Suzuki รถยอดเยี่ยมแห่งปี 2023
Best Hybrid MPV Under 2,500 c.c.
Suzuki Ertiga Smart Hybrid
นับว่าเป็นรถที่มีความคุ้มค่าและลงตัวมากที่สุด สำหรับ Suzuki Ertiga Smart Hybrid รถ MPV ขนาดคอมแพค 7 ที่นั่ง เจเนอเรชัน 2 ที่มาพร้อมกับความประหยัดแบบสมาร์ทไฮบริด สามารถประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 17.9 กม./ลิตร ซึ่งเรียกได้ว่าครบเครื่องและตอบสนองได้ทุกความต้องการ ทำให้รถคันนี้คว้ารางวัล Best Hybrid MPV Under 2,500 c.c. มาครองได้สำเร็จ
จุดเด่นที่คณะกรรมการลงคะแนน
การออกแบบ
Suzuki Ertiga Smart Hybrid ตัวรถมากับกระจังหน้าโครเมียมแบบใหม่ ชุดไฟหน้าโปรเจคเตอร์พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ และฟังก์ชัน GuideMe หน่วงเวลาดับไฟหน้า 10 วินาที หลังจากล็อกประตูรถ กระจกมองข้างพับอัตโนมัติ เสาอากาศแบบใหม่ ล้ออะลูมิเนียมอัลลอย สีทูโทน ขนาด 15 นิ้ว ตราสัญลักษณ์ Hybrid ที่ประตูท้าย ชุดไฟท้ายแบบ LED Light Guides และไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED มิติตัวถังก็ยังคงความกว้างขวางเท่าเดิม คือ ยาว 4,395 มิลลิเมตร กว้าง 1,735 มิลลิเมตร สูง 1,690 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,740 มิลลิเมตร และความสูงใต้ท้องรถ 180 มิลลิเมตร
ภายในห้องโดยสารของ Suzuki Ertiga Smart Hybrid ติดตั้งเบาะนั่งแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง เบาะนั่งแถวที่สองปรับพับแยกเบาะแบบ 60:40 และเบาะนั่งแถวที่สามปรับพับแยกเบาะแบบ 50:50 สามารถปรับพับเบาะนั่งได้หลายรูปแบบ เพื่อตอบสนองการใช้งานที่หลากหลาย เพิ่มเติมด้วยหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ LCD ที่สามารถแสดงการทำงานของระบบไฮบริด และที่ชาร์จไฟไร้สาย (Wireless Charger) ขณะที่อุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ ได้แก่ หน้าจอสัมผัสขนาด 10 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay, ช่องเชื่อมต่อ USB / HDMI, กุญแจ Keyless Entry พร้อมปุ่ม Keyless push start, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ, ระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และกล้องมองหลังพร้อมเซ็นเซอร์กะระยะด้านท้าย เป็นต้น
ระบบ Smart Hybrid และสมรรถนะ
Suzuki Ertiga Smart Hybrid เสริมกำลังด้วยระบบ Smart Hybrid ตัวระบบใช้เทคโนโลยี ISG หรือ Integrated Starter Generator ที่ให้กำลังสูงสุด 2.3 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 50 นิวตันเมตร เก็บประจุไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่แพคชนิดลิเทียม-ไอออน 6 แอมป์อาวร์
มีระบบชาร์จไฟกลับขณะเบรก/ยกคันเร่ง ตัวชุดระบบจะทำหน้าที่แทนมอเตอร์ สตาร์ทเตอร์ พร้อมช่วยเพิ่มแรงบิดในรอบต่ำให้กับเครื่องยนต์
ส่วนกำลังหลักมาจากเครื่องยนต์เบนซินแบบ 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดคู่ DUALJET พร้อมวาล์วแปรผัน VVT และฟังก์ชัน Idling stop ส่งกำลังไปหมุนล้อคู่หน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ให้กำลังสูงสุดผลิตได้ 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสียประมาณ 134 กรัม/กม. ลดลง 12 กรัม/กม. เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
ส่วนอุปกรณ์ความปลอดภัยของ Suzuki Ertiga Smart Hybrid มีครบถ้วนทุกการใช้งาน อาทิ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS, กล้องมองหลังพร้อมเซ็นเซอร์สำหรับช่วยถอย, ระบบ Hill Hold Control ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน, ระบบ ESP ช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว, ระบบเบรก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD, กุญแจนิรภัย Immobilizer และจุดยึดเบาะนิรภัยสำหรับเด็ก ISOFIX & Top tether 2 ตำแหน่ง
ซึ่งทั้งหมดที่เรากล่าวมานี้ คือความคุ้มค่าแบบเหนือชั้น ที่ทำให้เหล่าคณะกรรมการผู้ทดสอบได้ลงความเห็นให้ Suzuki Ertiga Smart Hybrid คว้ารางวัล Best Hybrid MPV Under 2,500 c.c. ในปีนี้มาครอง
Best Petrol SUV Under 1,500 c.c.
Suzuki XL7
นับว่าเป็นอีกหนึ่งรถ Mini MPV ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้มากที่สุดครบถ้วน พื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง และห้องโดยสารแบบอเนกประสงค์ที่สามารถใช้งานได้จริง แถมยังพ่วงเทคโนโลยีความปลอดภัยคุ้มค่า ซึ่งนับเป็นเหตุผลสำคัญที่เหล่าคณะกรรมการผู้ให้คะแนน Car of The Year 2023 ต่างโหวตให้คะแนน Suzuki XL7 เป็นรถที่คุ้มค่าที่สุดในประเภท Best Petrol SUV Under 1,500 c.c.
