เป็นที่ทราบกันในกลุ่มผู้ใช้รถอยู่แล้วว่า “รถที่ใช้งานทุกคันต้องมีประกันภัย พ.ร.บ.” เพราะว่ากฎหมายบังคับให้เจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถทุกคันต้องทำประกันภัย พ.ร.บ. เพื่อเป็นหลักประกันหากเกิดอุบัติเหตุขึ้น ผู้ประสบภัยจากรถทุกคนจะต้องได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายอย่างทันที

การแต่งรถนับเป็นเรื่องปกติขอคนรักรถ แต่บางคนยังกังวลอยู่ว่าถ้าหากแต่รถไปแล้วประกันยังคุ้มครองอยู่ไหม เพราะคิดๆ ดูแล้วการแต่งรถเป็นสิ่งที่นอกเหนือจากการออกรถที่โชว์รูม ในเมื่อเป็นแบบนี้เรามาหาคำตอบกันดีกว่าว่า ถ้าแต่งรถเพิ่มแล้วประกันจะจ่ายไหมเมื่อเกิดอุบัติเหตุ

ศัพท์เกี่ยวกับประกันภัยที่เราได้ยินกันทั้ง Excess และ Deductible ปัญหาคือ มันต่างกันอย่างไรล่ะ มาที่คำแรกก่อนเลยครับค่า Excess มันก็คือ ค่ายอมรับความเสียหายที่เกิดจากการแจ้งเคลมต่อแผลที่ไม่มีคู่กรณี เช่น เราขับรถไปครูดฟุตบาทมาแล้วเราโทรแจ้งเคลมประกันรถยนต์ เจ้าหน้าที่ก็จะแจ้งว่ามีค่า Excess ด้วย  

ประเทศไทยกับน้ำท่วมเป็นเรื่องที่เจอกันบ่อย และยิ่งตอนนี้เข้าสู่หน้าฝนแล้ว ยิ่งต้องระวังให้ดี แต่คราวนี้เราจะรู้ได้อย่างไรละว่าประกันภัยที่เราทำครอบคลุมความเสียหายเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่

1 เมษายน 2563 พ.ร.บ.บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ปรับเพิ่มความคุ้มครองใหม่เป็น 500,000 บาท ความคุ้มครองประกันภัย พ.ร.บ. เกิดอุบัติเหตุจากรถ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 ผู้ประสบภัยจากรถจะได้รับความคุ้มครองหากได้รับความเสียหายแก่ ชีวิต ร่างกายหรืออนามัย ซึ่งผู้ขับขี่รถคันที่เอาประกันต้องรับผิดตามกฎหมายดังนี้

ถ้าคุณเป็นผู้ใช้รถบนท้องถนน ปัญหาการชนนับเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่รู้หรือไม่ว่าถ้าเราไม่ใช่ฝ่ายผิดสามารถเรียกร้อง ‘ค่าขาดผลประโยชน์’ ระหว่างที่นำรถเข้าซ่อมจากบริษัทประกันคู่กรณีได้ ถ้าไม่อยากพลาดค่าขาดประโยชน์มาดูกันว่าจะได้ค่าชดเชยเท่าไหร่และต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง

สำหรับรถที่ถูกน้ำท่วม หากทำประกันชั้น 1 หรือประกันที่ครอบคลุมความเสียหายจากภัยธรรมชาติไว้ด้วย หากน้ำลดแล้วหรือสามารถเคลื่อนย้ายรถออกจากพื้นที่น้ำท่วมได้

สิ่งหนึ่งที่ผู้ใช้รถมักต้องลุ้นในช่วงฤดูฝนก็คือหลังฝนตกหนักๆ แล้วจะมีน้ำท่วมขังสูงเนื่องจากมีน้ำที่รอการระบายมากหรือไม่ อย่างไรก็ตามปัญหาน้ำท่วมสูงจนทำให้จราจรติดขัดเนื่องจากต้องค่อยๆ ขับตามกันบนถนนจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลยเมื่อเทียบกับบางพื้นที่ในประเทศไทยที่มักได้รับลูกหลงจากพายุใหญ่ที่เคลื่อนผ่าน

สมาคมประกันวินาศภัยไทย มีการปรับเพิ่มวงเงินความคุ้มครองของประกันภัย พ.ร.บ. โดยได้ทำการปรับเพิ่มความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ  พ.ร.บ. จากเดิม 300,000 บาท เป็น 500,000 บาท โดยไม่ขึ้นค่าเบี้ยประกันภัย โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 เป็นต้นไป

นับเป็นเรื่องดีอีกเรื่องสำหรับผู้ใช้รถ เมื่อ คปภ. (คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย) คลอดประกันภัยรถยนต์แบบใหม่ มีทั้งแบบจ่ายเบี้ยประกันรายวัน/รายเดือน/รายไตรมาส เพื่อแบ่งเบาภาระประชาชน สำหรับประกันภัยรถยนต์แบบใหม่นี้ ได้มีการออกแบบกรมธรรม์ประกันภัยและพิกัดอัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์ให้เป็นแบบ การจ่ายแบบรายวัน รายเดือน รายไตรมาส หรือระยะยาวฯ เพื่อผ่อนผันเงื่อนไขและอัตราเบี้ยประกันภัยของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ โดยอนุญาตให้บริษัทประกันภัยคิดอัตราเบี้ยประกันภัยเป็นแบบรายวัน รายเดือน หรือรายไตรมาส และใช้อัตราเบี้ยประกันภัยระยะสั้น รวมทั้งกำหนดทางเลือกให้บริษัทประกันภัยคิดเบี้ยประกันภัยแบบเฉลี่ยรายวันได้ ซึ่งจะเป็นการแบ่งเบาภาระและเพิ่มทางเลือกให้กับผู้เอาประกันภัยที่จะสามารถทำกรมธรรม์ประกันภัยให้สอดคล้องกับการใช้รถ โดยผู้เอาประกันภัยอาจตกลงกับบริษัทประกันภัยจัดทำกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ระยะสั้น ปรับเปลี่ยนกรมธรรม์ประกันภัยให้เหมาะสม กับความเสี่ยงภัย และเลือกชำระเบี้ยประกันภัยตามความสามารถ รวมถึงเลือกความคุ้มครองตามระยะเวลาที่ต้องการ นอกจากนี้ ...