Suzuki Jimny History
จากทิศทางความนิยม รวมถึงพฤติกรรมในการเลือกใช้รถยนต์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ตามความเหมาะสมของปัจจัยแวดล้อมต่างๆ จนทำให้รถยนต์ในแบบซับคอมแพ็คท์ เอสยูวี เริ่มเข้ามามีบทบาทในตลาดรถยนต์มากขึ้น จะเห็นได้จากค่ายรถยนต์หลายแบรนด์ ได้มีการผลิต และจำหน่ายรถยนต์ในประเภทดังกล่าว จนสร้างยอดขายมากมายคับคั่ง จากรูปทรงที่เน้นความคล่องตัว กะทัดรัด กับสมรรถนะที่สมตัว รวมถึงพื้นที่ใช้สอยในห้องโดยสาร ที่เพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานมากมาย ตามสไตล์ของรถที่เน้นความอเนกประสงค์เป็นจุดขาย และในครั้งนี้จะมาพูดถึงประวัติความเป็นมาของอีกหนึ่งรถยนต์อเนกประสงค์จากฝั่งญี่ปุ่น ที่เคยสร้างปรากฎการณ์ออฟโรดเครื่องเล็ก ที่สมรรถนะเกินตัว รวมถึงทำยอดจำหน่ายไว้มากมายในหลายประเทศ นั่นก็คือ ซูซูกิ จิมนี่ รถยนต์ออฟโรดเอนกประสงค์ขนาดเล็ก ในแบบที่เรียกกันว่า ซับคอมแพ็ค เอสยูวี (Subcompact SUV) ที่ผลิตโดย ซูซูกิ ในปี พ.ศ. 2513 เป็นรถยนต์ออฟโรดรุ่นแรกๆ ของซูซูกิ โดยมีที่มาจากการที่ซูซูกิ มอเตอร์ คอร์เปอเรชั่นเข้าไปซื้อกิจการบริษัท Hope Motor Company โดยมีการผลิตรถยนต์ออฟโรดในชื่อรุ่น HopeStar ON360
จนต่อมา ก็ได้มีการพัฒนาต่อยอดมาเป็น ซูซูกิ จิมนี่ 1st Gen. ซึ่งมาแทนที่ HopeStar ON360 ใช้รหัสตัวถัง LJ10, Brute IV และต่อมาเป็นรหัส LJ20, SJ10 / LJ50 และ SJ20 / LJ80 ตามลำดับ โดยมีการปรับปรุงหน้าตา รวมถึงสมรรถนะ ให้มีความน่าสนใจยิ่งขึ้น มาพร้อมเครื่องยนต์หลากหลายมีทั้ง 2 จังหวะ และ 4 จังหวะ มีความจุตั้งแต่ 2 สูบ 0.4 ลิตร,3 สูบ 0.55 ลิตร จนถึง 4 สูบ 0.8 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 4 สปีด ถือเป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อรุ่นแรก ภายใต้แบรนด์ของซูซูกิ
ซูซูกิ จิมนี่ รุ่นที่ 2 เปิดตัวเมื่อปี พ.ศ. 2524 ในรหัส SJ30 ,SJ40 และ SJ413 ตามลำดับ โดยเป็นรุ่นที่เริ่มใส่ความหลากหลาย มาให้ผู้ใช้ได้เลือกมากขึ้น โดยมีตัวถังทั้งแบบเอสยูวี 3 ประตู และแบบ 2 ประตู คอนเวอร์ทิเบิล เปิดหลังคาได้ มีเครื่องยนต์หลายขนาดให้เลือกตั้งแต่ 0.5 ,0.7 ,1.0 และ 1.3 ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 4 และ 5 สปีด ในภายหลังได้มีการนำเกียร์อัตโนมัติ 3 สปีด เข้ามาใช้ในจิมนี่อีกด้วย มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบพาร์ทไทม์ มีระยะฐานล้อตั้งแต่ 2,030-2,375 มม. ความยาวตัวรถ 3,195-4,010 มม. ความกว้าง 1,395-1,535 มม. และความสูง 1,670-1,840 มม. มีฐานการประกอบอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ,โคลอมเบีย ,อินเดีย ,อินโดนีเซีย ,เคนยา ,สเปน รวมถึงไทย
โดยในประเทศไทย ได้มีการเปิดตัว SJ413 ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2531 ในชื่อ ซูซูกิ คาริบเบียน โดยซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย (หรือบริษัท สยามอินเตอร์เนชั่นแนล คอร์เปอเรชั่น) เนื่องจากซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทยต้องการหารถมาประกอบในประเทศ เพื่อแตกไลน์ในการทำตลาดควบคู่ไปกับรถยนต์นั่งขนาดเล็กอย่าง ซูซูกิ คัลตัส (อังกฤษ: