Suzuki XL7 ลุคใหม่ สีทูโทน ชูสไตล์ครอสโอเวอร์ 7 ที่นั่ง สำหรับคนรักครอบครัว
Suzuki XL7 ลุคใหม่ สีทูโทน ชูความเป็นรถสไตล์ครอสโอเวอร์ ขนาด 7 ที่นั่ง สำหรับคนรักครอบครัว ปรับเพิ่มความสดใหม่ ไม่ปรับราคา
ซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย พลิกตำราเข้าสู่อีกครั้ง หลังตลาดรถยนต์ MPV มีผู้เล่นกระโดดลงมาแย่งส่วนแบ่งในตลาด หลังจากตลอดระยะเวลา 2-3 ปี ที่ผ่านมามีเพียงแค่ 2 ราย ที่ดูจะแข่งขันกันมาอย่างดุเดือด
เดิมที Suzuki XL7 ชูความเป็นครอสโอเวอร์ 7 ที่นั่ง ผู้นำเสนอความแตกต่าง กับความสารพัดประโยชน์ในการใช้งาน พร้อมด้วยการวางราคาที่เข้าถึงได้ง่าย ตัดสินใจไม่ยากที่ ราคา 779,000 บาท
การปรับลุคให้สดใหม่ด้วย สีทูโทน เฉพาะในรุ่นสีส้ม กับ สีขาว ที่จัดการเพิ่มตัวหลังคาสีดำ และกระจกมองข้างสีดำเข้ามา เพื่อกระตุ้นใครและใครสักคนที่มองหาความแปลกใหม่
ใจความสำคัญของ ซูซูกิ เอ็กซ์แอล 7 คงไม่ใช่เรื่องของการปรับสีสัน ที่ออกมาเพื่อบอกว่าเรายังอยู่ในตลาด แต่มันคือเรื่องของความอรรถประโยชน์ที่ไม่ต้องจ่ายมากกว่าต่างหาก การพาไปทดสอบยังเส้นทางแบบ Off Road ล่าสุด ก็ดูจะเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความเป็นรถครอสโอเวอร์ที่วิ่งบนเส้นทางได้หลากหลายในระดับหนึ่ง
ด้วยมิติตัวถังขนาดใหญ่ มีความยาว 4,450 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,775 มิลลิเมตร และความสูง 1,710 มิลลิเมตร ออกแบบมาให้รองรับการใช้งานหลากหลายตามแบบฉบับของรถครอสโอเวอร์ มีระยะห่างจากพื้นถึงตัวรถถึง 200 มิลลิเมตร เพิ่มความมั่นใจในการขับลุยไปตามสภาพเส้นทางที่ไม่เคยปกติได้อย่างมั่นใจ
โดยยังคงใช้แพลตฟอร์ม HEARTECT มีที่มีการออกแบบด้วยการลดจุดเชื่อมต่อเพิ่มความแข็งแรงปลอดภัย ผสานเข้ากับโครงสร้างตัวถัง (TECT)เหล็กกล้าน้ำหนักเบามีความแข็งแรง เทคโนโลยีอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของซูซูกิ และด้วยขนาดและความสูงของรถ การพัฒนา เหล็กกันโคลงด้านหน้า (Front Stabilizer) ให้มีขนาดใหญ่พิเศษ ช่วยลดอาการโคลงของตัวรถและเพิ่มการยึดเกาะถนน ช่วยให้ระบบช่วงล่างมีประสิทธิภาพรองรับการขับขี่ได้เต็มรูปแบบของรถครอสโอเวอร์
รถอเนกประสงค์ กลุ่มผู้ซื้อมีเป้าหมายชัดเจน คือ ต้องการความหลากหลายในการใช้งาน โดยเฉพาะการเดินทางไปพร้อมครอบครัวหรือกลุ่มคนจำนวนมาก ซึ่ง XL7 อาจจะมีเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่งเหมือนในตลาดทั่วไป การออกแบบให้มีช่องเก็บของไปจนถึงวางขวดวางแก้วในแทบทุกที่นั่ง มันเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งานทุกตำแหน่ง เ
