เทียบฟอร์ม—3 คอมแพ็กต์ซีดานเมืองไทย 2021!
ก่อนจะเปิดตัวในบ้านเราอย่างเป็นทางการ มาลองดูกันว่า All-New Honda Civic 11th Gen เจ้าของตำแหน่งยอดขายสูงสุดกลุ่ม C-Segment ในประเทศไทย ประจำปี 2020 มีความเปลี่ยนแปลง และอะไรที่แตกต่างจากเดิมเพื่อดวลกับ 2 คู่แข่งหน้าเดิมในตลาดอย่าง Toyota Corolla Altis และ Mazda3—2021 UPDATE!: เราได้เพิ่มข้อมูลล่าสุดหลังการเปิดตัว All-New Honda Civic 2021 อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2021 เป็นที่เรียบร้อย
ข้อมูลของ All-New Honda Civic 11th Gen ที่นำมาใช้จะเป็นเวอร์ชั่นสหรัฐฯ ตัวถังซีดานรุ่นท็อป Touring เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ 1.5 ลิตร—ข้อมูลล่าสุด! 2021 UPDATE: เราเพิ่มข้อมูลล่าสุดของ All-New Honda Civic 2021 ที่ขายในประเทศไทย โดยเลือกรุ่น RS ตัวท็อปสุดมา เปรียบเทียบกับ 2 คู่แข่งที่จะเป็น Mazda 3 Sedan 2.0 SP และ Toyota Corolla Altis Hybrid Premium Safety โดยจะมีข้อมูลรุ่นรองแทรกๆ เพื่อให้เห็นความแตกต่างระหว่างรถทั้ง 3 แบรนด์ได้ชัดมากขึ้น
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม ฮอนด้า เปิดตัว All-New Civic เร้าใจกับขุมพลัง VTEC TURBO
ขนาดตัวถัง
เริ่มต้นที่ขนาดของตัวรถ หนึ่งในเหตุผลหลักๆ ของการตัดสินใจซื้อรถใหม่ของหลายคน โดย All-New Civic 11th Gen สเป็กอเมริกามีสัดส่วนความยาว (ยาวx กว้าง x สูง มม.) 4,674 x 1,800 x 1,415 มม. หากเทียบกับรุ่นปัจจุบันที่ขายในประเทศไทย Civic รุ่นซีดาน 1.5 VTEC Turbo RS จะสั้นกว่า 26 มม. ความกว้างน้อยกว่า 1 มม. และสูงกว่า 1 มม. แต่ตอนเปิดตัวขายจริงที่ไทย ความแตกต่างเพียง 1 มม. อาจจะกลับมาเท่ากันได้—ต้องลองดู
ข้อมูลล่าสุด! 2021 UPDATE: All-New Honda Civic เวอร์ชั่นประเทศไทยจะมีมิติตัวถังแตกต่างจากในประเทศสหรัฐฯ เล็กน้อย โดยความยาวจะเป็น 4,678 x ความกว้าง 1,802 x ความสูง 1,415 มม. หากเทียบกับเจเนอเรชั่น 10 ที่ขายในประเทศไทย Civic รุ่นซีดาน 1.5 VTEC Turbo RS จะสั้นกว่า 30 มม. ความกว้างน้อยกว่า 2 มม. แต่สูงกว่า 1 มม.
ทางด้านคู่แข่ง Corolla Altis Hybrid Premium Safety มิติตัวถัง 4,630 x 1,780 x 1,455 มม. จะเห็นได้ว่าความสูงของฝั่ง Toyota เหนือกว่า Honda Civic รวมทั้ง Mazda3 จากการที่รถยนต์คอมแพ็กต์ซีดานของ Toyota ถูกนำไปใช้เพื่อเป็นรถผู้บริหารรุ่นใหม่จนถึงรถสาธารณะที่ห้องโดยสารด้านหลังต้องมีความสะดวกสบาย (แต่รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน จะมีความสูงลดลงมาเหลือ 1,435 มม.)
