TestDrive Toyota Innova Zenix2023 นุ่มนวล ขับสบาย แถมประหยัด
TestDrive Toyota Innova Zenix2023 นุ่มนวล ขับสบาย แถมประหยัด Toyota Innova 2023 นุ่มนวล ขับสบาย แถมประหยัด คำนี้คงเป็นนิยามที่ตรงที่สุดของรถ โตโยต้า อินโนวา เจนเนอร์เรชั่นที่ 3 คันนี้ เพราะมันดีกว่ารุ่นก่อนหน้าหลายเท่าตัว ทั้งขนาดที่ใหญ่กว่า การออกแบบดีไซน์ที่บึกบึน เครื่องยนต์ไฮบริดที่ประหยัดกว่าเดิมแบบคนละโลก ความสะดวกสบาย และความหรูหราของห้องโดยสาร แพลตฟอร์มใหม่ที่นุ่นนวลและขับสบายขึ้น สุดท้ายอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยแบบครบครัน ทั้งหมดนี้อยู่ใน All-New Toyota Innova Zenix คันนี้
ก่อนไปลองขับกันเรามารู้จัก New Innova คันนี้กันให้มากขึ้นดีกว่าครับ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าใหม่ทั้งหมด เพราะอินโนวาใหม่ มีการเปลี่ยนแพลตฟอร์มใหม่จากรุ่นก่อนหน้าที่ใช้ IMV ที่เป็น Body on frame (Chassis)
โดยใช้รวมกับไฮลักซ์ รีโว่ และฟอร์จูนเนอร์ ในรุ่นใหม่นี้เปลี่ยนมาใช้ TNGA ที่เป็น Monocoque มันมีโครงสร้างเป็นส่วนหนึ่งของตัวถัง ซึ่งรถที่ใช้โครงสร้างแบบนี้ได้แก่ รถเก๋ง รถตู้โดยสาร และรถ SUV พร้อมกับปรับเปลี่ยนจากรถขับเคลื่อนล้อหลัง ให้กลายเป็นรถแบบขับเคลื่อนล้อหน้า
เรามาดูข้อดีข้อเสียกันระหว่าง แชสซี กับ โมโนค๊อก
แชสซี (Chassis)
- ข้อดี คือ แข็งแรง รับแรงบิดได้ดี ทนทาน บรรทุกน้ำหนักได้มาก ถอดเปลี่ยนตัวถังได้
- ข้อเสีย คือ น้ำหนักมาก การเกาะถนนน้อย เหล็กอาจเป็นสนิมได้ง่าย สิ้นเปลืองพลังงาน
โมโนค๊อก (Monocoque)
- ข้อดี คือ น้ำหนักเบา มีความยืดหยุ่น ประกอบง่าย ไม่ค่อยสิ้นเปลืองพลังงาน
- ข้อเสีย คือ รับน้ำหนักได้ไม่มาก ลุยงานหนักๆ ได้ไม่ดี
Innova Zenix 2023 มีรุ่นย่อย 2 รุ่น
All-New Toyota Innova Zenix HEV Smart ราคา 1,379,000 บาท
All-New Toyota Innova Zenix HEV Premium ราคา 1,479,000 บาท
การออกแบบภายนอก
การออกแบบดีไซน์รูปลักษณ์หน้าตาของ อินโนวา ใหม่คันนี้ ได้รับการปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดมาในสไตล์เท่ บึกบึน แบบรถเอสยูวี แต่มองๆไปมันก็คล้ายกับMPVรุ่นเล็กอย่าง Veloz อยู่นะ กระจังหน้าขนาดใหญ่ขึ้นทรงหกเหลี่ยมด้านในแบบลวดลายรังผึ้ง รับกับชุดไฟหน้า LED กันชนหน้าออกแบบได้อย่างลงตัวมีชุดไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED และไฟตัดหมอกหน้า LED เช่นกัน ด้านข้างตัวรถรูปทรงปราดเปรียวขึ้นดูไม่เป็นทรงกล่องหลังคาสูงๆเหมือนรุ่นที่ผ่านมา เสริมด้วยกลิ่นอายของรถสไตล์เอสยูวีด้วยซุ้มล้อสีดำทำให้รถดูบึกบึนมากขึ้น รับกับชุดล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว ด้านท้ายมากับชุดไฟท้าย LED ที่เรียบง่าย ประตูท้ายขนาดใหญ่ เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าและมีระบบ kick activated มาให้ มิติตัวถัง Innova Zenix 2023 ยาว x กว้าง x สูง มม. 4,760 x 1,850 x 1,790
การออกแบบภายใน
มีการเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานใกล้เคียงกับรถยนต์ระดับหรู ภายในเราได้รุ่น Premium ภายในจึงหรูหราด้วยสีทูโทน น้ำตาล ดำ เบาะคู่หน้าหุ้มหนังสีทูโทน นุ่ม กระชับนั่งสบาย ฝั่งคนขับปรับไฟฟ้า ส่วนคนนั่งปรับมือไปก่อนนะครับ เบาะนั่งแถวที่ 2 เป็นจุดเด่นของ Innova Zenix คันนี้เลยเพราะมันเป็นเบาะที่นั่งแบบกัปตันซีทแยกอิสระซ้าย-ขวา สามารถปรับระดับด้วยไฟฟ้า พร้อมที่รองน่องแบบปรับระดับได้ Ottoman นั่งสบายหลับเพลินตลอดการเดินทาง ตรงกลางระหว่างเบาะทั้งสองฝั่งมีโต๊ะส่วนตัวแบบพับได้มาให้ หลังคากระจก Panoramic Retractable Roof ทำให้ห้องโดยสารกว้างขวางโปร่งมากขึ้นพร้อมไฟ ambient light ช่วยสร้างบรรยากาศยามค่ำคืน เพลิดเพลินตลาดการขับขี่ด้วยหน้าจออินโฟเทนเมนท์ระบบสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว รองรับระบบ Apple Car Play แบบไร้สาย และ anroid auto มี wireless Charger มาให้ ระบบเบรกมือไฟฟ้าพร้อม Brake Hold และหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ TFT ขนาด 7 นิ้ว