เบาะปรับพับแยกได้แบบ 60:40 สามารถเลื่อนสไลด์ได้ 240 มิลลิเมตร เพื่อการเข้า–ออกแถวที่สามได้อย่างสะดวกและง่ายดาย หากต้องการบรรทุกสิ่งของเครื่องใช้ ปรับพับเบาะนั่งแถวสามแบบ 50:50 ก็เพิ่มพื้นที่ได้ถึง 550 ลิตร แถมด้วยกล่องเก็บของใต้ห้องเก็บสัมภาระด้านหลังมีฝาเปิด–ปิดอิสระ
เครื่องยนต์ K15B ขนาด 1.5 ลิตร ที่บรรจุอยู่ใต้ฝากระโปรง มอบกำลังสูงสุดถึง 105 แรงม้า/6,000 รอบต่อนาที แรงบิดที่ 138 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด แม้จุดนี้กำลังจะด้อยกว่าคู่แข่งในตลาดที่จะปรับไปสู่การเป้นเกียร์ CVT กันหมดแล้ว แต่ก็มีการปรับตั้งอัตราทดเกียร์ให้เหมาะกับการขับขี่อย่างลงตัว
ระบบความบันเทิงเต็มตา เต็มใจ ด้วยหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 10 นิ้ว พร้อมระบบ Digital Sound Processor เชื่อมต่อไปยังแหล่งความบันเทิงจากสมาร์ทโฟนด้วย Bluetooth รองรับระบบก Apple CarPlay, Android Auto รวมไปถึงช่องเชื่อมต่อ USB และ HDMI โดยเฉพาะกับการเชื่อมต่อผ่าน HDMI ที่ท่านสามารถส่งภาพวีดีโอ หนัง มิวสิควีดีโอ หรือ YouTube ขึ้นไปแสดงผลบนหน้าจอ โดยไม่ต้องไปปรับแต่งหรือเปลี่ยนเครื่องเล่นใหม่เหมือนที่นิยมทำกันที่ผ่านมา ให้สิ้นเปลืองเงินในกระเป๋า
ระบบความปลอดภัย ถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า ระบบเบรก ABS พร้อมระบบ EBD ระบบควบคุมเสถียรภาพในการทรงตัว ESP ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Hold Control) จุดยึดเบาะสำหรับเด็ก ISOFIX กล้องมองภาพพร้อมเซ็นเซอร์กะระยะในขณะถอยหลัง
ระบบกุญแจนิรภัย Immobilize พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น Keyless Push Start และระบบ Keyless Entry ประตูเปิด-ปิดได้โดยไม่ต้องกดกุญแจรีโมท กระจกมองข้าง ระบบไฟฟ้า ระบบปรับอากาศด้านหลัง ไฟหน้า LED ที่ปรับระดับองศาของไฟต่ำได้ ไฟท้าย LED ล้ออะลูมิเนียมอัลลอยแบบทูโทนขนาด 16 นิ้ว
สุดท้าย นอกจากเรื่องสมรรถนะ และ ฟังก์ชั่นการใช้งานรถเรื่องของราคาจำหน่าย ที่ดูแล้วน่าจะไม่มีการปรับเพิ่มจากเดิม ถ้าเพิ่มก็คงไม่เกิน 1 หมื่นบาท ชูความคุ้มค่า คุ้มราคาในสไตล์ของซูซูกิ ถ้ายังไม่นับรวมแคมเปญที่แตกตางไปแต่ละผู้แทนจำหน่าย หากกางตารางเปรียบเทียบราคากับสเป็ครถให้ครอบคลุมทั้งหมด รวมถึงจุดแข็งสำคัญ คือ การวางราคาจำหน่ายนี่ละ ที่ดูจะชักชวนคนให้หันมามองเป็นทางเลือกหลักตัวหนึ่งได้ในตลาด