และแล้วก็มาถึง EP สุดท้าย คือ ภาค 10 ของ “รถไฟฟ้ามาแน่นะเทอ” แต่มันอาจจะมี “ไตรภาค” ก็ได้ ถ้ามีข้อมูลอื่นๆ อัพเดตที่น่าสนใจ เราก็จะมาเหลา EV กันต่อ แต่เราจะเน้นข้อมูลที่ “อ่านสบาย” เข้าใจง่ายสำหรับทุกคน ใน EP10 นี้ จะเป็น “ข้อกังขา” ที่หลายคนก็คิดเผื่อล่วงหน้าว่า

เรื่องของ EV นั้น หากติดตามมาอย่างต่อเนื่อง ก็อาจจะมีข้อสงสัยว่า “สรุปแล้ว EV มันเหมาะกับใครกันแน่” ในความคิดแรก EV มันประหยัดกว่า มันก็น่าจะเหมาะกับคนที่มีฐานะปานกลาง แต่ตอนนี้ มันก็ยังมี “ข้อจำกัด” ในหลายประการ สิ่งหลักๆ ก็คือ “การชาร์จไฟ” ที่ของ

มาถึงสิ่งที่หลายคนสงสัยใคร่รู้ เพราะเห็นกระแส EV เริ่มมาแรงขึ้นทุกทีๆ ก็คิดไปต่างๆ นาๆ ว่า ในอนาคต EV จะมาแทนที่ ICE หรือ รถใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน หรือ “รถใช้น้ำมัน” หรือเปล่า หลายคนก็ว่ามีโอกาส เพราะเห็นหลายประเทศในยุโรป

ก็มาเรื่อยๆ กันนะครับ สำหรับเรื่องราวของ EV หรือ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100 เปอร์เซนต์ ที่เกิดมาเพื่อ “ลดมลพิษ” เป็นหลัก ซึ่ง EV สมัยนี้ ถูกปรับปรุงให้ทันสมัย และ “แรง” แถม “วิ่งได้ไกลขึ้น” รวมไปถึง “การชาร์จแบตเตอรี่ที่รวดเร็วขึ้น” จึงกลายเป็นกระแสอันแพร่หลาย

บริดจสโตน บริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์ชั้นนำของโลกร่วมมือกับ Lightyear ทีมพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ นำเทคโนโลยี Enliten ที่ให้น้ำหนักเบา และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาใช้กับยาง Turanza Eco ที่ออกแบบเพื่อติดตั้งกับ Lightyear One รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์โดยเฉพาะ

ตอนนี้มีข่าวดังที่รถ TESLA MODEL S เกิดอุบัติเหตุในรัฐเทกซัส อเมริกา โดยรถแหกโค้งชนต้นไม้ด้วยความเร็วสูง และมีเพลิงไหม้กว่า 4 ชม. และเกรียมไป 2 คน และที่น่าทึ่งกว่านั้น คือ “ไม่มีคนนั่งในตำแหน่งคนขับ” 2 คนนี้ นั่งอยู่ที่เบาะผู้โดยสารด้านหน้าและหลัง

ตอนนี้จากกระแสที่คนตื่นตาตื่นใจกับรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ที่จริงๆ ก็มีเข้ามาชิมลางบ้านเราเมื่อประมาณ 10 ปี ที่แล้ว แต่ก็หายไปด้วยเหตุที่ว่า “ยังไม่เหมาะสมกับคนทั่วไป” และ “ราคาสูง” เพราะเป็นรถนำเข้า จึงเป็นแค่ “เคสศึกษา” ไปก่อน แต่ตอนนี้

เกรท วอลล์ มอเตอร์ (GWM) จัดแคมเปญ Get to know Thai Consumers ตลอดเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ที่ผ่านมา เพื่อสำรวจความต้องการเกี่ยวกับการซื้อขายและการใช้รถยนต์ของผู้บริโภคชาวไทย และร่วมมือกับนิด้าโพลสำรวจความคิดเห็น

ว่ากันว่าตลาดรถยนต์ในยุคหน้าจะเป็นเรื่องของรถยนต์พลังไฟฟ้าอย่างแน่นอน เพราะด้วยข้อจำกัดทางภาครัฐที่มีความเข้มงวดในเรื่องของมลพิษถึงขนาดห้ามไม่ให้รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซลเข้ามาแล่นในเขตเมือง หรือการออกมาตรฐานไอเสียในระดับที่สูงชนิดที่การพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายใน หรือ I.C.E. คงไปได้ แต่ต้องมีต้นทุนที่สูงขึ้น ทำให้เกือบทุกแบรนด์เลือกที่จะเดินทางอื่น มากกว่าดันทุรันเดินตามทางเดิน และรถยนต์ไฟฟ้า คือ คำตอบของปัญหานี้

Toyota ค่ายรถยักษ์ใหญ่จากแดนซามูไร คอนเฟิร์มเตรียมเดินหน้าผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ในประเทศไทย โดยคาดว่าโมเดลแรกจะเปิดตัวขายอย่างช้าที่สุดปลายปี 2566