Porsche 911 คันแรกถูกส่งไปยังออสเตรเลียเมื่อปี 1965 โดย Norman Hamilton ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายในตอนนั้นได้ส่งมอบรถให้ผู้ซื้อที่ชื่อ Ron Angas และจนถึงทุกวันนี้ 911 คันแรกที่ถูกส่งไปยังแผ่นดินออสซี่ในสีที่เรียกว่า Steingrau หรือ Stone Grey

สำหรับผู้ที่คิดจะซื้อ Porsche 911 ไว้ขับ นอกจากจะมีหลากหลายรูปแบบตัวถังให้เลือกทั้งคูเป้ เปิดประทุน และเปิดหลังคาในแบบ Targa แล้ว ยังมีหลากหลายเครื่องยนต์และสมรรถนะให้เลือก

Porsche ไม่ทิ้งเวลานานสำหรับการทำรุ่นพิเศษให้กับ 911 Targa เจนเนอเรชั่นปัจจุบัน เพราะหลังเปิดตัวรุ่นเปิดหลังคาได้ในแบบ Targa ออกมาเพียง 2 สัปดาห์ ก็จับเอา 911 Targa 4S มาทำรุ่นแต่งพิเศษในชื่อ Heritage Design Edition

Porsche เพิ่มอีกทางเลือกของตัวถังให้กับ 911 เจนเนอเรชั่น 992 นอกเหนือจากคูเป้และ Cabriolet หรือเปิดประทุน ด้วยรุ่น Targa ในลักษณะตัวรถที่ยังคงมีเสาบีและกระจกหลัง แต่เปิดในส่วนของหลังคารับอากาศภายนอก

หลังจาก Porsche อเมริกาเหนือได้นำ 911 เจนเนอเรชั่นที่แล้วหรือ 991 คันสุดท้ายจากสายการผลิตออกประมูลเพื่อนำเงินที่ได้ไปบริจาคให้กับ United Way Worldwide สำหรับต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19 ในอเมริกาเหนือ ราคาสูงสุดที่ได้จากการประมูลมาจากผู้ใจบุญที่พร้อมจะจ่าย 550,000 ดอลล่าร์

หากจะบอกว่าหากอยากขับรุ่นแรงกว่าต้องใจเย็น แต่ถ้าใจเย็นไม่พอก็ต้องซื้อรุ่นที่กำลังน้อยกว่าขับไปก่อนก็คงไม่ผิดนัก เพราะหลังเปิดตัว 911 เจนเนอเรชั่นปัจจุบันหรือ 992 ออกมาได้ปีกว่าตอนนี้ทาง Porsche เพิ่งเผยโฉม 911 Turbo S ออกมาทั้งตัวถังคูเป้และเปิดประทุนพร้อมกับกำลังของเครื่องยนต์ที่มากถึง 650 แรงม้า ซึ่งมากกว่า 911 Turbo เจนเนอเรชั่นก่อนหน้าถึง 70 แรงม้า

ก่อนหน้านี้ฝ่าย Exclusive Manufaktur ของ Porsche เพิ่งออกชุดแต่งมาให้เป็นทางเลือกเพื่อเสริมความสปอร์ตกับ 911 ไปไม่นาน ล่าสุดฝ่ายผลิตรถพิเศษของ Porsche มีแนวทางใหม่ในการแต่ง 911 มานำเสนอซึ่งสามารถสร้างความแตกต่างจาก 911 คันอื่นได้อย่างแน่นอน

ก่อนหน้านี้ฝ่าย Exclusive Manufaktur ของ Porsche ได้ทำชุดแต่งเพิ่มความดุให้กับรถไฟฟ้า Taycan มาแล้ว ดังนั้นคงจะแปลกสักหน่อยหากไม่มีชุดแต่งเพิ่มความพิเศษให้กับ 911 ซึ่งเป็นรถรุ่นสำคัญของ Porsche

รถเอสยูวีหรูที่ครองใจคนทั่วโลก Porsche Cayenne เปิดตัวเจเนอเรชั่นที่ 3 อย่างเป็นทางการ เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา ชูจุดขายถ่ายทอดเทคโนโลยีตรงจากรถสปอร์ต Porsche 911 ใช้โครงสร้างตัวถัง Intelligent Lightweight Construction ทำให้น้ำหนักเบาขึ้น 65 กิโลกรัม พร้อมผ่านบททดสอบในทุกสภาพอากาศมั่นใจสามารถใช้งานได้ทั่วทุกมุมโลก