TestDrive Mitsubishi Triton Athlete2024 มีอะไรดี เดี๋ยวรู้
TestDrive Mitsubishi Triton Athlete2024 หลังปล่อยให้หลายคนสงสัย และดึงเชงให้ลูกค้ารอมานานจนหลายคนหันไปซื้อยี่ห้ออื่น เพราะไม่รู้ต้องรอนานแค่ไหน เมื่อไหร่จะเปิดจำหน่ายรุ่นท็อปสุดของ All New Mitsubishi Triton ซะที ดึงลากยาวมาจน มิตชูบิชิ มอเตอร์ประเทศไทย เห็นท่าไม่ได้ดี จึงปล่อยสเปก กับราคาคาดการณ์ ของตัวท็อปอย่าง Mitsubishi Triton Athlete 2024 ออกมา โดยมีทั้งขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ รวมไปถึง เครื่องยนต์ดีเซลใหม่ Hyper Power X2 ขนาด 2.4 ลิตร เทอร์โบ กำลัง 204 แรงม้า โดยมีราคาในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ อยู่ที่ 1,125,000 บาท ส่วนรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ อยู่ที่ 1,298,000 บาท แต่ก็ยังไม่ได้ขับได้ลองได้ขายกันซะที
และแล้ววันนี้ก็มาถึงวันที่เราจะได้เข้าร่วมการทดลองขับ All New Mitsubishi Triton Athlete 2024 รุ่นขับเคลื่อน โดยมีเส้นทางจากตัวเมืองแม่สอดจังหวัดตาก มุ่งหน้าขึ้นเขาสู่ดอยสอยดาว ที่อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่น ตำบลท้องฟ้า อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก TestDrive Mitsubishi Triton Athlete2024
ระยะทางไป-กลับ ประมาณ 200 กิโลเมตร โดยส่วนมากจะเป็นเส้นทางขึ้น-ลงเขา และมีเส้นทางที่คดเคี้ยว เพื่อให้เราได้ทดสอบความคล่องตัว ระบบช่วงล่าง และพละกำลังของเครื่องยนต์ เดี๋ยวเราจะได้รู้กันว่า Mitsubishi Triton Athlete จะเจ๋งจริงหรือไม่
การออกแบบภายนอก มีอะไรต่างจากรุ่นปกติบ้าง
Triton Athlete 2024 คันนี้แน่นอนมันดูเท่กว่ารุ่นปกติ เพราะมันเสริมหล่อด้วยชุดแต่งรอบคัน เริ่มจากคิ้วตกแต่งกระจังหน้า และกันชนหน้า สีดำเงา เข้ากับซุ้มล้อ มือเปิดประตูภายนอก และกระจกมองข้าง สีดำเงา ได้อย่างลงตัว ด้านบนติดตั้งราวหลังคาสีดำเงาเช่นกันพร้อมให้เพื่อนๆใส่กล่อง หรือเต้นท์หลังคาได้สบายๆ
ตรงกระบะท้ายมีสปอร์ตบาร์สีดำเงาดีไซน์ใหม่ พร้อมพื้นปูกระบะท้าย ตรงมือเปิดฝากระบะท้าย กันชนท้าย ก็สีดำเงา เช่นกัน ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว สีดำ ที่สำคัญ Triton Athlete 2024 มีเฉพาะตัวถัง 2 ตอน 4 ประตู Double Cab เท่านั้น
การออกแบบภายใน
ห้องโดยสารของ Mitsubishi Triton Athlete 2024 ใช้โทนหลักเป็นสีดำ มาตรวัดยังเป็นแอนะล็อกผสมกับจอดิจิทัลแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 7 นิ้ว พร้อมจอมัลติฟังก์ชันกลางขนาด 9 นิ้ว ระบบแอร์เป็นแบบอัตโนมัติแยกปรับซ้าย-ขวา
เบาะนั่งหุ้มด้วยวัสดุสังเคราะห์สีดำคล้ายหนังกลับเย็บลอนลาย Honey Comb ตัดด้วยแถบสีส้ม และในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ
คอนโซลกลางมีปุ่มปรับระบบขับเคลื่อนเลือกได้ระหว่าง 2High (2H), 4High (4H), 4High Locking Differential (4HLc) และ 4Low Locking Differential (4LLc) โดยไม่ต้องหยุดรถ
การทดลองขับ
เราเริ่มออกเดินทางกันแต่เช้าตรู่วิ่งผ่านตัวเมืองแม่สอดที่ถนนค่อนข้างเล็ก และแคบ แต่เจ้า Triton Athlete 2024 คันนี้ก็มีความคล่องตัว ขับสบายกว่ารุ่นก่อนหน้าเพราะมันมีพวงมาลัยไฟฟ้ามาให้แล้ว ไม่หนักแล้วครับ ปรับหน่วงตามความเร็วน้ำหนักดีทีเดียวครับ ออกมานอกเมืองได้ลองอัตราเร่งของเครื่องยนต์ลูกใหม่ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.4 ลิตร 2-Stage Turbocharging Hyper Power X2 ที่มีพละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 470 นิวตันเมตร
โดยเครื่องยนต์ลูกนี้มีการออกแบบห้องเผาไหม้ใหม่ และหัวฉีดรุ่นใหม่ เพิ่มวาล์วระบายแรงดันน้ำมันเครื่องแบบแปรผันอิเล็กทรอนิกส์ ต้องบอกว่ามันออกตัวดีขึ้น แถมรอบกลางไปปลายก็ทำงานได้อย่างลื่นไหลขับสนุก และเพลินมากเผลอแปปเดี๋ยวความเร็วไปแตะ 160 กม./ชม. ได้แบบสบายๆ เร่งแซงรถช้า ขึ้น-ลง เขา บอกเลยว่าพลัง เหลือๆ