ตรงจุดนี้ทำให้ Mazda3 Sedan 2.0 SP อาจจะด้อยกว่าคู่แข่งทั้ง 2 แบรนด์จากการที่พวกเขาสร้างรถมาเพื่อความเร้าใจในการขับขี่—Feel the Drive ทำให้การออกแบบห้องโดยสารจะให้อารมณ์สปอร์ต เบาะนั่งคนขับจะค่อนข้างกระชับกับตัว และตอนหลังอาจจะนั่งไม่สบายเท่าไรสำหรับคนรูปร่างใหญ่ ทั้งที่ตามสเป็ค (4,660 x 1,795 x 1,440 มม.) ตัวถังจะมีความยาว และกว้างกว่า Corolla Altis Hybrid ด้วยซ้ำ แต่การที่ความสูงน้อยกว่า 15 มม. ทำให้เวลามองจากภายนอกจะรู้สึกเหมือน Mazda3 Sedan คันเล็กกว่า
เรื่องเดียวที่ Corolla Altis เสียบเปรียบคู่แข่งอีก 2 ค่าย คือการที่มีตัวเลือกเพียงรุ่นซีดาน (หากไม่นับรวม Corolla Cross) ทำให้กลุ่มคนใช้รถวัยทำงานอาจจะถูกใจ Mazda3 ที่มีดีไซน์สะดุดตาในตัวถัง Fastback 5 ประตู แถมราคายังเท่ากับตัวถังแบบ Sedan (ทั้ง 3 รุ่นย่อย) ขึ้นอยู่กับว่าไลฟ์สไตล์ความชอบของลูกค้าเป็นแบบไหน
ในขณะที่ All-New Civic 11th Gen ต้องตามลุ้นว่าฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย จะทำตลาดตัวถังแฮตช์แบ็กต่อไปหรือไม่ หลังจากนำ Civic Hatchback กลับมาขายในเจเนอเรชั่นปัจจุบัน แต่ยอดขายไม่เปรี้ยงปร้างเท่าไร แต่ทางฝั่งอเมริกาคอนเฟิร์มว่าจะทำตลาดต่อ โดยตอนนี้ก็เผยให้คันจริงเป็นที่เรียบร้อย และมีความเป็นไปได้สูงที่จะนำขุมกำลังไฮบริดกลับมาขายภายใต้ชื่อ Civic e:HEV อีกด้วย
เครื่องยนต์
ในข้อนี้หากวัดที่ความหลากหลาย Toyota ชนะแบบขาดลอยจากการที่ Corolla Altis มีตัวเลือกเครื่องยนต์ตั้งแต่ 1.6 ลิตร, 1.8 ลิตร และไฮบริด ขณะที่ Mazda ไม่เปิดโอกาสให้ลูกค้าเลือกมีเครื่องยนต์ Skyactiv-G 2.0 เพียงตัวเดียวทั้งในรุ่น Sedan และ Fastback
สำหรับ All-New Civic 11th Gen ดีไซน์ใหม่ แต่ขุมกำลังคาดว่าจะเป็นบล็อกเดิม (รหัส L15B7) เหมือนเวอร์ชั่นอเมริกา โดยเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ 1.5 ลิตร จะปรับเพิ่มกำลังขึ้นเป็น 180 แรงม้า (+6 แรงม้าจาก 10th Gen) ที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดเพิ่มเป็น 240 นิวตันเมตรที่ 1,700-4,500 รอบต่อนาที พร้อมทั้งพัฒนาให้ทำงานร่วมกับระบบเกียร์ CVT ให้มีการตอบสนองฉับไวมากขึ้น รวมทั้งเสียงเครื่องยนต์ที่สร้างความเร้าใจ และอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ดีกว่าเดิม
ข้อมูลล่าสุด! 2021 UPDATE: All-New Honda Civic เวอร์ชั่นประเทศไทย สร้างเซอร์ไพรส์ไม่น้อยกับการที่ตัดตัวเลือกขุมกำลัง 1.8 ลิตรออกไป โดยทั้ง 3 รุ่นย่อย EL, EL+ และ RS จะใช้เครื่องยนต์1.5 ลิตร DOHC VTEC TURBO ใหม่ 4 สูบ 16 วาล์ว มาพร้อม Turbo Charger ที่อัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ได้อย่างรวดเร็ว ให้กำลังสูงสุด 178 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตรที่ 1,700-4,500 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ให้อัตราเร่งและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 17.2 กิโลเมตร/ลิตร อีกทั้งยังรองรับพลังงานทางเลือก E85 พร้อมโหมดการขับขี่ที่เลือกได้ตามสไตล์ 3 โหมดคือ ECON Mode: โหมดการขับขี่แบบประหยัด, Normal Mode: โหมดการขับขี่แบบปกติ และ Sport Mode: โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (เฉพาะรุ่น RS)
