ลุยหนักๆ ในสนามพีระฯ กับ New MG4 Electric X Power แฮทช์แบคไฟฟ้าตัวแรง 435 แรงม้า
เอ็มจี สานต่อความแรงและสมรรถนะที่ไม่เป็นรองใครของ MG4 Electric ด้วยการเตรียมเปิดตัวและประกาศราคา New MG4 Electric X Power อย่างเป็นทางการภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 แต่ก่อนที่จะไปถึงวันนั้น ทางเอ็มจีได้จัดให้สื่อมวลชนได้สัมผัสกับความแรงระดับ 435 แรงม้า และแรงบิดสูงถึง 600 นิวตันเมตร กันที่สนามพีระเซอร์กิต พัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งต้องยอมรับว่ารถรุ่นนี้มีทั้งจุดเด่นและจุดที่น่ากังวลอยู่พอสมควร..จะเป็นเรื่องอะไรบ้าง มาติดตามกัน
สำหรับสเปคของ New MG4 Electric X Power ติดตามได้ที่นี่ คลิ๊ก
New MG4 Electric X Power เป็นการเน้นอัพเกรดในด้านสมรรถนะ จากเดิมขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์เดี่ยว เปลี่ยนเป็นมอเตอร์คู่ เดิมมี 170 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร อัพเกรดเป็น 435 แรงม้า แรงบิด 600 นิวตันเมตร ปรับเพิ่มขึ้นมากพอสมควร แบตเตอรี่จากเดิมขนาด 51 kWh เป็น 64 kWh ทำความเร็วสูงสุดได้ 200 กม./ชม. จากเดิมทำได้ 160 กม./ชม. และระยะทางขับจากการชาร์จกระแสไฟฟ้าเต็ม 1 ครั้ง ทำได้ที่ 480 กม. จากเดิม 425 กม. รวมทั้งทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.8 วินาที เท่านั้น ซึ่งถือว่าเร็วมากพอๆ กับรถระดับซูเปอร์คาร์กันเลยทีเดียว..เกือบลืมไป เดิมที MG4 เป็นรถขับเคลื่อนล้อหลัง แต่สำหรับ New MG4 Electric X Power เป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ All Wheel Drive ไปแล้วด้วย
ด้วยสเปคขุมพลังระดับนี้ถือว่าเปลี่ยนสไตล์การขับเคลื่อนไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับรุ่นปกติ แต่ยังคงสมดุลการกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 ควบคู่กับการออกแบบให้ตัวรถเตี้ยลง Low Centre of Gravity มีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำเพื่อให้เกาะถนนได้ดีขึ้น พร้อมทั้งเปลี่ยนขนาดชุดเบรกให้ใหญ่ขึ้น เสริมด้วยยางสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าอย่างยางบริดจสโตน ENLITEN Turanza T005 EV ขนาด 235/45 R18 ที่ช่วยให้สมรรถนะในการยึกเกาะถนนมีความมั่นคงและปลอดภัยมากขึ้น
ยางบริดจสโตน ENLITEN Turanza T005 EV ขนาด 235/45 R18
โดยในการทดลองขับครั้งนี้จัดเต็มแบบขับ Full Lab ใช้ความเร็วกันหนักๆ ด้วยกัน 4 รอบ แต่มีแบบทดสอบพิเศษที่น่าสนใจคือ การเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงแบบคิกส์ดาวน์แล้วเข้าโค้งขวาหลังเขา ที่หากใครดูการแข่งขันหรือได้ลองขับในสนามพีระฯ จะรู้ว่าโค้งขวาหลังเขานี้หากเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง รถมีโอกาสหมุนหรือหลุดออกนอกแทร็กได้เสมอ ซึ่งการทดสอบนี้มีการตั้งกรวยเอาไว้เพื่อให้เห็นไลน์การเข้าโค้งที่ถูกต้องเพื่อความปลอดภัย เมื่อได้เวลา กดคันเร่งแบบเต็มแรง รถพุ่งตัวแบบกระชากด้วยแรงบิดสูงสุด หลังติดเบาะ พร้อมกับเลี้ยวขวาเข้าโค้งตามไลน์ พร้อมกับแก้พวงมาลัยเล็กน้อย ผลที่ได้คือ รถเกาะโค้งด้วยความเร็วแตะ 80 กม./ชม. ท้ายรถมีอาการบานออกเล็กน้อย แก้พวงมาลัยคืน หน้ารถจิกเข้าโค้ง พร้อมด้วยแรงส่งที่ทำให้รถพุ่งออกจากโค้งด้วยความเร็วสูง