SUZUKI SWIFT GL PLUS เติมชุดแต่งสปอร์ตมากขึ้น ในราคาสบายกระเป๋า
ซูซูกิ ประเทศไทย เดินเกมส์กระตุ้นตลาดอีโคคาร์อีกครั้ง เปิดตัว SUZUKI SWIFT GL PLUS ใหม่ มาพร้อมชุดแต่งสปอร์ตมากขึ้น ตั้งราคาจำหน่าย 572,000 บาท
แม้จะยังไม่มีแผนเรื่องของ SWIFT ใหม่ในบ้านเรา แต่การเปิดตัว SUZUKI SWIFT GL PLUS ใหม่ ในช่วงน้ำมันแพง น่าจะกระตุ้นยอดขายได้ดี เพราะแบรนด์ไอคอนด้านอีโคคาร์อย่าง SWIFT ถือเป็นรถยนต์แฮชแบ็ค 5 ประตู ยอดนิยมมาโดยตลอดด้วยดีไซน์ที่ดูสปอร์ตลงตัวถูกใจรสนิยมคนไทย จุดเด่นของรถรุ่นนี้อย่างที่รู้กันคือ “สวย…เท่ห์” มีการออกแบบภายในที่ลงตัวดูโดดเด่นกว่าคู่แข่งในช่วงที่เปิดตัวออกมา ส่วนเครื่องยนต์ที่ประหยัดน้ำมันขับสนุกคล่องตัวดี แม้จะต้องเผชิญกับรถยนต์อีโคคาร์รุ่นใหม่ที่เป็นเครื่องยนต์เทอร์โบ แต่ SWIFT ก็ได้พิสูจน์ตัวเองมาโดยตลอดว่าเป็นรถยนต์ที่ทนทาน ไม่จุกจิก แถมนำไปตกแต่งต่อก็สวยไม่แพ้ใคร
อ่านข่าวเปิดตัวได้ที่ https://bit.ly/3u3R0ih
ราคาจำหน่ายทั้ง 3 รุ่นย่อย : SUZUKI SWIFT GL 562,000 บาท; SUZUKI SWIFT GL PLUS 572,000 บาท (*รุ่นใหม่) ; SUZUKI SWIFT GLX 632,000 บาท
มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีแดง Ablaze Red Pearl, สีน้ำเงิน Speedy Blue Metallic, สีเทา Star Silver Metallic, สีเทา Mineral Gray Metallic, สีดำ Super Black Pearl จำหน่ายในราคา 572,000 บาท และ สีขาว Pure White Pearl จำหน่ายในราคา 577,000 บาท
กลุ่มลูกค้าของ SUZUKI SWIFT GL PLUS คือคนหนุ่มสาวที่ชื่นชอบการตกแต่งรถยนต์ และกำลังมองหารถยนต์ที่คุ้มค่า ตอบโจทย์การใช้งานไม่ว่าจะเป็นวันทำงานหรือวันหยุด ด้วยจุดเด่นของความประหยัดน้ำมัน ช่วยให้คุณจ่ายค่าน้ำมันน้อยกว่ารถยนต์ซีซี. เยอะ ในสถานการณ์แบบนี้อีโคคาร์บางทีก็ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นรถยนต์คันแรกเท่านั้น หลายคนกำลังมองว่ามันเป็นตัวช่วยในช่วงหลายปีต่อจากนี้ด้วยราคาน้ำมันที่แพงขึ้นเท่าตัว และไม่มีทีท่าว่าจะราคาจะปรับตัวลงมาเหมือนปีก่อน ทำให้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพิ่มขึ้น บางคนถึงกับพับโครงการรถยนต์คันใหม่ที่วาดฝัน เริ่มมองหารถยนต์ไฟฟ้า แต่เวลานี้มีเงินใช้ว่าจะซื้อหามาครองได้ ด้วยคิวจองยาวถึงสิ้นปีไม่รู้จะมีรถส่งมอบหรือไม่ ดังนั้นอีโคคาร์น่าจะเป็นทางออกที่ช่วยให้คุณดำเนินชีวิตได้ง่ายขึ้นในยุคนี้
