Test Drive All New Toyota Veloz MPV 7 ที่นั่ง ขับสนุก นั่งสบาย ราคาสุดคุ้ม
Test Drive All New Toyota Veloz MPV 7 ที่นั่ง ขับสนุก นั่งสบาย ราคาสุดคุ้ม หลังจากที่โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ได้เปิดตัวรถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง รุ่นใหม่อย่าง All New Toyota Veloz ในเมืองไทย ได้ไม่นานทาง Grandprix Online ก็ได้มีโอกาศเข้าร่วมเดินทางทดสอบAll New Toyota Veloz กับทางโตโยต้า เพื่อพิสูจน์สมรรถนะของเจ้า All New Toyota Veloz กันว่ามันจะดีขนาดไหนทั้งนอกเมือง และในเมือง จะดีคุ้มค่าราคาหรือไม่เรามาดูกันครับ บนเส้นทางกรุงเทพ -หัวหิน ระยะทางไป-กลับ ประมาณ 430 กิโลเมตร
ก่อนที่เราจะเริ่มออกเดินทาง Test Drive All New Toyota Veloz เรามาดูภายนอกโดยรวมของ All New Toyota Veloz กันก่อนเลยต้องบอกว่าการออกแบบภายนอกถือว่าทำได้ดีมากหรูหราลงตัว เน้นตัวถังแบบเพดานสูงโปร่ง ตามแบบฉบับของ MPV ช่วยเพิ่มพื้นที่เหนือศีรษะภายในห้องโดยสาร พร้อมทั้งปรับดีไซน์หน้า-หลังให้ดูสวยงามทันสมัยกว่า Avanza เดิมอย่างเห็นได้ชัด ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟหรี่ LED Light Guiding และไฟเลี้ยวแบบ Sequential แต่ไม่มีไฟ Daytime running lights มาให้นครับ มาพร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อม Follow-Me-Home และ Leaving Home Lamp มาให้ด้วย กระจังหน้าขนาดใหญ่ที่ถูกตกแต่งด้วยสีดำเงา พร้อมกรอบไฟตัดหมอกสีดำเสริมด้วยโครเมียม พร้อมกระจกมองข้างปรับ-พับอัตโนมัติ, ระบบปัดน้ำฝนปรับตั้งหน่วงเวลาได้, ราวหลังคา, สปอยเลอร์ท้าย และเสาอากาศแบบครีบฉลาม ไฟส่องสว่างบริเวณพื้น Foot Lamp และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว (รุ่น Smart เป็นขนาด 16 นิ้ว)
เปิดประตูเข้ามาดูที่ภายใน ซึ่งนับว่าเป็นจุดเด่นอีกหนึ่งจุดของเจ้า All New Toyota Veloz เลยก็ว่าได้ ห้องโดยสารของถูกตกแต่งด้วยสีทูโทนดำ-เทา จัดวางเบาะนั่งแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง หุ้มวัสดุหนังสังเคราะห์สลับผ้าเดินด้ายสีเทา เบาะนั่งผู้ขับขี่ปรับระดับด้วยมือ 6 ทิศทาง เบาะนั่งแถวที่ 2 ของ All New Toyota Veloz สามารถปรับเลื่อนขึ้นหน้า-หลังเพื่อเพิ่มพื้นที่วางขา และปรับพับแยกได้แบบ 60:40 ส่วนเบาะแถวที่ 3 สามารถปรับพับแยกแบบ 50:50
โดยหนึ่งในไฮไลท์ของการปรับเบาะก็คือการปรับให้เป็น “Day Bed” ด้วยการพับเบาะนั่งแถวสองแบบเอนราบ และให้ผู้โดยสารตอนหลังขยับไปนั่งเบาะแถวสามแทนสเหมือนนั่งอยู่บนโซฟาที่บ้านเลย และยังสามารถพับเบาะนั่งแถวสองและสามให้ราบลงสามารถขนของได้สบาย มีมาตรวัดแบบดิจิทัลบนหน้าจอ MID แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้ 4 รูปแบบตามความชื่นชอบ ทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้ เช่น เปลี่ยนเสียงไฟเลี้ยวได้ 3 แบบ, เปิด-ปิดระบบไฟเลี้ยว 3 ครั้ง, ปรับระดับเสียงการแจ้งเตือนฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ พวงมาลัยเป็นแบบ 3 ก้านหุ้มหนังปรับระดับได้ถึง 4 ทิศทาง มีโหมดการขับขี่ ECO และ POWER มาให้ หน้าจอเครื่องเสียงขนาด 9 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto นอกจากนี้ ทั้ง 2 รุ่นย่อย มี Wireless Charger ติดตั้งมาให้บริเวณคอนโซลกลาง สามารถใช้งานได้อย่างสะดวก เสริมด้วยช่อง USB ด้านหน้า 1 จุด ซึ่งซ้อนอยู่ด้านล่างฝั่งคนนั่งงานลำบากไปหน่อย และแถวที่สองอีก 1 จุด ขณะที่เบาะนั่งแถวสามมีช่องจ่ายไฟ 12 โวลต์มาให้แทน ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ส่วนช่องแอร์หลังถูกติดตั้งบนเพดานบริเวณเบาะนั่งแถวที่สอง โดยสามารถปรับความแรงลมได้เป่าลมเย็นไปถึงเบาะนั่งแถวที่สามเย็นฉ่ำแน่นอน เบรกมือไฟฟ้า EPB พร้อม Auto Brake Hold ก็มีมาให้แบบครบครัน
เอาละเรามาลองสมรรถนะของเจ้า All New Toyota Veloz คันนี้กันเลย แน่นอนเราออกเดินทางกันแถวๆย่านบางนาในช่วงเช้าซึ่งรถค่อนข้างเยอะพอสมควร ถึงแม้จะเป็นรถยนต์ MPV 7 ที่นั่งซึ่งจะยาวกว่ารถยนต์ซีดาน แต่เมื่อขับในเมืองที่มีถนนที่เล็ก และรถเยอะกลับให้ความคล่องตัวขับง่ายกว่าที่คิด ลัดเลาะสบาย หลุดพระราม 2 ออกมาถนนเริ่มโล่งเลยได้มีโอกาศลองสมรรถนะของเครื่องยนต์ เบนซิน 4 สูบ Dual VVT-i ความจุ 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 106 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 138 นิวตัน-เมตร ที่ 4,200 รอบต่อนาที กันดีกว่าอัตราเร่งดีครับเพียงพอต่อการใช้งานไม่ได้จื๊ดจ๊าดอะไรมาก บางจังหวะที่ต้องมีการเร่งแซงอาจต้องคลิ๊กดาวน์ช่วยซะหน่อย แต่การที่หันมาใช้เกียร์อัตโนมัติ CVT มันก็ช่วยให้การเพิ่มความเร็วเป็นไปอย่างนุ่มนวล ไร้อาการสะดุดเหมือนกับเกียร์ออโต้ 4 สปีด
ลองปรับเป็นโหมด SPORT ดูบ้างสามารถสั่งงานผ่านปุ่ม DRIVE บริเวณพวงมาลัยได้เลย โดยหากกดเพียงสั้นๆ จะเป็นการเปิด-ปิดโหมด ECO แต่หากกดปุ่มค้างไว้ประมาณ 2 วินาที จะเป็นการเปิด-ปิดโหมด SPORT เปิดโหมด SPORT เครื่องยนต์กระฉับกระเฉงขึ้นแบบสัมผัสได้ ความเร็วไหลขึ้นต่อเนื่องและนุ่มนวลจนไปแตะแถวๆ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้แบบสบายๆ แต่เสียงเครื่องยนต์ก็ดังสนั่นเข้ามาภายในห้องโดยสารเยอะพอสมควร ส่วนเสียงลมถือว่ารับได้เก็บเสียงลมดี อีกหนึ่งจุดที่ต้องขอชมเลยนั้นก็คือเจ้าระบบช่วงล่างของ All New Toyota Veloz เพราะจากเดิมในรุ่น Avanza ที่โคลงโยนย้วยเป็นเรือแทบทุกครั้งเมื่อเปลี่ยนเลน มาคราวนี้มีการปรับใหม่เซ็ทออกมาได้ลงตัวมา เพราะมันสามารถเกาะถนนได้อย่างแน่นหนึบ และลดอาการโคลงของตัวรถได้อย่างอยู่หมัด ทั้งวิ่งทางตรงด้วนความเร็วตัวรถยังคงนิ่งไม่โคลง และสามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนจากพื้นผิวของถนนเมืองไทยที่เป็นหลุมบ่อได้ดี แต่ถ้าใช้ความเร็วสูงมากก็จะมีอาการโคลง โยนตัวเล็กน้อย คงเป็นเพราะรูปทรงของรถที่สูงนั้นเอง
