ลองขับ HYUNDAI CRETA ทางเลือกใหม่ของรถเอสยูวี ครบครันดูดี ติดที่ราคา
ลองขับ HYUNDAI CRETA ทางเลือกใหม่ของรถเอสยูวี ช่วงล่างนุ่มแน่น เทคโนโลยีความปลอดภัยเต็มคัน เครื่องยนต์กำลังพอประมาณ แต่ราคา คือ ปัญหาที่ชวนคิด
ฮุนได เครต้า ใหม่ เปิดตัวกันอย่างเป็นทางการกันไปในงาน บางกอก อินเตอร์ เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2022 ที่ผ่านมา กับการวางราคาจำหน่ายไว้ 2 รุ่น คือ รุ่น SE ราคา 949,000 บาท และ รุ่นท็อป SEL ราคา 999,000 บาท ด้วยการวางตัวเองเป็นรถเอสยูวีทางเลือกใหม่ให้กับตลาดคนไทยอีกหนึ่งรุ่น
รูปลักษณ์ภายนอกโดยรวมดู สันทัด บึกบึน สมกับเป็น B SUV มิติตัวรถมีความยาว 4,315 มิลิลเมตร กว้าง 1,790 มิลลิเมตร สูง 1,630 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,610 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุด 200 มิลลิเมตร น้ำหนักตัวรถ 1,150 กิโลกรัม ระบบไฟส่องสว่างด้านหน้าแบบ LED ซ่อนไฟ DLR ไว้กับกระจังหน้าดีไซน์ล้ำสมัย ชุดไฟหน้า LED มัลติรีเฟล็กเตอร์อยู่มุมล่างของกันชน มีการตกแต่งด้วยคิ้วโครเมียมและเมทัลลิกในจุดต่างๆ
ด้านข้างมีการตกแต่งด้วยแถบแถบเมทัลลิกบริเวณเสาหลัง ล้อแม็กลาย Diamond Cut ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/60/17 มีแถบพลาสติกสีดำโอบรอบขอบตัวรถด้านล่างสไตล์รถลุย เหนือซุ้มล้อทั้งหน้าและหลัง มีเส้นคาดให้ความรู้สึกแข็งแกร่ง กระจกมองข้างมีไฟเลี้ยวและระบบเตือนจุดบอดด้านข้าง
เด่นดวง ด้วยหลังคาพาโนรามิก ซันรูฟ หลังคากระจกครอบคลุมถึงเบาะนั่งแถวหลัง ส่วนบานกระจกเปิดได้เฉพาะครึ่งหน้า ม่านบังแสงมีความหนาแบบความร้อนแทรกลงมาได้น้อยมาก สั่งงานด้วยระบบไฟฟ้าแบบ One-Touch ชุดไฟท้ายแบบ LED ทรงแปลกตา ได้รับแรงบันดาลใจมาจากบูมเมอแรง มีไฟท้าย ไฟเบรก และไฟเลี้ยว ส่วนไฟถอยหลังแยกไปติดตั้งด้านล่างของกันชน ระบบล็อกฝาท้ายแบบไฟฟ้า เปิด–ปิดแบบอัตโนมือ กระจกบานท้ายมีไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED ติดตั้งรวมอยู่กับสปอยเลอร์
ห้องโดยสารโดยรวม แม้จะไม่ได้ดูทันสมัยมากนัก แต่งานประกอบดี เลือกใช้วัสดุพวกพลาสติกต่าง ๆ ได้ดูดี การเลือกปั๊มลายบนพื้นผิวไม่ได้ทำให้รถดูไร้ราคา จุดเด่นคือ ความ กว้างขวางของภายในทีออกแบบจัดวางทุกอย่างมาให้ใช้งานง่าย เบาะนั่งใช้หนังเทียม แต่ทั้งเบาะหน้าหลัง ตัวเบาะนั่งสั้นเกินไปหน่อย ไม่รองรับสรีระขามากนัก นั่งไกลนาน ๆ อาจมีเมื่อยได้ ส่วนฝั่งเบาะคนขับปรับระดับได้ให้เข้ากับความสะดวกของแต่ละคน
