Test New Mazda 2 รุ่นล่างสุด คุ้มสุดในรุ่น ซัดตึงไม่มีผ่อนกินน้ำมันโหดแค่ไหน
Test New Mazda 2 รุ่นล่างสุด คุ้มสุดในรุ่น ซัดตึงไม่มีผ่อนกินน้ำมันโหดแค่ไหน หลังจากที่มาสด้า ประเทศไทย ทำการเปิดตัวรถมาสด้า 2 รุ่นใหม่ ที่มีการแต่งหน้า ทา ปากใหม่ เติมออฟชั่นเล็กน้อย ลากยาวขายต่อไปเป็นปีที่ 9 ซึ่งแน่นอนมันต้องมีดีอะไรซิ ไม่งั้นมันจะอยู่ในตลาดถึง 9 ปี ได้อย่างไรโดยไม่โมเดลเชนจ์ ครั้งนี้เราจะนำรถยนต์ Mazda 2 ใหม่ปี 2023 รุ่นล่างสุด 1.3 C ที่ราคา 599,000 บาท มาดูและลองขับกันครับว่ามันคุ้มค่าจริงหรือไม่ อะไรโดนตัดออกไปบ้าง ขับแบบจัดหนักจะกินน้ำมันมากสุดขนาดไหน มาลองกันครับ เรามาทำความรู้จัก New Mazda2 รุ่น 1.3C กันก่อนเลยดีกว่าครับว่ามันมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง
มาดูกันที่การออกแบบภายนอกก่อนเลย
รุ่น 1.3C จะเป็นรุ่นที่มีการตกแต่งรูปแบบ New Wave Design ที่มันคล้ายรถไฟฟ้านั้นละครับ โดยมีการออกแบบกันชนหน้าใหม่ กระจังหน้าใหม่ และล้อเหล็กพร้อมฝาครอบลายใหม่ขนาด 15 นิ้ว ที่เน้นความสดใสแตกต่าง สวย น่ารัก โดยเฉพาะสีใหม่ Gross Light Blue ที่เสริมให้รถคันนี้ดูน่ารักน่าใช้เข้าไปอีก แถมยังมีให้เลือกทั้งซีดาน 4 ประตู และแฮทช์แบ็ก 5 ประตู ส่วนกระจังหน้าที่เปลี่ยนมาเป็นแบบทึบที่หลายท่านกังวลเรื่องการระบบความร้อน ก็ไม่ต้องกังวลครับเพราะมันมีช่องให้ลมเข้าอยู่ด้านบน และด้านล่าง ไม่มีปัญหาแน่นอนครับ
มาต่อกันที่ภายในมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้านนะ Test New Mazda 2
เริ่มที่แผงคอนโซลหน้าเป็นแบบบุนุ่มสีดำ ตกแต่งด้วยแถบสีที่ทำจากวัสดุ Bioplastic สีเดียวกับตัวรถ เบาะนั่งทรงสปอร์ตสีดำแบบหนังสลับกับผ้า Grand Luxe Suede ปรับมือนะครับรุ่นล่างสุดไม่มีปรับไฟฟ้า แต่ผมชอบที่เค้าให้เบาะหนังมาเลยในรุ่นล่างสุด เพราะไม่ต้องไปเสียเงิน และเวลาไปเปลี่ยนเป็นเบาะ ได้เบาะหนังจากโรงงานย่อมดีกว่าทำเองข้างนอกอยู่แล้ว พวงมาลัยไม่ได้หุ้มหนังมาให้นะเป็นยูรีเทนจับก็จะลื่นๆเจ็บๆมือหน่อย
เรือนไมล์แสดงผลแบบอนาล็อก ระบบอินโฟเทนเมนต์แบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay, Android Auto แต่ต้องเสียบสายนะครับไม่ได้ไร้สายเหมือนรุ่นท็อป และ Bluetooth มีช่องเชื่อมต่อ USB, AUX, ช่องจ่ายไฟ 12 V แต่รุ่นนี้โดนตัดที่ชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สายไปไม่มีให้ แพดเดิ้ลชิพก็โดนตัดเช่นกัน กล้อง 360 องศาไม่มี ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติไม่มี MRCC Mazda Radar Cruise Control โดนตัดทิ้งเช่นกัน หลักๆประมาณนี้ครับ โดยรวมห้องโดยสารเติมสีสันมาทำให้สวยขึ้น แต่เรื่องความกว้างขวางก็ยังสู้คู่แข่งไม่ได้เหมือนเดิมครับ
ระบบเครื่องยนต์ และช่วงล่าง ยังคงเดิมไม่ได้ปรับอะไร
มีให้เลือก 2 เครื่องยนต์ทั้งเบนซิน และดีเซล
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง Skyactiv-G ขนาดความจุ 1.3 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 93 แรงม้า ที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 123 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 23.3 กิโลเมตร/ลิตร
เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบเรียง Skyactiv-D ขนาดความจุ 1.5 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,500-2,500 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 26.3 กิโลเมตร/ลิตร
ระบบช่วงล่าง
