Tesla price war หั่นราคารถยนต์ในจีน หลังเสียยอดขายให้ BYD
Tesla price war หั่นราคารถยนต์ในจีน หลังเสียยอดขายให้ BYD สงครามราคาของเทสลาในจีนกลับมาเดือดอีกครั้งหลังจากยอดขาย BYD พุ่งสูงขึ้น เป็นที่คาดว่าผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของจีนจะมียอดขายรถยนต์นั่งสูงกว่าของคู่แข่งประเทศอื่นๆ เป็นครั้งแรกในปี 2566
บรรดาผู้ผลิตรถยนต์ของต่างประเทศ เช่น เทสลา สูญเสียส่วนแบ่งตลาดในจีนไปอย่างรวดเร็วให้กับคู่แข่งภายในประเทศจีน
ความเคลื่อนไหวของเทสลา (Tesla) ในการหั่นราคารถยนต์ในจีนกลับมาดุเดือดอีกครั้ง เมื่อบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าของอีลอน มัสก์ (Elon Musk) สูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับ BYD ที่สนับสนุนโดยวอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีนมียอดจำหน่ายรถยนต์นั่งเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับคู่แข่งต่างประเทศเป็นครั้งแรกในปี 2566
ปีที่แล้ว เทสลาได้ลดราคารถยนต์ลงเพื่อเรียกคืนส่วนแบ่งตลาดในจีนที่มีการแข่งขันสูง และเป็นการจุดประกายให้เกิดสงครามราคาในประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดที่เป็นที่สนใจของบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ของยุโรป ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ บรรดาผู้บริโภคชาวจีนได้หันมาสนใจรถยนต์ของ BYD ที่ใหม่กว่าและมีราคาถูกกว่า โดยในช่วงสองเดือนแรกของปีนี้ กลุ่มบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ในเซินเจิ้นมียอดจำหน่ายสูงกว่าเทสลาถึง 5 เท่าในตลาดจีน
บิล รัสโซ่ (Bill Russo) ผู้ก่อตั้ง Automobility บริษัทที่ปรึกษาในเซี่ยงไฮ้และอดีตหัวหน้า Chrysler ในจีน กล่าวว่า “การตัดสินใจของผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอเมริกาในการลดราคาลงในเดือนตุลาคมที่ผ่านมานั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นทางเลือกที่ “อันตราย” ซึ่งกระตุ้นให้ผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรมพากันทำตาม”
“เห็นได้ชัดว่าแบรนด์รถยนต์ต่างประเทศกำลังสูญเสียส่วนแบ่งตลาด ดังนั้นเราจึงคาดว่าปี 2566 จะเป็นปีแรกที่แบรนด์รถยนต์ของจีนแซงหน้าแบรนด์ต่างประเทศในแง่ของยอดขาย” รัสโซ่กล่าว ทั้งนี้ จากข้อมูลของ Automobility ปีที่แล้ว บรรดาผู้ผลิตรถยนต์ของจีนมีส่วนแบ่งตลาดรถยนต์นั่งรวมทั้งสิ้นประมาณร้อยละ 47
ผลประกอบการทางการเงินที่แข็งแกร่งของ BYD เป็นการประกาศศักดาของความน่าเกรงขามของกลุ่มบริษัทของจีน โครงสร้างที่ผนวกรวมในแนวดิ่งของกลุ่มบริษัท (จากเหมืองแร่มาจนถึงแบตเตอรี่และชิป) ทำให้ BYD มีข้อได้เปรียบเนื่องจากอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลกกำลังดำเนินการเพื่อเปลี่ยนจากเครื่องยนต์สันดาปไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า
หวัง ชวนฟู (Chuanfu) ประธานกรรมการของ BYD กล่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า “เขาคาดว่ายอดขายในช่วงไตรมาสแรกจะพุ่งขึ้นถึงร้อยละ 80 จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และบรรดาคู่แข่งที่อ่อนแอจะ “ถูกกำจัด” ออกจากตลาด หลังจากที่ทางกลุ่มบริษัทรายงานผลกำไรสุทธิที่ทะยานขึ้นมากกว่าร้อยละ 400 ในปี 2565 เป็น 16.6 พันล้านหยวน (2.4 พันล้านดอลลาร์)”
ในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ปีนี้ ส่วนแบ่งตลาดของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอิน-ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าของ BYD ในตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 34 ในปีที่แล้วมาเป็นมากกว่าร้อยละ 40 ขณะที่ยอดขายของเทสลานั้นลดลงเล็กน้อยเหลือร้อยละ 7.8
ลี เทาเทา (Li Taotao) นักวิจัยสาขาวิศวกรรมวัย 26 ปีที่ขอใช้นามสมมติ ได้ซื้อรถยนต์ BYD Qin Plus DM-i ซึ่งเป็นรถยนต์ปลั๊กอิน-ไฮบริดในราคาเพียง 99,800 หยวนในเดือนกุมภาพันธ์ “ฉันรู้สึกว่ารถยนต์ต่างประเทศนั้นมีราคาแพงเมื่อเปรียบเทียบกัน ดังนั้นถ้ารถยนต์ในประเทศมีคุณภาพดี ทำไมเราจะไม่เลือกล่ะ” เธอกล่าว
การตัดราคาของเทสลาและสงครามราคาที่จะเกิดขึ้นตามมาในบรรดาบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำส่วนใหญ่ในจีน คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดียวกันกับที่ปักกิ่งได้ลดเงินอุดหนุนจำนวนมากลง หลังจากที่ได้ใช้จ่ายเงินมากกว่า 120 พันล้านดอลลาร์มาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2552 เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมนี้ Tesla price war
ประเทศจีนเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก อย่างไรก็ตาม ยอดขายรถยนต์โดยทั่วไปลดลงเนื่องจากจีน เพิ่งฟื้นจากการดำเนินมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเข้มงวด ซึ่งได้ชะลออัตราเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ ประเทศจีน (China Association of Automobile Manufacturers) ได้ออกโรงเตือนว่า ปัจจุบันภาคธุรกิจนี้กำลังเผชิญกับ “จำนวนสินค้าคงคลังที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากและแรงกดดันด้านการดำเนินงาน” โดยมียอดขายดิ่งลงในช่วงเดือนที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้บรรดาผู้ผลิตรถยนต์ของต่างประเทศเคยประกาศว่า จีนเป็นตลาดหนึ่งที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดเนื่องจากความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าชะลอตัวลง ในช่วงสองเดือนแรกของปี 2566 ยอดขายรถยนต์นั่งของบริษัทจีนอ่อนตัวลงประมาณร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว กลุ่มบริษัทรถยนต์ของเยอรมันลดลงร้อยละ 21 บริษัทรถยนต์ของญี่ปุ่นลดลงร้อยละ 40 ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเกาหลีลดลงร้อยละ 25 และผู้ผลิตรถยนต์ของสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 13
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th
Tesla’s price war in China
Chinese carmakers expected to sell more passenger vehicles
rivals
for first time in 2023
Foreign carmakers
losing market share in China to domestic rivals
Tesla’s move to slash prices in China has backfired as Elon Musk’s company loses market share to
Warren Buffett-backed BYD, putting Chinese
carmakers on track to sell
market, sparking a price war in the country that has hit European, Japanese and other US carmakers.
Chinese consumers responded by favouring cheaper, newer models by BYD. In the first two months of
China.
The US carmaker’s decision to cut prices in October was a “nuclear” option that triggered most of the
industry to follow suit, said Bill Russo, founder of Shanghai-based consultancy Automobility and the
former head of Chrysler in China.
Automobility data.
BYD’s str vong financial performance heralds the formidable Chinese conglomerate’s ascendance. The
group’sertically integrated structure — from mines to batteries and chips — has given it an advantage
as the global car industry works to transition away from the combustion engine.
BYD chair Wang Chuanfu said on Wednesday he expected first-quarter sales to jump 80 per cent year
surge in net profit for 2022 to Rmb16.6bn ($2.4bn).
In January and February, BYD’s share of plug-in hybrid and battery car sales in the world’s biggest car
per cent.
Li Taotao, a 26-year-old engineering researcher who asked to be identified by her nickname, bought a
BYD Qin Plus DM-i vehicle, a plug-in hybrid with a price tag of Rmb99,800, in February.
“I feel like foreign-branded cars are all relatively high-priced. If domestic brands do such a good job,
why not?” she said.
Tesla’s price cuts and the ensuing price war among most major electric vehicle brands in China comes
2009 to support the industry.
China boasts one of the world’s most advanced EV markets.
the country emerges from strict pandemic restrictions that have slowed economic growth.
The China Associationof Automobile Manufacturers
faced “sharply rising inventories and mounting operational pressure” with the slump in sales worsening
over the past month.
Foreign carmakers that
Chinese market
have been among the worst hit as demand for
EVs slows.
In the first two months of 2023, year-on-year passenger sales volume by Chinese companies softened
by 1 per cent. German groups were down 21 per cent, Japanese companies declined 40 per cent,
Korean automakers slid 25 per cent and US carmakers fell 13 per cent.