เบาะนั่งด้านหลัง มีที่เท้าแขนพร้อมวางแก้วน้ำ ช่องแอร์หลังพร้อมช่องเสีย USB มีพื้นที่ให้ขยับตัวได้โล่ง ๆ ม่านบนหลังคาที่กันความร้อนจากหลังคาพาโนรามิก ซันรูฟ นอกจากกันแสงแล้วยังกันความร้อนจากพระอาทิตย์ประเทศไทย ได้เป็นอย่างดี มีไอร้อนทะลุผ่านมาน้อย แดดร่ม ลมตก นั่งไกล ๆ อยากเปลี่ยนทิวทัศน์ก็ลองเปิดเพื่อชมวิวท้องฟ้าได้ พนักพิงเบาะหลังแยกพับได้ สำหรับเคลื่อนย้ายสัมภาระขนาดใหญ่ ส่วนพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายกว้างขวางตามระดับรถ กระเป๋าเดินทาง 4 ใบ ยัดได้สบาย
พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง ชุดมาตรวัดที่เลือกปรับเปลี่ยนตามโหมดการขับ หรือจะเปลี่ยนเองก็ได้ ตรงนี้ยกมาจากรุ่นใหญ่อย่าง Staria ภาพกราฟิกสวยงามคมชัดเต็มตา ด้วยจอแสดงผลแบบ Full LCD ขนาด 10.25 นิ้ว มีจอย่อยตรงกลางมาตรวัด สำหรับปรับตั้งระบบต่างๆ ของรถ ปุ่มบนพวงมาลัยฝั่งขวา ปุ่มเดียวสั่งงานได้ทั้งการเลื่อนเมนู และกดลงเพื่อเข้าสู่เมนู ใช้งานสะดวก
จอกลางระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ภาพที่คมชัดสมกับเป็นแบรนรด์เกาหลี รองรับ Apple Carplay และ Andriod Auto สามารถเชื่อมต่อได้ทั้งแบบไร้สาย และ เสียบสาย ดีงามด้วยแท่น wireless charger ตรงบริเวณคอนโซลกลาง หรือใครจะชาร์จผ่านชอง USB ก็ตามถนัดเพราะมีรองรับไว้ให้ใช้งานเช่นกัน
เงียบ..ถึงเงียบมาก นับเป็นเอสยูวีที่มีการเก็บเสียงดี จนขอยอมรับ ดีกว่าแบรนด์ญี่ปุ่นหลายแบรนด์ มัดมารวมกันก็ดูจะสู้เรื่องนี้กับ เครต้า ไม่ได้ ไม่ว่าจะเสียงยางบดถนน(เส้นทางทดสอบเป็นถนนแอสฟัลท์) เสียงลมปะทะเข้ามาน้อยแม้อยู่ในช่วงความเร็วสูง เสียงเครื่องยนต์ก็เงียบเอาเรื่อง แต่หากใช้ความเร็วสูงจังหวะลากรอบก็มีเล็ดลอดเข้ามาบ้างตามสมควร
ระบบความปลอดภัย Hyundai SmartSense ทำงานได้ดี แม่นยำเชียวละ ทั้งเรื่องระบบควบคุมรถให้อยู่กลางเลน แต่บางทีก็ดูจะเป็นครูไหวใจร้าย ไปนิด ช่วงทางขับที่คดเคี้ยวที่ต้องขับชิดเส้นถนน ก็เล่นดึงแรง จนบางช่วงต้องแอบปิดเพื่อให้ขับได้สนุกขึ้น ส่วนระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาและควบคุมพวงมาลัย ใช้งานได้ดี
CRETA มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว D-CVVT ความจุ 1,497 ซีซี กระบอกสูบ 75.6 มิลลิเมตร ช่วงชัก 83.4 มิลลิเมตร อัตราส่วนการอัด 10.5:1 กำลังสูงสุด 115 แรงม้า ที่ 6,300 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 144 นิวตัน–เมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที รองรับ E10 ขับเคลื่อนล้อหน้า ถังน้ำมันจุ 40 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่ทางฮุนไดเรียกว่า IVT หรือ Intelligent Variable Transmission
