชว์กันคือ DB 11 ซึ่งเจ้าคันนี้ ดีบี11 เป็นรถสปอร์ตรุ่นใหม่ล่าสุดของ Aston Martin มาพร้อมเครื่องยนต์ V12  ใหม่เอี่ยม 5.2 ลิตร เทอร์โบคู่ 600 แรงม้าที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตรมาที่รอบต่ำเพียง 1,500 รอบ/นาที นับว่าเป็นรถที่แรงที่สุดของตระกูล DB เลยทีเดียว อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 322 กม./ชม. ขับเคลื่อนล้อหลัง ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ ZF แบบ 8 สปีด เฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิป ใช้ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว สวยบาดใจแถมแรงอีกต่างหาก  ราคา 24.9 ล้านบาท

Porsche Cayman GT4

เดินเลยมาอีกนิดกับรถที่หน้าตาเหมือนกบกับค่าย Porsche คันนี้ถือว่าเด็ดทีเดียว Cayman GT4 ซึ่งหัวใจเป็นเครื่องยนต์บล็อก 6 สูบนอน ความจุกระบอกสูบ 3.8 ลิตร รีดพละกำลังถึง 380 แรงม้า ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.4 วินาทีเท่านั้น ความเร็วสูงสุดทำได้ถึง 295 กม./ชม. เป็น Cayman ที่แรงที่สุดในเวลานี้ หน้าตาภายนอกโดดเด่นแตกต่างจาก Cayman รุ่นสแตนดาร์ด โดยติดตั้งสปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ ฝากระโปรงแบบมีช่องดักอากาศ แผงกันชนหน้าชุดใหม่ที่มาพร้อมลิ้นสปอยเลอร์ หันไปดูที่บั้นท้ายมีแผงดิฟฟิวเซอร์รีดอากาศและท่อไอเสียคู่ ภายในห้องโดยสารสปอร์ตเต็มพิกัดด้วยเบาะที่นั่งหุ้มหนังเกรดพิเศษสลับกับ Alcantara ส่วนพวงมาลัยหุ้มด้วย Alcantara จับกระชับมือ ราคา 1.35 ล้านบาท

Lamborghini Aventador LP700-4

แลมโบร์กินี อเวนทาดอร์ LP700-4 แบบคูเป้ราคาเริ่มต้น 38.5 ล้านบาท และแบบโรดสเตอร์ ราคาเริ่มต้น 40.5 ล้านบาท บรรจุเครื่องยนต์ 12 สูบ น้ำหนักแห้งอยู่ที่ 1,575 กิโลกรัม พละกำลัง 700 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 690 นิวตันเมตร แข็งแกร่งที่สุด เท่าที่แลมโบร์กินีเคยสร้างมา แรงและเร้าใจด้วยอัตราการเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 2.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 350 กม./ชม. ด้วยประสิทธิภาพของระบบเกียร์ 7 speed ISR เปลี่ยนเกียร์ใช้เวลาเพียง 50 มิลลิวินาที นอกจากนี้ ผู้ขับสามารถเลือกที่เมนูการขับได้สามแบบ Strada, Sport และ Corsa โดยสามารถปล่อยให้เกียร์เปลี่ยนเองอัตโนมัติหรือเปลี่ยนด้วยตนเอง ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Permanent all-wheel drive พร้อมกับชุดเพลาขับ Haldex generation IV กระจายกำลังไปที่ล้อหน้าได้มากถึง 60% การรีสตาร์ทเครื่องยนต์ ใช้เวลาเพียง 180 มิลลิวินาที ช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

Mclaren 570S

แมคลาเรน 570S ราคาเริ่มต้นที่ 22.5 ล้านบาท รุ่นแรกในสปอร์ตซีรียส์ ของตระกูลแมคลาเรน เพิ่มประสิทธิภาพการระบายอากาศตลอดตัวถัง โครงสร้างตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์แบบ MonoCell II ยังสร้างรูปลักษณ์ที่โดดเด่น และเอื้อในการเข้า-ออกตัวรถ ประตูผลิตจากอลูมิเนียมเป็นหลักเพื่อลดน้ำหนักและเพื่อการออกแบบทางอากาศพลศาสตร์ที่ประณีต น้ำหนักตัวรถเปล่ามีน้ำหนักเบาอยู่ที่ 1,313 กิโลกรัม เร่งเครื่อง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.2 วินาที ด้วยความเร็วสูงสุด 328 กม./ชม. เครื่องยนต์ 3.8 ลิตร V8 ทวินเทอร์โบ M838TE ชิ้นส่วนผลิตขึ้นพิเศษกว่า 30% ให้พละกำลัง 570 แรงม้า ที่ 7,400 รอบต่อนาที แรงบิด 600 นิวตันเมตรอยู่ที่ 5,000-6,500 รอบต่อนาที ระบบการขับขี่ล้อหลังเครื่องยนต์ขนาดกลางเอื้อให้การบังคับและความคล่องตัวดีขึ้น ให้พละกำลังมหาศาลผ่านเกียร์แบบ 7 speed (SSG) ระบบ Stop-start นำมาใช้ในแมคลาเรนเป็นครั้งแรก เอื้อการขับขี่ในเมือง และยังมีการปรับปรุงอัตราการกินน้ำมันอยู่ที่ 25.5 mpg และการปล่อยมลพิษ 258 กรัมต่อกิโลเมตร

เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th