Test Drive Audi Q7 TFSI e ปลั๊กอินไฮบริดพลัง 462 แรงม้า
Test Drive Audi Q7 TFSI e ปลั๊กอินไฮบริดพลัง 462 แรงม้า Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition เครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริด 462 แรงม้า ราคาเริ่มต้น 4,799,000 – 4,899,000 บาท
ออกแบบให้ลุคสปอร์ต ภายนอกตกแต่งด้วยชุดแต่ง S line และอัพเกรดการตกแต่งเป็นแบบ Black Edition โดยเปลี่ยนคิ้วโครเมียมรอบคันเป็นสีดำและฝาครอบกระจกมองข้างสีดำดูดุดัน ระบบไฟหน้า matrix LED อัจฉริยะที่จะสามารถปรับแสงปิด LED บางดวงอัตโนมัติ เพื่อไม่ให้แสงกวนตาผู้ขับรถที่สวนมา พร้อมไฟเอฟเฟกต์ Light staging เมื่อปลดล็อค ล้ออัลลอยลายใหม่ ขนาด 21 นิ้ว พร้อมคาลิปเปอร์เบรกสีแดงทั้งหน้า-หลัง มาพร้อม Dynamic Badge ตราสัญลักษณ์ “60 TFSI e” ด้านท้ายรถ ซึ่งเป็นตัวเลขบ่งบอกแรงม้าที่สูงที่สุดเท่าที่ Audi เคยใช้มา
ภายในได้เพิ่มอุปกรณ์การตกแต่งเป็นแบบ S line Interior พื้นที่ห้องโดยสารและพื้นที่เก็บสัมภาระนั้นกว้างขวาง รองรับการเดินทางของครอบครัวใหญ่หรือเพื่อนร่วมทริปได้อย่างสบายๆ พวงมาลัย Multi-function ท้ายตัดพร้อมเบาะนั่งพร้อมตราสัญลักษณ์ S line เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง Memory Seat นั่งสบายวัสดุหุ้มหนัง Valcona คุณภาพสูง นุ่มสบาย เบาะนั่งด้านหลัง ปรับเอนได้ และแยกพับอิสระ 40 : 20 : 40 มีระบบ MMI Navigation plus พร้อม MMI touch ขนาด 10.1 นิ้ว และจอควบคุม multi-function แบบสัมผัส พร้อมตอบสนองการสั่งงาน (haptic feedback) ขนาด 8.6 นิ้ว พร้อม Paddle shift จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Virtual cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียม Bang & Olufsen พร้อมระบบเสียง 3 มิติ 17 ตำแหน่ง 730 วัตต์ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 3 โซน และเพิ่มฟังก์ชันเปิดแอร์ได้ขณะดับเครื่อง (Stationary Air-conditioning)
เครื่องยนต์ และช่วงล่าง
เบนซิน V6 ขนาด 3.0 ลิตร 2,995 ซีซี. พ่วงเทอร์โบ กำลังสูงสุด 340 แรงม้า ที่ 5,300 – 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,340 – 5,300 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า และ แบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 17.9 kW เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ได้พละกำลังสูงสุด 462 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Tiptronic ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro permanent all-wheel drive with self-locking center differentialตัวเลขโรงงานเครม อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 5.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 240 กม./ชม. วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนระยะทางสูงสุด 41 กิโลเมตร ระบบช่วงล่างเป็นระบบถุงลม (Adaptive air suspension)
มาพร้อมระบบ e-tron mode ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 4 โหมด ได้แก่
- EV (electric driving) ซึ่งเป็นโหมดที่รถจะขับเคลื่อนด้วยกำลังไฟฟ้าเท่านั้น 100% เหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองAuto Hybrid (intelligent use of battery charge) มอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์จะทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดโดยอัตโนมัติ จากการทำงานของระบบ Predictive Efficiency Assist (PEA) ที่จะประเมินสถานการณ์ของถนนที่เดินทางไปควบคู่ไปกับระบบนำทางของรถ และจะแนะนำให้ลูกค้าถอนคันเร่ง โดยมีสัญลักษณ์สีเขียวรูปลูกศรให้ถอนเท้าพร้อมแรงกระตุกที่แป้นคันเร่ง 1 ครั้ง เมื่อรถเดินทางเข้าสู่ ทางแยก ทางลาด ทางร่วมต่างๆ และระบบนี้ยังทำงานควบคู่กับระบบ Predictive Operating Strategy (POS) ที่จะประเมินการขับขี่ว่าเป็นการใช้ในเมืองที่มีรถติด หรือในเมืองที่รถเคลื่อนตัวได้ดี หรือการวิ่งนอกเมือง เพื่อจะใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างเหมาะสม