อีกเหตุผลที่ทำให้คุณมองตัวรองมากกว่าตัวท๊อป ความเป็น GL เดิมค่อนข้างตอบโจทย์คนอยากมีรถคันแรกในราคาเบาๆ อยู่แล้ว ออปชั่นที่ได้พอเพียงกับการใช้งาน แต่ระยะหลังมีการจับมาทำเวอร์ชั่นพิเศษหลายครั้ง ซึ่งซูซูกิประสบความสำเร็จดีมาโดยตลอด และช่วงที่ผ่านมาตามโชว์รูมของซูซูกิเองเริ่มหันมาคอสตอมรถใหม่ออกขายเองในหลายโมเดล ดังนั้นมันคงจะดีถ้ามีชุดแต่งแท้จากโรงงานติดมาให้เติมความ PLUS เข้าไปให้ดูลิมิเต็มมากขึ้น แต่ไม่ได้จำกัดจำนวนขายนะ ส่วนใหญ่ลูกค้า SWIFT GL ชื่นชอบเพราะ “ราคา” เท่านั้นไม่มีเหตุผลอื่น ไม่ได้อยากเพิ่มเงินเพื่อได้ชุดโคมไฟหน้าแบบตัวท๊อป แค่ได้รถทรงสวยแบบ 5 ประตู ใช้งานได้ถือว่าจบแล้ว โดยเฉพาะค่างวดที่ต้องส่งทุกเดือนไม่เกินกำลัง แค่นี้ก็ช่วยให้คุณมีรถขับได้ไม่ยาก (แถมเค้ายังเก่งเรื่องทำโปรโมชั่นการผ่อน) ส่วนสิ่งที่ซูซูกิจะใส่มาเพิ่มเติมถือว่าเป็นกำไร แต่ต้องไม่เบียดค่างวดมากนัก เหมือนกับชุดแต่งของ GL PLUS ใส่มาให้หมด ครบเพียงหมื่นเดียว ผ่อนรวมกันไปจึงตัดสินใจได้ไม่ยาก
อะไรหายไปจากรุ่นแพงสุด
เมื่อคุณเลือก SUZUKI SWIFT GL PLUS สิ่งที่ขาดหายไปจากรุ่นท๊อปมีอะไรบ้างมาดูกัน อย่างแรกคือ พวงมาลัยไม่ได้หุ้มหนัง และไม่มีปุ่มควบคุมระบบสั่งการการโทรศัพท์ รวมทั้งไม่มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติบนพวงมาลัย ระบบเครื่องเสียงที่ได้เป็นแบบวิทยุซีดี ไม่เหมือนตัวท๊อปเป็นหน้าจอทัชสกรีน ส่งเสียงผ่านลำโพงคู่หน้าเท่านั้น มาตรวัดความเร็วเป็นแบบ LCD ไม่เป็นดิจิตอล ส่วนเล็กน้อยอื่นๆ อย่างมือจับประตูโครเมียมไม่ให้มา รวมทั้งมือจับผู้โดยสารฝั่งด้านหลัง แต่ส่วนที่หลายคนใช้เป็นเหตุผลเพื่อเลือกตัวท๊อปสุดคือ ไฟหน้าแบบ LED โปรเจคเตอร์ที่มีไฟ Daytime Running Light รวมในโคมเดียวกัน ในรุ่นนี้ลงสเป็กได้มาเป็นโคมไฟหน้าแบบฮาโลเจนมัลติรีเฟลคเตอร์ ส่วนไฟเวลากลางวันแยกออกมาจากโคม ไม่มีไฟตัดหมอกให้ แต่ยังได้ไฟท้ายแบบ LED เหมือนกัน กระจกมองข้างแบบไฟเลี้ยวในตัวถูกตัดออกเช่นกัน รวมถึงไม่ได้ล้ออะลูมิเนียมอัลลอย แต่ได้มาเป็นล้อกระทะพร้อมฝาครอบและยางขนาด 175/65R15 ส่วนระบบความปลอดภัยที่ไม่ใส่มาให้คือ กล้องมองหลัง (เพราะไม่มีหน้าจอแสดงผล) ถุงลมด้านข้าง และม่านนิรภัย เป็นยังไงบ้าง…อุปกรณ์บางอย่างสำหรับบางคนก็ไม่จำเป็น ขับไปถึงจุดหมายเหมือนกัน!!!