ด้านหน้าเป็นแม็คเฟอร์สันสตรัท ส่วนด้านหลังเป็นทอร์ชั่นบีม ไม่ได้มีการปรับเซ็ทอะไรเพิ่ม
เรามาเริ่มลองขับกันดีกว่า
เริ่มจากวิ่งในเมืองที่มีการจราจรที่หนาแน่น เครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร ยังคงให้ความกระชับกระเฉงในการขับขี่ ผสานกับขนาดของตัวรถทำให้การลัดเลาะไปตามช่องว่างของถนนได้อย่างคล่องตัว หลุดออกมานอกเมืองมีถนนสองเลนตรงยาวๆให้ได้ลองอัตราเร่งกันหน่อยเครื่อง1.3 ลิตร 93 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 123 นิวตันเมตร
ทำงานผสานกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดได้อย่างลื่นไหล และนี้คือเสน่ห์ของเจ้ามาสด้า2 คันนี้เพราะเป็นเพียงคันเดียวที่ยังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ค่ายคู่แข็งเป็นเกียร์ CVT ทั้งหมด ซึ่งผมว่าเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด มันขับสนุกกว่า CVT เยอะเลยครับ
กดคันเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนแตะที่ประมาณ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หลังจากนี้ก็จะค่อยๆไต่ขึ้นไปแบบหนืดๆครับ ระบบช่วงล่างยังคงยอดเยี่ยมไว้ใจได้เหมือนเดิมขนาดขับด้วยความเร็วสูงตัวรถยังคงนิ่ง และสามารถดูดซับแรงจากพื้นผิวถนนได้ดีอีกต่างหาก การเค้าโค้งด้วยความเร็วตัวรถยังนิ่งไม่โคลงควบคุมง่าย แน่น หนึบ เลยครับ ที่มันดีแบบนี้ส่วนหนึ่งคงมาจากระบบ G- Vectoring Control Plus ที่มาสด้าใส่มาให้
เข้ามาสู่ถนนเลยสวนด้วยความที่เรามุ่งหน้าไปจังหวัดฉะเชิงเทรา เพราะจะมีลองสมรรถนะของมาสด้าในสนามปิดที่ศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (ATTRIC) ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของการทดสอบในครั้งนี้ ซึ่งต้องผ่านนิคมอุตสาหกรรมเยอะมากทำให้ถนนเต็มไปด้วยรถบรรทุก ทำให้บางเราต้องเร่งแซงบรรทุกด้านหน้าที่ช้าอยู่เป็นระยะ แต่ก็ไม่ต้องกังวลอะไรมากนัก เพราะอัตราเร่งในการแซงทำได้ดีสบายๆไม่ต้องลุ้น
เพียงแต่ต้องจับจังหวะดีๆ บางจังหวะอาจจะต้องคลิ๊กดาวน์ หรือกดโหมดสปอร์ตช่วยซะหน่อยก็แค่นั้น มันขับสนุกจริงๆครับคอนเฟริ์ม เราซัดตึงๆมาตลอดทางกดไม่ยั้งเร่งแซงตลอดเวลาลองดูซิว่ามันจะกินน้ำมันได้มากขนาดไหน หน้าจอของ มาสด้า2 เบนซิน รุ่น 1.3C ที่ผมขับแสดงอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 11.4 กิโลเมตรต่อลิตร เฮ้ย!ผมว่าก็ไม่ได้ขี้เหร่นะครับ ใช้ได้เลย
เดินทางมาถึง (ATTRIC) ศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ ก็มีสถานีต่างๆรอเราอยู่ เช่น ลองอัตราเร่ง 0-100 ,ลองระบบเบรกทั้งพื้นเปียก และพื้นแห้ง , ลองระบบดูดซับแรงสั่นสะเทือน และที่สนุกที่สุดคือการจำลองไลน์ของสนามแข่งฟูจิสปีดเวย์มาให้เราได้ลอง Steering และความคล่องตัว มาสด้า2 ทำได้ดีมากจริงๆครับ
สรุป
มาสด้า2 ใหม่ คันนี้ยังคงให้ความสนุกสนานในการขับขี่ หน้าตาดูทันสมัยน่ารักน่าใช้มากขึ้น ในรุ่นล่างสุดแม้จะโดนตัวระบบบางอย่างออกไป แต่มันก็คือระบบที่บางครั้งเราก็ไม่ค่อยได้ใช้อยู่แล้ว ส่วนระบบความปลอดภัยหลักๆอย่างเช่น เซ็นเซอร์ถอยหลัง กล้องถอยหลัง
ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance ก็ยังมีมาให้ในรุ่นล่างสุดนี้ มีการปรับลุคทั้งภายนอก และภายใน ใหม่ แต่ในรุ่นล่างนี้ราคาเท่าเดิมคือ 599,000 บาท ผมว่ามันเป็นรุ่นที่คุ้มค่าที่สุดแล้วสำหรับใครที่กำลังมองมาสด้า2 อยู่ รับรองรุ่น 1.3 C ไม่ผิดหวังแน่นอน www.mazda.co.th
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th