ช่วงนี้ก็เหมือน “ปลายฝน” เข้ามาทุกที ในช่วงที่เขียนงานนี้อยู่ ก็จะมีฝนตกหนาแน่น และมีข่าว “น้ำท่วม” ออกมาหลอกหลอนอีกนะ ความทรงจำในปี 2554 ที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ก็ยังไม่มีใครลืม แต่ในเมื่อมีข่าวมาแล้ว ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ควรจะต้อง “เตรียมตัว” หาทางหนีทีไล่ไว้บ้าง รถคันหนึ่งก็เป็นทรัพย์สินของเรา ยังไงก็ควรทราบวิธีเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ไว้บ้างจะเป็นการดีมากๆ ครับ…

หลังจากที่เราขับรถลุยน้ำ และผ่านพ้นมาได้แล้ว มันก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะปล่อยปละละเลยได้เสียทีเดียวนะ เพราะมันมีขั้นตอนต่อมา ที่ผมจะแนะนำให้ทำเพื่อ “เซฟรถและตัวคุณ” เอง บางสิ่งก็เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง ถ้าประมาทก็เป็นจุดเกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน…

ครั้งก่อนหน้า ก็ว่ากันถึงเรื่องการขับรถลุยแอ่งน้ำ อันนั้นเด็กๆ เพราะมันแว๊บเดียว แต่ก็ “เสียว” ได้ ถ้าไม่ระวังหรือขาดทักษะ ตอนนี้ กำลังเข้าสู่ช่วง “ปลายฝน” ก็อาจจะเจอกับพายุฝนกระหน่ำส่งเอาเสียดื้อๆ ก็มีโอกาสสูงที่เมืองฟ้าอมรรัตนโกสินทร์อย่างบ้านเฮาก็จะกลายร่างเป็น “อ่าวกรุงเทพ” จนแทบจะเปลี่ยนยานพาหนะเป็น “เจ็ตสกี” หรือ “หางยาวซิ่ง”

สาหัสกันไปตามๆ กัน เมื่อ “ร่องมรสุม” ทำฝนถล่มกรุงเทพและจังหวัดใกล้เคียง พาปริมาณน้ำยกพลขึ้นบกเกิดน้ำท่วมแบบฉับพลันในหลายพื้นที่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จริงอยู่ที่หลายเมืองใหญ่ในโลกล้วนประสบกับปัญหาของน้ำท่วม และเป็นภาระที่คนใช้รถใช้ถนนต้องพบเจอ แต่อย่างน้อยขอให้รู้วิธีการขับรถลุยน้ำท่วมหรือขับรถเข้าไปในพื้นที่น้ำท่วมสูงอย่างถูกวิธีจะเป็นการ

เมืองไทยกับเรื่องของน้ำท่วมขังหลังจากฝนตกหนัก โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ถือเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และผู้ใช้รถใช้ถนนส่วนใหญ่สามารถพบเจอได้กันเป็นประจำ

ต้องยอมรับว่าเมืองไทยเป็นเมืองที่เอาแน่เอานอนเรื่องฤดูกาลไม่ได้ เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว (นิดนึง) เดี๋ยวฝน บางครั้งฝนที่เทลงมาทำให้เกิดน้ำท่วมขังรอการระบาย โดยเฉพาะน้ำท่วมสูง และพวกเรามักจะได้ยินข่าวร้ายอยู่บ่อยครั้งเกี่ยวกับเหตุการณ์น้ำท่วมและเกิดอุบัติเหตุตามมา เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว แน่นอนว่ารถยนต์ของเรานั้นไม่สามารถลุยน้ำหรือดำน้ำได้ เหมือนกับรถหรูของเจมส์ บอนด์ 007 แต่อย่างใด ยิ่งเป็นแบบนี้เรายิ่งต้องเรียนรู้ให้มากว่าจะขับรถผ่านน้ำท่วมสูงรอระบายยังไงดีให้ปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สินของเรากับ 5 วิธีขับรถผ่านน้ำท่วมต้องทำไง ? มาอ่านกันเถอะ