เผลอแปปเดียวก็เดินทางมาถึงหัวหินเรายังอย่าลองระบบช่วงล่าง และพละกำลังของเครื่องยนต์อยู่ เพราะอยากจะรู้ว่ามันจะสามารถขึ้นเขาชันๆโดยที่แบบน้ำหนักเต็มๆได้หรือไม่ และระบบช่วงล่างจะเข้าโค้งได้สนุกมั่นคงมั่นใจขนาดไหน เราจึงขับขึ้นไปที่เขา หิน เหล็ก ไฟ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก ทางขึ้นเขาเป็นทางค่อนข้างชันเรานั่งเต็ม 7 คน ตัวใหญ่ๆทั้งนั้นพละกำลังเครื่องยนต์ของ All New Toyota Veloz เกียร์ CVT ที่มีอัตราทดถึง 7 จังหวะ สามารถพาเราขึ้นเขาไปอย่างไม่ยากเย็นนัก ดีกว่าเกียร์ออโต 4 จังหวะเยอะครับ การเข้าโค้งซ้าย-ขาว ด้วยความเร็วก็ทำได้อย่างมั่นใจ แน่น หนึบ ทำได้ดีมากครับสำหรับช่วงล่าง เอาเป็นว่าเจ้า All New Toyota Veloz มีระบบช่วงล่างที่เหนือกว่าคู่แข่งในเซ็กเม้นท์เดียวกันเลยก็ว่าได้
ส่วนอัตราสิ้นเปลืองตามการใช้งานจริงบนเส้นทางหน้าจอแสดงอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 16.5 กม./ลิตร แต่ต้องขับขี่แบบไม่รีบร้อนนะครับ แต่ถ้ากดๆแบบรีบร้อนขับเร็วเกินกฎหมายกำหนดตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองจะอยู่ที่ประมาณ 13 กม./ลิตร แม้ว่าตัวเลขจะต่ำกว่าที่โตโยต้าเคลมเอาไว้ แต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่พอใช้ได้สำหรับเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ที่ต้องรับน้ำหนักตัวถังขนาดนี้
All New Toyota Veloz ทั้ง 2 รุ่นย่อยถูกติดตั้งระบบความปลอดภัย ได้แก่ ระบบควบคุมการทรงตัว VSC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน, ระบบเบรก ABS/EBD, ระบบเสริมแรงเบรก BA, ระบบเตือนมุมอับสายตา, ระบบเตือนขณะถอยหลัง, กล้องมองหลัง (รุ่น Premium เป็นกล้องมองภาพรอบคัน) และถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ในขณะที่รุ่น Premium อย่างคันที่เราขับจะ Toyota Safety Sense มาให้ด้วยเช่น ระบบความปลอดภัยก่อนการชน, ระบบไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลนพร้อมดึงกลับอัตโนมัติ, ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว, ระบบป้องกันการเหยียบคันเร่งโดยไม่ตั้งใจ และกล้องมองภาพรอบคัน สุดมั้ยละครับ
สรุป All New Toyota Veloz ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ทั้งในด้านอุปกรณ์มาตรฐานที่มีให้อย่างครบครัน แบบชนิดที่คู่แข่งปวดหัวกันเลย แถมยังเปลี่ยนจากเกียร์ออโต 4 จังหวะ มาใช้เกียร์อัตโนมัติ CVT เพิ่มความนุ่มนวลและประหยัดน้ำมันมากขึ้น ถึงแม้พละกำลังของเครื่องยนต์จะไม่ได้จื๊ดจ๊าดเท่าไหร่นัก แต่มันก็เพียงพอในการใช้งานขณะที่ช่วงล่างเองทำได้ดีมากนุ่ม หนึบ และอีกหนึ่งจุดเด่นคือการพับเบาะภายในที่สามารถพับได้หลากหลายรูปแบบเหนือคู่แข่ง All New Toyota Veloz จึงเหมาะสำหรับครอบครัวที่ต้องการรถยนต์ขนาดพอเหมาะ สามารถไปได้ทั้งครอบครัว ขับขี่ไปทำงานในช่วงวันธรรมดา และขับไปเที่ยวต่างจังหวัดในช่วงวันหยุด ด้วยราคาจำหน่ายที่เริ่มต้นเพียง 795,000 -875,000 บาท ผมว่ามันเป็นรถที่คุ้มค่าคุ้มราคามากครับ
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th