ซูซูกิตั้งเป้า All New Ertiga แตะ 2,400 คัน รอดูกระแสยึดราคาพิเศษ

ซูซูกิ มั่นใจ All New Ertiga โดนใจลูกค้าชาวไทย ตั้งเป้ายอดขายเฉียด 2,400 คัน พร้อมขอดูกระแสต่อโปรโมชั่นราคาพิเศษ ย้ำปีนี้มาอีก 2 รุ่นใหม่ ส่วนใครที่กำลังรอ Jimny มินิเอสยูวีสุดฮอต เตรียมแย่งชิงใบจองกันได้เลย หลังจากโควตาที่จะส่งเข้ามาขายเมืองไทยอาจมีจำกัดสุดๆ ด้วยความต้องการที่สูงของลูกค้าทั่วโลก

หลังจากเปิดตัว All New Suzuki Ertiga รถสไตล์ครอบครัว 7 ที่นั่ง อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เมื่อวันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มิโนรุ อามาโนะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) พร้อมด้วยวัลลภ ตรีฤกษ์งาม กรรมการบริหารด้านการขาย และการตลาด ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย), ชูจิ โออิชิ ผู้บริหารระดับสูงบริษัทซูซูกิ มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น และซาโตชิ คาซาฮาระ หัวหน้าวิศวกรบริษัทซูซูกิ มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ให้สัมภาษณ์ถึงเป้าหมายของการทำตลาดรถรุ่นนี้ในประเทศไทย

(คลิก) ซูซูกิ ส่ง All New Ertiga สู้ศึกรถยนต์ 7 ที่นั่งในไทย

(คลิก) เจาะสเป็ค All New Suzuki ERTIGA 2019

มิโนรุ อามาโนะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย)

“นับตั้งแต่เปิดตัว Suzuki Ertiga เจเนอเรชั่นแรกเมื่อพ.ศ. 2555 จนถึงปัจจุบันมียอดขายรวมทั่วโลก 732,000 คัน” อามาโนะ ให้สัมภาษณ์ระหว่างงานแถลงข่าว “โดยฐานการผลิตของรถยนต์รุ่นนี้จะอยู่ที่อินเดีย และอินโดนีเซีย เพื่อส่งออกสู่ภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกทั้งในแถบอาเซียน, ละตินอเมริกา หรือแอฟริกา รวมทั้งหมดราว 30-40 ประเทศ”

แผนการทำตลาดในประเทศไทย วัลลภ ให้ข้อมูลเสริมว่า “นับจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2561 ยอดขาย Suzuki Ertiga ในประเทศไทยรวมทั้งหมดอยู่ที่ 6,745 คัน โดยการเปิดตัว All New Ertiga มีการตั้งเป้ายอดขายสำหรับปีนี้ไว้ที่ 2,390 คัน สำหรับราคาที่ประกาศภายในงานเปิดตัวจะเป็นราคาพิเศษจนถึงวันที่ 30 เมษายนนี้ หลังจากนั้นเราจะขอดูกระแส และประเมินสถานการณ์อีกครั้งว่าจะมีการปรับราคาหรือไม่”

การแข่งขันของรถอเนกประสงค์ Mini-MPV ในประเทศไทย

ในกลุ่มรถอเนกประสงค์ขนาดเล็กหรือ Mini-MPV (Multi-Purpose Vehicle) ในประเทศไทย มียอดขายระดับ 2,000 คันต่อเดือน แต่ผู้บริหารซูซูกิ มีความเชื่อมั่นว่ายังมีโอกาสจะเติบโตจากการที่ลูกค้าชาวไทยบางส่วนที่ใช้สิทธิ์ซื้อรถอีโคคาร์ในช่วงโครงการรถยนต์คันแรกเมื่อ 7 ปีที่แล้ว กำลังเข้าสู่ช่วงเวลาที่ต้องเปลี่ยนรถคันใหม่ โดยวัลลภ อธิบายว่า “เซกเม้นต์ MPV ในประเทศไทย มีปริมาณยอดขายไม่สูงมากนัก แต่รถยนต์กลุ่มนี้มีโมเดลที่เปรียบเทียบทั้งด้านราคา และความอเนกประสงค์ของการใช้งานที่ใกล้เคียงอีกหลายรุ่น ไม่นับรวมซับคอมแพ็กต์เอสยูวี และกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดเล็ก (B-segment) ทำให้ All New Ertiga เป็นอีกทางเลือกที่ดีสำหรับลูกค้าที่เขยิบจากรถกลุ่มอีโคคาร์หรือ B-segment ที่อยากจะใช้รถที่มีขนาดใหญ่ขึ้น, ความอเนกประสงค์ และระบบความปลอดภัยที่ดี”