เส้นทางการลองขับครั้งนี้ คือ นครศรีธรรมราช–พัทลุง–สงขลา–หาดใหญ่ ระยะทางรวมกว่า 500 กิโลเมตร ซึ่งในภาพรวมหลังลองขึ้นไปขับ หลายคนที่ไปร่วมทริปดูจะมีน้ำหนักไปทางว่า รถขับดีรุ่นหนึ่ง เซ็ทเครื่องยนต์กับเกียร์มาให้ทำงานเข้ากันได้ลงตัวมาก ไม่ได้แรงสะท้าน สะเทือนถนน แต่มีการตอบสนองได้อย่างที่ต้องการ
ส่วนเรื่องความประหยัด อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยแบบเปลี่ยนมือขับ 3 คนอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน คือ 14-15 กิโลเมตรต่อลิตร
ช่วงล่าง คือ อีกหนึ่งความดีงามของรถที่พูดได้ ระบบกันสะเทือนหน้าอิสระ แม็กเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังทอร์ชั่นบีม พร้อมเหล็กกันโคลง บุคคลิกเน้นความหนึบแน่น ขับทางไกลเส้นทางคดเคี้ยวได้อย่างมั่นใจ ตัวรถไม่โคลงหรือโยนให้กังวล ช่วยให้ควบคุมรถได้ง่าย มั่นใจ
ส่วนพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า ที่ปรับน้ำหนักมาดีนะ ดูมีความหนืดควบคุมได้แม่นยำ การผ่อนแรงของพวงมาลัยทำให้รู้สึกลงตัวทั้งการขับขี่ด้วยความเร็วต่ำในเมือง และการใช้ความเร็วสูงนอกเมืองก็ดูลงตัวดี ระบบเบรกดิสก์ 4 ล้อ ต้องปรับตัวเล็กน้อยกว่าจะจับจังหวะให้รถคันนี้เบรกได้นุ่มนวลดั่งใจคิด เพราะเหมือนจะจับตัวค่อนข้างไวไปนิด
โดยรวมแล้ว เรื่องวัสดุในบางจุดแม้จะมีคำถามอยู่บ้างที่ดูไม่ค่อยลงตัว หรือแม้กระทั่งแล็คหลังคาที่มีมาเพื่อแค่ความสวยงามเท่านั้น แต่ในแง่ของสมรรถนะรถรุ่นนี้ โดยเฉพาะเรื่องของช่วงล่าง และความเงียบห้องโดยสาร ถือว่าโดดเด่นมาก
เรื่องเครื่องยนต์แม้จะทำงานได้ดี แต่ในตลาดคู่แข่งมีทางเลือกเครื่องยนต์เป็นไฮบริดกันหมดแล้ว ส่วนเรื่องระบบความปลอดภัย ไปจนถึงเทคโนโลยีการอำนวยความสะดวกในตัวรถ ก็ไม่ได้เป็นสองรองคู่แข่งในตลาดแม้แต่น้อย ด้านหน้าตาก็ออกแบบมาได้มีดีไซน์ที่แตกต่าง ขึ้นอยู่ความชอบ
จุดแข็ง คือ ระบบความปลอดภัย Hyundai SmartSense
จุดอ่อน ก็คือ ระบบความปลอดภัย Hyundai SmartSense เพราะเป็นตัวที่ดันให้ราคาขายพุ่งทะลุไปเกือบล้าน จนอาจจะแข่งขันลำบาก
แต่… เครต้า ยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องให้พิสูจน์ว่าการกลับมาทำตลาดรถในเซ็กเมนท์อื่นที่ไม่ใช่กลุ่มรถตู้อีกครั้งในรอบหลายปี จะพอซื้อใจผู้บริโภคชาวไทยได้แค่ไหน