จังหวะนี้หัวใจเต้นระส่ำ ด้วยอาการตกตะลึงในความเร็วของรถทรงแฮทช์แบคคันไม่ได้ใหญ่โตคันนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาทีกับการเข้าโค้งหลังเขา แล้วลองขับย้อนกลับอีกครั้งแต่เปลี่ยนจากโหมด Normal มาเป็น Sport คราวนี้รถพุ่งทะยานแรงกว่าเดิม แต่ด้วยความไม่ชินกับการขับย้อนขึ้นด้วยโค้งซ้าย ซึ่งรถมีความเร็วที่สูงขึ้น ท้ายรถกวาดกรวยไป 2 ตัว แต่ยังสามารถควบคุมรถได้อย่างแม่นยำ และยังอยู่ในแทร็กได้อย่างปลอดภัย เพียงแค่ท้ายรถบานออกจากไลน์ปกติไปนิดหน่อยเท่านั้น ยอมรับเลยว่าการปรับจูนช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัทและด้านหลังแบบอิสระ 5-Link ทำได้ประทับใจสุดๆ
ส่วนการขับแบบ Full Lab ถือว่ารถเดิมๆ ทำได้ดีมาก มีความสัมพันธ์กันทั้งน้ำหนักของพวงมาลัย ระบบช่วงล่าง และระบบส่งกำลัง รวมทั้งการกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 ยิ่งทำให้รถเข้าโค้งได้สนุกมากขึ้น จุดนี้มีความแตกต่างจากเดิมที่เป็นแบบขับเคลื่อนล้อหลัง ที่จะเกิดอาการท้ายบานออกเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ซึ่งมันเป็นความสนุกอีกแบบของคนที่ชอบขับรถแบบขับเคลื่อนล้อหลัง แล้วเมื่อเปลี่ยนมาเป็นแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ รถจะเข้าโค้งไปแบบทั้งคัน ทำให้ทำเวลาในการเร่งออกโค้งได้เร็วขึ้น
ในส่วนของช่วงล่างถือว่าไม่ได้เปลี่ยนแปลงมาก แต่ในส่วนของพละกำลังแรงขึ้นโดยสิ้นเชิง การตอบสนองของคันเร่งทำได้ประทับใจ รวมทั้งการปรับขนาดของชุดเบรกให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับสมรรถนะที่สูงขึ้น ยิ่งทำให้ New MG4 Electric X Power รุ่นนี้ กลายเป็นรถบ้านที่แรงระดับซูเปอร์คาร์ได้สบายๆ
แต่ถึงอย่างนั้น ยังคงมีเรื่องที่ต้องกังวลอยู่พอสมควร เพราะด้วยแรงม้าและแรงบิดที่เพิ่มขึ้น อาจจะเป็นรถที่ไม่ค่อยเหมาะกับนักขับมือใหม่สักเท่าไหร่ แม้ว่ารถจะมีเทคโนโลยีช่วยเหลือด้านความปลอดภัยแบบจัดเต็ม แต่คนควบคุมรถยังคงสำคัญที่สุด จากการลองเปลี่ยนเลนแล้วเร่งเครื่อง จำลองการขับแบบหักพวงมาลัยแล้วเร่งแซงรถคันหน้า การเติมคันเร่งลงไปอีกเพียงนิดหน่อย รถจะพุ่งทะยานด้วยความแรงแบบน่าตกใจ จุดนี้อาจจะทำให้มือใหม่ตกใจกับเรื่องแบบนี้ได้ ซึ่งอาจจะส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุตามมา ส่วนมือเก่ามือเก๋าทั้งหลายถือว่าถูกจริตมากๆ ถึงจะให้อารมณ์ไม่ได้เร้าใจเหมือนกับเครื่องยนต์แบบสันดาปภายใน แต่การควบคุมและอัตราเร่งที่เกิดขึ้นทำให้หัวใจเร่าร้อนได้พอสมควรเหมือนกัน และคุณจะสนุกมาก หากได้เล่นความเร็วในการเข้าโค้งในรูปแบบต่างๆ เพราะรถคันนี้ช่วงล่างถึงจะมีความนุ่มนวล แต่เมื่อทำความเร็วแล้วนิ่ง แน่น หนึบ มากๆ ถูกใจสายหวดอย่างแน่นอน
เอาเป็นว่าในส่วนของสมรรถนะทำได้ยอดเยี่ยม ต่างจากเดิมสิ้นเชิง เหลือเพียงแค่ราคาว่าจะเปิดมาที่เท่าไหร่ ซึ่งจะมีเพียงรุ่นเดียวเท่านั้นไม่มีรุ่นย่อย และจะประกาศราคากันในวันที่ 25 มีนาคมนี้ ภายในรอบสื่อมวลชน งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ถ้าให้คาดเดาคิดว่าไม่น่าเกิน 1.2 ล้านบาท มารอลุ้นกันว่าจะโดนใจกันหรือไม่ ซึ่งในเรื่องของสมรรถนะนั้นเอาใจไปได้เลย
เรื่อง : พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th