แต่ที่ผมชอบมากและน่าจะเป็นจุดเด่นของเจ้าคันนี้คือระบบช่วงล่าง ที่ด้านหน้าเป็น อิสระปีกนก 2 ชั้น Double Wishbone คอยล์สปริง และโช็คอัพ โดยมีการเปลี่ยนให้ใหญ่ขึ้น พร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังเป็นแบบแหนบแผ่นซ้อน ปรับเซ็ทมาได้แบบลงตัวมากทีเดียว เพราะมันให้ความนุ่มนวล และแน่น หนึบ วิ่งทางตรงยาวด้วยความเร็วตัวรถไม่มีอาการโคลงให้ได้สัมผัส ดูดซับแรงสั่นสะเทือนของพื้นผิวถนนได้ดี ไม่กระเด้งเหมือนรุ่นอื่นๆ
การเข้าโค้งด้วยความเร็วก็ทำได้ดีเฉียบคม นิ่ง และควบคุมง่ายเพราะมันมี Active Yaw Control (AYC) ซึ่งระบบจะทำการควบคุมแรงเบรคทั้งสองด้าน ซ้ายและขวาอย่างเหมาะสมเพื่อการขับขี่เข้าโค้งที่ง่ายกว่าเดิม และความปลอดภัย เราออกจากถนนดำ เข้าสู่เส้นทางธรรมชาติ ที่สภาพถนนเป็นฝุ่นและหินลอย แถมยังขึ้นเขาชันอีกด้วย แน่นอนบนเส้นทางออฟโรดแบบนี้ระบบช่วงล่างที่ปรับเซ็ทมาได้ลงตัวมันทำให้การขับขี่บนเส้นทางโหดๆแบบนี้สบายขึ้นเยอะ ไม่ดีด เด้งมาก
และด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD II มันสามารถพาเราผ่านอุปสรรคต่างๆไปได้แบบง่ายดาย ต้องบอกนะครับว่ารถที่เรานำมาคือ Mitsubishi Triton Athlete 2024 4X4 แบบเดิมๆจากโรงงาน
เพราะฉะนั้นยางติดรถที่ให้มาคือยาง AT ธรรมดา อาจจะเสียวๆหน่อยกลัวยางโดนหินบาด แต่เรื่องอื่นสบายๆโหมดการขับที่มีให้ 7 โหมด คือ Normal, Eco, Gravel, Snow, Mud, Sand และ Rock
และวิธีการเปลี่ยนจากขับ 2 เป็นขับ 4 ใช้ง่ายมาก ผมว่าเดี๋ยวนี้ใครๆก็ขับออฟโรดได้เลยไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์อะไรมากมาย สมัยนี้เทคโนโลยีของรถช่วยเราเยอะครับ อย่างเช่นเจ้าคันนี้มี ฟังก์ชั่น 4H แบบฟูลไทม์ ซึ่งเป็นแบรนด์เดียวในตลาดที่มี แถมยังสามารถเปลี่ยนโหมดจากระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ เป็น 4 ล้อแบบฟูลไทม์ได้ขณะที่รถกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง (Shift-on-the-Fly) ได้อีกด้วย
ทางด้านหน้าเริ่มโหดขึ้นเราจำเป็นต้องใช้ 4LLC เมื่อเราจะใช้ระบบนี้เราจะต้องจอดรถ เข้าเกียร์ N และเหยียบเบรก ดันปุ่มลงแล้วหมุ่นไปที่ 4LLC ง่ายๆแค่นี้รถก็พาเราผ่านอุปสรรคโหดไปได้แบบชิลล์ๆ
นอกจากนี้ยังมี ฟังก์ชั่นที่ทำให้ราขับง่าย และปลอดภัยอีกมากมาย เช่น Multi Around Monitor กล้องมองภาพรอบคัน, ระบบ Hill Start Assist ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน, ระบบ Hill Descent Control ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน, ระบบ Rear Cross Traffic Alert เตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด,
ระบบเบรค ABS / EBD / BA, ระบบ Active Stability Control ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว, ระบบ Traction Control, เฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปแบบควบคุมด้วยเบรค หรือ Active Limited Slip Differential ซึ่งจะช่วยส่งแรงเบรคไปยังล้อที่เกิดการลื่นไถล ปิดท้ายด้วยถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง
สรุป
Mitsubishi Triton Athlete 2024 คันนี้เป็นรถที่กลมกล่อมลงตัว ทั้งสมรรถนะการขับขี่ระบบช่วงล่าง หน้าตาการออกแบบทั้งภายนอกภายใน ระบบการขับขี่ที่สามารถพาเพื่อนๆไปได้ทุกเส้นทางแน่นอน กับราคา 1,298,000 บาท ผมว่ามันเป็นรถกระบะที่น่าสนใจทีเดียว
แต่น่าเสียดายที่ มิตซูบิชิ ประเทศไทย ทำตลาดแบบ งงๆ ดันไปเปิดตัวขายรุ่นล่างก่อนรุ่นท็อปสุด และทิ้งช่วงค่อนข้างนาน กว่าจะนำรุ่นนี้มาขาย ทำให้หลายคนรอจนเลิกรอหันไปซื้อรุ่นอื่นแทน นั้นเอง แต่ถ้าใครยังรออยู่บอกเลยไปลองขับไม่ผิดหวังแน่นอนครับ
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th