เครื่องยนต์ที่ปรับใหม่แรง และประหยัดกว่าเดิม
จากรุ่นก่อนหน้าเป็นเครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 172 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 14.1 กิโลเมตร/ลิตร และเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 137 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 11.2 กิโลเมตร/ลิตร เปลี่ยนมาเป็น เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ทำงานประสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมกันสูงสุด 186 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ e–CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 21.3 กิโลเมตรต่อลิตร
ทดลองขับ TestDrive Toyota Innova Zenix2023
ถึงเวลาแล้วที่เราจะมาทดลองขับกันว่าการเปลี่ยนแปลงของ Innova Zenix มันจะดีขึ้นขนาดไหน บนเส้นทางแบบสั้นๆกรุงเทพ- ระยอง ขับแบบใช้งานจริงนั่ง4คนพร้อมสัมภาระ มาดูซิว่ามันจะดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าขนาดไหน เราเริ่มจากถนนในตัวเมืองซึ่งมันสามารถทดสอบความคลองตัวในการขับขี่ได้ดี ต้องบอกเลยครับว่าเห็นคันใหญ่ๆแบบนี้ ขับง่ายขับสบายกว่าที่คิดนะครับ ความคล่องตัวสำหรับรถไซส์นี้ถึงว่าทำได้ดีสามารถลัดเลาะได้สบาย อัตราเร่งช่วงออกตัวก็เพียงพอต่อการใช้งาน
หลุดออกมานอกเมืองหน่อยไปที่ถนนโล่งๆลองกดคันเร่งลองสมรรถนะของเครื่อง 2.0 ไฮบริด 186 แรงม้า ที่ยกมาจาก Lexus UX250 กันหน่อยดีกว่า ความเร็วเพิ่มขึ้นต่อเนื่องแบบลื่นไหลไม่ได้กระโชกโฮฮาก ทำงานผสานกับเกียร์ e-CVT ได้ลื่นไหลสมูท มากครับ ความเร็วไปแตะที่ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้แบบไม่ยากเย็นนัก ขับดีกว่ารุ่นก่อนหน้าครับคอนเฟริ์ม การเร่งแซงไม่มีปัญหาสบายหายห่วง ส่วนเรื่องความประหยัดผมขับไปถึงระยองได้อยู่ที่ประมาณ 17.4 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่าประหยัดเอาเรื่องนะครับกับรถไซส์นี้
เรื่องของระบบช่วงล่างที่เปลี่ยนมาใช้ ด้านหน้าแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังเป็นทอร์ชั่นบีม พร้อมเหล็กกันโคลง ผสานกับแพลตฟอร์มใหม่ ทำให้ Innova Zenix คันนี้ขับดีขึ้นเยอะ วิ่งด้วยความเร็วสูงตรงยาวๆตัวรถยังคงนิ่ง ดูดซับแรงสั่นสะเทือนของผิวถนนได้ยอดเยี่ยม แถมเก็บเสียงรบกวนได้ดี การเข้าโค้งทำได้ดีไม่มีอาการโคลงให้ได้สัมผัส แน่น หนึบกว่ารุ่นก่อนหน้าเยอะครับ แต่ถ้าเข้าโค้งแรงๆความเร็วสูงๆ ก็มีอาการโคลงนะครับ เพราะรถคันนี้ออกแบบมาเป็นรถครอบครัวระบบช่วงล่างจึงถูกปรับเซ็ทให้เน้นไปที่ความนุ่มนวลเป็นหลัก ไม่ได้ออกแบบมาไว้ซิ่งนั้นเอง แต่เซ็ทมาได้นุ่มนวลและหนึบแน่นขนาดนี้ต้องยกนิ้วให้ครับ
สรุป
เลยดีกว่าครับ เรื่องรูปลักษณ์ภายนอกออกแบบมาได้ลงตัวบึกบึน เท่ กว่ารุ่นก่อนหน้าที่เป็นทรงกล่องหลังคาสูงๆเยอะครับ ภายในวัสดุคุณภาพพอใช้ เบาะนั่งสบายทั้งแถวหน้า แถวสอง โดยเฉพาะรุ่นท็อป ส่วนแถวสามก็นั่งไปจริง เครื่องยนต์ไฮบริดขับสนุกขึ้น แถมยังประหยัดน้ำมันขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันขาดก็เล็กน้อยเท่านั้นอย่างเช่น ไม่มี wireless charger มาให้ ส่วนระบบความปลอดภัยใส่มาให้แบบครบๆ มากับราคาที่สูงไปนิดที่ 1.379 –1.479 ล้านบาท แต่ถ้ามองว่าแลกกับความกว้างขวาง นั่งสบาย ขับสนุก และประหยัด Innova Zenix มันก็คุ้มค่าเงินแน่นอนครับ
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th