GL PLUS เพิ่มอะไรมาให้บ้าง ไปดูกัน
อย่างที่ทราบว่ารุ่น GL PLUS คือการเอารุ่น GL เดิมมาอัพเกรดใส่ชุดแต่งรอบคัน เวอร์ชันพิเศษ Limitless Edition รวมทั้งตกแต่งสติ๊กเกอร์ดูแล้วก็สวยไปอีกแบบ ไม่ต้องคิดอะไรมาก ถ้าชอบแต่งรถเหลือเพียงอัพเกรดล้อแมกซ์ซิ่งๆ สักชุดก็เพียงพอแล้ว ในแพคเกจนี้คุณจะได้ ชุดแต่ง สเกิร์ตรอบคัน สปอยเลอร์หลัง เสาอากาศแบบครีบฉลาม ซุ้มล้อสีดำ ชุดสติกเกอร์ GL PLUS ซึ่งจุดที่มองดูแล้วไม่ถูกในนักคือบางอย่างยังเป็นสีดำด้านๆ บางครั้งใช้ไปนานๆ อาจซีดได้ แถมสติ๊กเกอร์ที่ติดเข้าไปยังเป็นสีแดง ถ้าคุณซื้อรถสีแดงมันแทบจะโดนกลืนไม่เด่นออกมาเหมือนสีอื่น จุดที่ชอบคือชุดแต่งมีการใส่ใจในรายละเอียดการออกแบบ ไม่ได้เป็นชิ้นงานที่เรียบๆ แบบธรรมดา มีดีไซน์สปอร์ตพอตัว โดยเฉพาะสเกิร์ตหลังมีการตกแต่งด้วยโครเมียมทำเป็นเหมือนท่อคู่หลอกสายตา ส่วนซุ้มล้อไม่ได้แต่ทำให้รถดูแตกต่างบึกบึนขึ้นแต่ยังเชื่อมต่อกับสเกิร์ตรอบคันเป็นทิศทางเดียวกัน ตั้งใจทำออกมาได้ดีมาก
ส่วนภายในเหมือนเดิมตกแต่งด้วยสีดำเบาะผ้า แอร์ดิจิตอล เบาะหลังพับได้ 60:40 มีจุดเดียวที่ไม่ค่อยสะดวกคือที่วางแก้วบริเวณคอนโซนกลางใช้งานพร้อมกันสองใบวางชิดกันมาก ถ้าเป็นไซน์แก้วกาแฟแทบวางไม่ได้เพราะมันเบียดกัน ข้อดีภายในคือวัสดุพลาสติกที่นำมาตกแต่งค่อนข้างมีคุณภาพ ให้ความรู้สึกที่ดีกว่าพสาสติกเจ้าอื่นมาก แถมจัดวางคอนโซลได้สวยงามลงตัว ออกแบบได้เก่งเลยทีเดียว เบาะผ้าที่ให้มานุ่มสบายมาก ขับทางไกลไม่เมื่อย แถมเวลาเป็นคนนั่งก็สบายยิ่งกว่า ไม่อมความร้อนเวลาจอดรถตากแดด
ระบบความปลอดภัยมาตรฐาน
ระบบความปลอดภัยมาตรฐานด้วยแพลตฟอร์ม HEARTECT ที่เป็นเทคโนโลยีเฉพาะของซูซูกิเพื่อช่วยเสริมให้รถมีน้ำหนักน้อยลงแต่คงความแข็งแกร่งและประหยัดน้ำมันมากขึ้น รวมถึงโครงสร้างตัวถังแบบ TECT ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของตัวรถ พร้อมระบบ NVH ช่วยกันการสั่นสะเทือน และลดเสียงรบกวนจากภายนอก