วัลลภ ตรีฤกษ์งาม กรรมการบริหารด้านการขาย และการตลาด ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย)

“ด้วยองค์ประกอบเหล่านี้ทำให้ All New Ertiga จะเข้ามาเติมเต็มความต้องการของลูกค้าชาวไทย หากจะถามว่ารถยนต์รุ่นใดคือคู่แข่งหลักของ Suzuki คงจะเป็นรถยนต์ที่ผลิตในเซกเม้นต์เดียวกัน รวมถึงรถยนต์นั่งขนาดเล็ก B-segment และรถอีโคคาร์ประเภทซีดาน แต่ด้วยราคาที่ Suzuki ประกาศในวันนี้ ผมเชื่อว่าเราจะแข่งขันได้กับทุกโมเดล การนำ All New Ertiga เข้ามาก็เพื่อตอบโจทย์ตรงนี้ทั้งหมด”

พร้อมเปิดตัวใหม่อีก 2 รุ่น-ตั้งเป้ายอดขาย 33,000 คัน

ในปี 2561 ซูซูกิ มียอดขายในประเทศไทย 28,500 คัน เติบโตขึ้น 14 เปอร์เซ็นต์หากเทียบกับยอดขายในปี 2560 โดยคุณวัลลภ แสดงความเชื่อมั่นว่าในปี 2562 ซูซูกิ จะมียอดขายเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 33,000 คัน แม้ว่าค่ายรถยนต์ และนักวิเคราะห์เศรษฐกิจประเมินว่ายอดขายรถยนต์ในประเทศไทยปีนี้จะทรงตัวใกล้เคียงกับตัวเลข 1,030,000 คันก็ตาม

“ในความเป็นจริงเมื่อปีที่แล้วตลาดรถยนต์โดยรวมมีอัตราเติบโตที่สูงขึ้นมาก แต่เป็นอัตราเติบโตตามปกติ ไม่ได้ถูกกระตุ้นด้วยมาตรการพิเศษใดๆ หลังจากเผชิญผลกระทบจากนโยบายรถยนต์คันแรกในช่วง 2-3 ปีหลัง โดยปี 2562 คาดว่าตลาดรถยนต์ประเทศไทยจะมีอัตราเติบโตใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา สำหรับซูซูกิ หลังจากการเปิดตัว All New Ertiga ผมสามารถแจ้งได้ว่าเราจะมีอีก 2 รุ่นที่จะเป็น All New เปิดตัวในเร็วๆ นี้ และจะสร้างความหลากหลายในตลาดมากขึ้นสำหรับซูซูกิ”

»เป้าหมายยอดขายซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย ปี 2562 แบ่งเป็น:

• Swift 15,910 คัน

• Ciaz 8,930 คัน

• Ertiga 2,390 คัน

• Celerio 2,330 คัน

• Carry 3,440 คัน

ยอดขายรวม = 33,000 คัน

Suzuki Jimny

(คลิก) เปิดสเป็กทางการ Suzuki Jimny เวอร์ชั่นญี่ปุ่น

(คลิก) Suzuki จัดเต็ม! ใส่เครื่องไฮบริดลง New Ciaz-ประเดิมขายอินเดีย

ในส่วนของ Suzuki Jimny มินิเอสยูวีที่เปิดตัวเจเนอเรชั่นใหม่ เมื่อกลางปี 2018 คาดว่าจะมาเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ประเทศไทย ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 40 ในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ ความเคลื่อนไหวล่าสุดจากผู้บริหารซูซูกิ ระบุเพียงว่ากำลังอยู่ระหว่างเจรจาโควต้ารถยนต์สำหรับประเทศไทย หลังจากตอนนี้ Jimny มีฐานการผลิตที่โรงงานในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น แต่กระแสตอบรับจากลูกค้าทั่วโลกดีเกินคาด จนทำให้กำลังการผลิตไม่เพียงพอ ตามรายงานข่าวในประเทศอังกฤษมีลูกค้าไม่ต่ำกว่า 1,000 รายที่กำลังรอส่งมอบรถในปีนี้ หลังจากจองมาตั้งแต่ช่วงเปิดตัว

นอกจากนี้คุณวัลลภ พูดถึงแผนพัฒนาบริการหลังการขายของซูซูกิ เพื่อสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าชาวไทยว่า “ปัจจุบันเรามีโชว์รูม-ศูนย์บริการทั้งหมด 125 แห่งทั่วประเทศ โดยปีงบประมาณ 2019-2020 เราวางแผนจะเพิ่มเป็น 140 แห่งทั่วประเทศ แต่ความจริงเท่าที่มีอยู่ก็นับว่าครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเฉพาะในจังหวัดใหญ่ๆ จะมีประมาณ 2-3 โชว์รูมอยู่แล้ว ในขณะที่บริการหลังการขายจากผลสำรวจที่มีอยู่ระบุว่าซูซูกิ ได้รับการโหวตในอัตราที่สูงขึ้น ผมเชื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ลูกค้ามั่นใจในซูซูกิ มากยิ่งขึ้น”

แผนการสู่อนาคต-ไฮบริดพร้อมลงทุนผลิตที่ไทย?

ในช่วงท้ายของการแถลงข่าว อามาโนะ เปิดเผยว่าซูซูกิ มีการยื่นขอสนับสนุนการลงทุนต่อคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เพื่อขยายการลงทุนสู่รถยนต์ไฮบริด “เราได้ยื่นขอสนับสนุนการลงทุนจากบีโอไอ ในการประกอบรถยนต์ไฮบริด แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดใดๆ ในปัจจุบันเรายังคงมุ่งมั่นกับการผลิตรถยนต์คอมแพ็กต์, A-Segment และ B-Segment สิ่งที่ซูซูกิ ให้ความสำคัญคือประสิทธิภาพของเครื่องยนต์, ความคุ้มค่าของรถยนต์ และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แน่นอนว่าซูซูกิ จะต้องเดินสู่ทิศทางนั้นในอนาคต แต่เรายังไม่ได้ตัดสินใจในตอนนี้ เราให้ความสำคัญที่ความคุ้มค่าในการใช้งานของลูกค้ามากที่สุด”

สุดท้ายโออิชิ ผู้บริหารระดับสูงของซูซูกิ มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวสรุปว่า “เราเริ่มต้นการผลิตรถยนต์ซูซูกิ ในประเทศไทย เมื่อปี 2555 ซึ่งไม่ใช่ระยะเวลาที่ยาวนานนัก ซูซูกิ วางแผนจะใช้โรงงานในประเทศไทยผลิตรถยนต์ขนาดเล็ก และน่าเสียดายที่ตามแผนจะต้องผลิตรถยนต์ 100,000 คันต่อปี แต่ที่ผ่านมายังไปไม่ถึงตามเป้าหมาย ทำให้เราไม่อาจก้าวสู่แผนขั้นต่อไป ทำให้ต้องมาดูว่าตลาดประเทศไทยจะสามารถรองรับการผลิตของเราได้เต็มประสิทธิภาพหรือไม่ ถ้าสามารถไปถึงเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ก็อาจจะพิจารณาแผนการลำดับต่อไป”