Suzuki Cultus) ซึ่งจิมนี่ หรือคาริเบียน รุ่นนี้ เป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศไทย เนื่องจากตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการใช้รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ ในต่างประเทศอาจจะคิดว่าคาริบเบียนเป็นรถจี๊ปสองตอน แต่ในความจริงแล้วมันเป็นรถกระบะออฟโรด ที่ได้รับการต่อเติมหลังคาไฟเบอร์ รวมถึงเบาะนั่งด้านหลัง ทำให้ทรงดูเป็นรถจี๊ปเล็กสองตอน ต่อมาไม่นานหลังจากผลิตและจำหน่ายในเวอร์ชันจี๊ปสองตอน ทางกรมสรรพสามิต ก็ได้มีการกำหนดให้รถสเตชันวากอนที่มาจากการดัดแปลง จำเป็นต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น จึงทำให้ซูซูกิต้องมาผลิตในเวอร์ชันรถกระบะเล็ก ในรุ่น สปอร์ตี้ คาริบเบียน Sporty Caribian แทนในปี พ.ศ. 2539 และนี่คือจุดเริ่มต้นของตลาดกลุ่มใหม่ คือ รถเอนกประสงค์ดัดแปลง (PPV) และยังขายได้อยู่เรื่อยๆ จนถึงปี พ.ศ. 2548
มาถึงรุ่นที่ 3 เปิดตัวในปี พ.ศ. 2541 เป็นรุ่นที่ยังผลิตอยู่ในปัจจุบัน บางท่านอาจจะเห็นมาวิ่งในเมืองไทยอยู่บ้าง เนื่องจากจิมนี่รุ่นที่ 3 นี้ มีฐานการประกอบอยู่ใน ประเทศญี่ปุ่น ,โคลัมเบีย และสเปน โดยเป็นตัวถังแบบเอสยูวีช่วงสั้น 2 ประตูและคอนเวอร์เทเบิล 2 ประตู ใช้เครื่องยนต์เบนซิน มีให้เลือกตั้งแต่ 0.7 ,1.3 และ 1.5 ลิตร ใช้เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ระยะฐานล้อ 2,030 มม. ความยาว 3,295-3,645 มม. ความกว้าง 1,395-1,600 มม. และความสูง 1,655-1,715 มม.
ปัจจุบัน ซูซูกิ จิมนี่ ยังคงทำตลาดเรื่อยๆ ไม่หวือหวานัก เนื่องจากกระแสของ SUV ที่ใช้พื้นฐานของรถกระบะเริ่มมีน้อยลง แต่ยังคงเน้นลูกค้าที่เน้นการใช้งานในเมือง แทนการลุยป่าฝ่าดงเหมือนในอดีต ทำให้ในขณะนี้ซูซูกิต้องคิดหนักว่าจะพัฒนาจิมนี่ใหม่ให้คุ้มทุนพัฒนาอย่างไร
แล้วก็มาถึง ซูซูกิ จิมนี่ 2018 ใหม่ โดยยังคงเอาไว้ซึ่งดีไซน์คลาสสิกที่เราเคยคุ้นตากันดี โดยเผยโฉมครั้งแรกในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์ เมื่อเดือนตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าบ้านเราจะคุ้นเคยกับ ซูซูกิ คาริเบียน มากกว่า แต่ในรุ่น จิมนี่ ก็เป็นอีกรุ่นที่น่าค้นหา และได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้งานทั่วโลก ซึ่งโฉมใหม่ที่ปรากฏออกมา นับว่าเป็นเจเนอเรชั่นที่ 4 ที่ยังคงรูปทรงตัวถังแบบคลาสสิก ไฟหน้าและไฟเลี้ยวทรงกลม, กันชนหน้า และคิ้วล้อสีดำ, ด้านท้ายมาพร้อมชุดขายึดยางอะไหล่ ติดตั้งบนฝาประตูท้าย พร้อมไฟท้ายแนวนอนบริเวณกันชน ภายในห้องโดยสารมาพร้อมชุดเครื่องเสียงพร้อมจอสัมผัสขนาดใหญ่ ซึ่งมี Interface ใกล้เคียงกับ Ciaz RS ในบ้านเรา, ติดตั้งสวิตช์เครื่องปรับอากาศทรงกลม, พวงมาลัยแบบ 3 ก้าน, แผงคอนโซลฝั่งผู้โดยสารออกแบบให้มีที่จับในตัว เป็นต้น
หากซูซูกิ จิมนี่ รุ่นใหม่ เข้ามาจำหน่ายในไทย เชื่อได้เลยว่า ตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดเล็ก จะกลับมาคึกครื้นอีกครั้ง อย่างแน่นอน…
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
ข้อมูล,ภาพประกอบ : History of Suzuki 4×4, suzuki.co.jp
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th