พร้อมระบบ TCS ช่วยในการควบคุมรถขณะขับขี่บนถนนลื่นหรือในทางโค้ง พร้อมระบบเบรก ABS และ EBD ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP และยังเหมาะกับการขับในเมืองด้วยระบบ Idling Stop ที่ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันขณะรถหยุดนิ่ง ขับขี่อย่างมั่นใจในทุกเส้นทางด้วยระบบ Hill Hold Control ที่ช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน ปลอดภัยมากขึ้นด้วยถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้าพร้อมคานกันกระแทกด้านข้าง อีกทั้งระบบล็อกนิรภัยป้องกันเด็กเปิดประตูหลัง และจุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก 2 ตำแหน่ง (ISOFIX & Top Tether anchorages 2 position)
DUALJET เครื่องยนต์เบนซินสุดประหยัด แข็งแรง ทนทาน
SUZUKI SWIFT GLPLUS มาพร้อมกับเครื่องยนต์รหัส K12M แบบเบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร หัวฉีดคู่หรือ DUALJET ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ด้วยกำลังสูงสุด 83 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 108 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงประเภท E20 ค่าโรงงานบอกว่ารถรุ่นนี้ประหยัดเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยกว่า 23 กิโลเมตร/ลิตร แต่ขับจริงทำได้ราวๆ 15 กม./ลิตร ถ้าใครเท้าหนักมากมี 12 กม./ลิตรให้เห็น อัตราเร่งพอประมาณเพราะตัวรถเน้นเรื่องความประหยัด เน้นความคล่องตัวในเมือง ทัศนวิสัยดีมาก ขับง่าย ช่วงต้นดีจนถึงความเร็วประมาณ 80 กม./ชม. ในต่างจังหวัดที่ต้องวิ่งด้วยความเร็ว 100 กม./ชม. ขึ้นไปจังหวะเร่งแซงมีรอบ้าง ส่วนช่วงล่างไว้ใจได้เลย เซ็ตมากลางๆ นั่งสบายเมื่อผ่านร่องถนน หรือหลุมต่างๆ รองรับได้ดี ส่วนการเก็บเสียงเข้าใจว่าเป็นอีโคคาร์ทำได้ระดับหนึ่งไม่ได้เงียบเหมือนรถแพงๆ จำได้ว่าเคยเอา SWIFT มาขับตอนน้ำมันถูกกว่านี้เติมเต็มถังตก 900 บาท ตอนนี้น่าจะมี 1,200 บาทขึ้นไป เติมเต็มถัง 37 ลิตร วิ่งได้ถึง 500 กม. แต่ยังถูกกว่ารถคันใหญ่ ส่วนถามว่าในทุกรุ่นย่อยสมรรถนะแตกต่างกันไหม ไม่แตกต่างเพราะเครื่องเดียวกันหมด จะต่างก็เรื่องฟิวลิ่งนิดหน่อยเพราะรุ่นท๊อปได้ยางใหญ่กว่า
ถามว่าดูแล้วจะซื้อรุ่นไหนดีเพราะราคาใกล้กันมากทั้ง 3 รุ่นย่อย อยู่ที่ตัวคุณจะเลือกยังไงให้เหมาะกับความชอบของตัวเอง แต่ถ้าอยากได้แบบแต่งครบจบจากโชว์รูมพร้อมรับประกันแนะนำ SUZUKI SWIFT GLPLUS ผ่อนรวมไปยาวๆ
เรื่อง : ณัฐพล จีระมงคลกุล
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ได้ที่ www.grandprix.co.th