- Battery Hold (maintain battery charge) เหมาะสำหรับการเดินทางจากนอกเมืองเพื่อเข้าในเมือง โดยรถยนต์จะใช้งานเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อน เพื่อรักษาระดับประจุไฟฟ้าของแบตเตอรี่ให้สูงคงเท่าเดิม เพื่อจะเก็บพลังงานจากแบตเตอรี่เอาไว้ใช้ในขณะเข้าเมืองให้วิ่งได้ไกลที่สุดเท่าที่จะไปได้
- Battery Charge (increase battery charge) รถยนต์จะใช้งานเครื่องยนต์และระบบนำพลังงานกลับมาใช้ (Recuperation) เพื่อที่จะพยายามชาร์จแบตเตอรี่แรงดันสูงให้เพิ่มมากขึ้น
ทดลองขับ Test Drive Audi Q7 TFSI e
เราเริ่มกันเหมือนเดิมกับการขับขี่ภายในเมืองที่มีรถค่อนข้างหนาแน่น กับ Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition คันนี้แน่นอนโดดเด่นมากเมื่ออยู่บนถนน การขับขี่ทัศนวิสัยดีมากมองเห็นไกลขับง่าย อัตราเร่งออกตัวดีรวดเร็วทันใจ ส่วนเรื่องความคล่องตัวอาจจะไม่คล่องลัดเลาะสบายๆเหมือนพวกรถไซส์เล็ก แต่ก็ถือว่าทำได้ดีสำหรับรถไซส์ใหญ่ขนาดนี้ แถมยังสามารถขับในโหมด EV โดยใช้ไฟฟ้าล้วนๆได้ 41 กิโลเมตร ซึ่งน่าเสียดายระยะมันน้อยไปหน่อย แต่ก็เพียงพอสำหรับวิ่งไปกลับที่ทำงานที่อยู่ในระยะทำการประมาณ 30 กิโลเมตรต่อวัน บอกเลยว่าคุ้มเพราะไม่ต้องใช้น้ำมันเลยประหยัดไปเยอะ ระบบช่วงล่างให้ความนุ่มสบายเมื่อขับขี่ในเมือง สามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือน จากหลุมบ่อ ฝาท่อกลางถนน และเนินลูกระนาด ได้ดีเยี่ยม
ผมขับออกมาแถวชานเมืองหาถนนโล่งๆเพื่อลองอัตราเร่งกันหน่อย กดคันเร่งลงไปบอกเลยว่าเห็นคันใหญ่ๆแบบนี้ อัตราเร่งดีนะครับขึ้นตามเท้าเลยขับสนุกมาก การเร่งเซงไม่มีปัญหารวดเร็วทันใจ ขับทางตรงด้วยความเร็วที่ค่อนข้างสูงตัวรถยังคงนิ่ง เค้าโค้งด้วยความเร็วมีอาการโยนตัวอยู่บ้างเป็นเรื่องปกติ เพราะรถไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ขับแบบสปอร์ต มันถูกออกแบบมาให้ขับสบาย นุ่มนวล แต่ถ้าใครชอบช่วงล่างแบบสปอร์ตกระด้างเล็กๆแน่นๆ หนึบๆ อาจจะไม่โดนใจเท่าไหร่ ขับสนุกกดคันเร่งหนักเพลินไปหน่อย เลยได้อัตราสิ้นเปลืองประมาณ 9 กม./ลิตร ถ้าขับแบบไปเรื่อยๆ 11 กม./ลิตร น่าจะมีให้เห็น
ระบบความปลอดภัย
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS
- ระบบกระจายแรงเบรก EBD
- ระบบเสริมแรงเบรก BA
- ระบบควบคุมการทรงตัว ESC
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS
- ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB
- ระบบล็อคเบรกขณะหยุดนิ่ง Audi Hold Assist
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง
- ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตำแหน่ง
- ม่านถุงลมนิรภัย 2 ตำแหน่ง
- กล้องมองภาพขณะถอยจอด
- เซนเซอร์กะระยะช่วยจอด ด้านหน้า และ ด้านหลัง
- จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX
สรุป
เรามาดูสิ่งที่เปลี่ยนแปลงใน Audi Q7 60 TFSI e quattro S-Line Black Edition ว่ามันแตกต่างจากเดิมตรงไหนบ้าง เริ่มจากการเปลี่ยนขุมพลังเป็น เบนซิน V6 3.0 เทอร์โบ + มอเตอร์ไฟฟ้า 462 แรงม้า 700 นิวตันเมตร เพิ่มระบบ Plug-in Hybrid เสียบปลั๊กชาร์จไฟ มีชุดตกแต่งภายนอก Black Edition เปลี่ยนคาลิปเปอร์เบรก เป็น สีแดง และเพิ่มขนาดจานเบรก ล้ออัลลอย ดีไซน์ใหม่ Audi Sport ขนาด 21 นิ้ว พร้อมยาง 285/40 R21 มีระบบช่วยปรับอุณหภูมิในห้องโดยการก่อนเริ่มขับขี่ Stationary Air Conditioning แถมยังให้ระบบเสียงพรีเมียมจาก BOSE เป็น Bang&Olufsen พร้อมระบบเสียง 3 มิติ ราคาถูกลงกว่ารุ่น Q7 45 TDI 6 หมื่นบาท แถมยังมีโปรโมชั่นลดราคาอยู่เรื่อยๆ ท่านไหนชอบรถสไตล์นี้มองๆไว้รอโปรโมชั่นดีๆ จัดได้เลยครับคุ้มค่าครับ
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th