จุดเด่นที่คณะกรรมการลงคะแนน
การออกแบบ
Suzuki XL7 ได้รับการออกแบบเน้นดีไซน์สปอร์ต ดุดัน ด้วยกระจังหน้าสีดำผสมโครเมียม และไฟหน้า LED สามารถปรับระดับองศาของไฟต่ำได้ พร้อม Daytime Running Light และไฟตัดหมอกหน้า ตกแต่งใต้กันชนด้วยวัสดุสีเงินรอบคัน ไฟท้าย LED และไฟเบรกแนวตั้ง ซุ้มล้อสีดำพร้อมล้ออัลลอยแบบทูโทน ขนาด 16 นิ้ว รวมถึงราวหลังคารองรับการบรรทุกสัมภาระ
ดีไซน์ภายในห้องโดยสาร ตกแต่งวัสดุด้วยลาย CarbonFiber พร้อมคิ้วโครเมียม มาตรวัดพร้อมจอ LCD แสดงผลแจ้งสถานะข้อมูลสำคัญของตัวรถ เช่น Driving G-Force อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง อัตราแรงบิด กำลังของเครื่องยนต์ และข้อมูลอื่นๆ อีกทั้งหน้าจอสัมผัสขนาด 10 นิ้ว พร้อมระบบปรับแต่งเสียงและประมวลผลในแบบดิจิทัล (Digital Sound Processor) ฟังก์ชันเชื่อมต่อ Bluetooth การเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน Apple CarPlay, Android Auto รวมไปถึงช่องเชื่อมต่อ USB และ HDMI ที่บริเวณคอนโซลหน้า ช่องจ่ายไฟสำรอง 12V จำนวน 3 ตำแหน่งขุมพลังแบบประหยัด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
Suzuki XL7 มาพร้อมกับเครื่องยนต์ K15B ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุดถึง 105 แรงม้า/6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 138 นิวตันเมตร
ที่ 4,400 รอบต่อนาที พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ที่มีการปรับตั้งประสิทธิภาพเครื่องยนต์และอัตราทดเกียร์ให้เหมาะกับการขับขี่อย่างลงตัว ผสานกับแพลตฟอร์ม HEARTECT เทคโนโลยีอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของซูซูกิ ซึ่งช่วยเสริมสมรรถนะในการขับเคลื่อนเป็นไปอย่างคล่องตัว สนุกสนาน ปลอดภัย และ ประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น ซึ่งสามารถทำอัตราสิ้นเปลืองได้ประหยัดถึง 6 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร (16 กิโลเมตร/ลิตร) และปล่อยมลพิษแค่ 143 กรัมต่อกิโลเมตรภายในกว้าง ใช้งานได้จริงในทุกที่นั่ง
Suzuki XL7 มีการออกแบบห้องโดยสารให้มีความกว้างขวางและสะดวกสบาย ด้วยที่นั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง เบาะนั่งแถวที่สองปรับพับแยกเบาะแบบ 60:40 สามารถเลื่อนสไลด์ได้ 240 มิลลิเมตร เพื่อการเข้า-ออกแถวที่สามได้อย่างสะดวกและง่ายดาย และเบาะนั่งแถวที่สาม ปรับพับแยกเบาะแบบ 50:50 สามารถปรับพับเบาะนั่งได้หลายรูปแบบ เพื่อตอบสนองการใช้งานที่หลากหลาย นอกจากนี้ การออกแบบของพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ทรง D-Shape ยังทำให้มีพื้นที่เพิ่มขึ้นระหว่างเบาะกับพวงมาลัย เพื่อช่วยให้การเข้า-ออก ที่นั่ง รวมถึงการขับขี่เป็นไปอย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ Suzuki XL7 ยังถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่หลากหลาย รวมถึงในแบบฉบับของครอสโอเวอร์ได้อย่างลงตัว ด้วยมิติรถขนาดใหญ่ที่มีความยาว 4,450 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,775 มิลลิเมตร และความสูง 1,710 มิลลิเมตร รวมถึงการออกแบบความสูงของรถให้มีระยะห่างจากพื้นถึงตัวรถ มีความสูงถึง 200 มิลลิเมตร มอบวิสัยทัศน์ในการขับขี่และขับผ่านอุปสรรคบนท้องถนนที่ดียิ่งขึ้น อีกทั้งตัวรถได้รับการออกแบบให้มีประสิทธิภาพในการลดแรงเสียดทานจากแรงลมในขณะขับขี่ ส่งผลให้รถมีการทรงตัวอย่างมีประสิทธิภาพ ให้ความคล่องตัวทุกการขับขี่เทคโนโลยีความปลอดภัยเต็มรูปแบบ
ในด้านความปลอดภัย Suzuki XL7 มาพร้อมกับระบบถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า, ระบบเบรก ABS ช่วยป้องกันล้อล็อกขณะเบรก
กะทันหัน พร้อมระบบ EBD ช่วยกระจายแรงเบรกได้อย่างสมดุล, เสริมด้วยระบบควบคุมเสถียรภาพในการทรงตัว ESP และการปรับแต่ง module ในพวงมาลัยที่เพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ให้เข้าโค้งได้แม่นยำ รวมทั้งระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Hold Control), จุดยึดเบาะสำหรับเด็ก ISOFIX และ Top tether กล้องมองภาพพร้อมเซ็นเซอร์ที่กะระยะในขณะถอยหลังได้อย่างแม่นยำ ปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยการป้องกันการโจรกรรม
ด้วยระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer
จากบทสรุปของคณะกรรมการ ต่างมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า Suzuki XL7 เป็นรถที่คุ้มค่าที่สุดในชั่วโมงนี้ และคว้ารางวัล Best Petrol SUV Under 1,500 c.c. มาครองได้สำเร็จ