แต่ใครที่ถูกใจ Mazda3 อาจจะต้องรอลุ้นอีกสักพัก เพราะสมควรแก่เวลาที่จะมีไมเนอร์เชนจ์ใหญ่สักรอบหลังจากเจเนอเรชั่นล่าสุดเปิดตัวขายในบ้านเรามาเกือบ 2 ปีแล้ว โดยหลายคนเฝ้ารอเครื่องยนต์ Skyactiv-X เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของค่ายนี้ที่ใช้กำลังอัดแทนการใช้หัวเทียนในการจุดระเบิด ตามสเป็กที่ขายอยู่ในประเทศออสเตรเลีย พละกำลังจะเพิ่มขึ้นเป็น 178 แรงม้า และแรงบิด 224 นิวตันเมตร จนทำให้สงสัยเหลือเกินว่าบ้านเรารออะไรอยู่
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
ต่อเนื่องจากสมรรถนะเครื่องยนต์ อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันตามตัวเลขของมาตรฐานทดสอบของหน่วยงานอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของประเทศสหรัฐฯ (EPA) All-New Civic 11th Gen Touring มีอัตราสิ้นเปลือง 14.5 กิโลเมตร/ลิตร ในการขับสภาวะรวม โดยการขับในเมืองจะลงมาเหลือ 13.2 กิโลเมตร/ลิตร และการขับบนไฮเวย์จะดีขึ้นมาที่ 16.1 กิโลเมตร/ลิตร (ทั้งหมดเป็นการคำนวณจากหน่วยวัดไมล์ต่อแกลลอน)
หากมองจากตัวเลขนี้ค่อนข้างจะห่างไกลกับอัตราสิ้นเปลือง 17.9 กิโลเมตร/ลิตรของ Civic 1.5 VTEC Turbo RS ที่ขายในประเทศไทย (ตามข้อมูลอีโคสติกเกอร์) และสามารถรองรับน้ำมันสูงสุดแก๊สโซฮอล์ E20 แต่ทั้งนี้คงต้องรอวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการเราถึงจะรู้
ข้อมูลล่าสุด! 2021 UPDATE: All-New Honda Civic เวอร์ชั่นประเทศไทย อัพเกรดให้เครื่องยนต์ VTEC TURBO รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงได้สูงสุดที่ E85 และสร้างอัตราประหยัดเชื้อเพลิงที่ 17.2 กิโลเมตรต่อลิตร ในขณะที่รุ่นก่อนรองรับน้ำมันเชื้อเพลิง E20 และมีอัตราสิ้นเปลือง 17.9 กิโลเมตรต่อลิตร
สำหรับ 2 คู่แข่งที่เหลือ Mazda3 ในทุกรุ่นย่อยทั้งตัวถัง Sedan/Fastback อัตราสิ้นเปลืองในการขับสภาวะรวมจะอยู่ที่ 15.9 กิโลเมตร/ลิตร เท่ากับรุ่นล่างสุด Corolla Altis 1.6G โดย 1.8 Sport/GR Sport ตัวเลขจะลดมาเหลือ 15.6 กิโลเมตร/ลิตร แต่ทั้งหมดนี้สามารถเติมน้ำมัน E85 ทำให้ประหยัดเงินในกระเป๋าไปอีกพอสมควร
อย่างไรก็ตามที่ประหยัดน้ำมันสูงสุดใน 3 ค่ายนี้ เดาไม่ยาก Corolla Altis Hybrid กินขาดจากการมีมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยเสริมกำลังของเครื่องยนต์ทำให้ขับไป 23.3 กิโลเมตรใช้น้ำมันแค่ 1 ลิตร
เทคโนโลยี—ระบบความปลอดภัย
ตามคอนเซ็ปต์ Civic 11th Gen ได้รับการพัฒนาด้วยจุดมุ่งหมาย Driver Focused Technology ทำให้เกี่ยวเนื่องไปถึงดีไซน์ภายในห้องโดยสารที่เป็นการพลิกโฉมครั้งสำคัญของคอมแพ็กต์ซีดานยอดนิยมรุ่นนี้ ด้วยการลดปุ่มควบคุมให้เหลือน้อยที่สุดตามเทรนด์ Minimalism พร้อมนำแนวทาง M/M เข้ามาใช้เพื่อออกแบบตำแหน่งการนั่งของคนขับให้เหมาะสมตามหลักสรีระศาสตร์ และสร้างวิสัยทัศน์ที่ดีที่สุดในการขับขี่
ในรุ่นท็อป Civic Touring จะเป็นครั้งแรกที่จะติดตั้งหน้าจอ LCD แสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 10.2 นิ้ว (โดยรุ่นรองจะเป็นจอ LCD 7 นิ้วที่เหมือนใน Accord) โดยบริเวณคอนโซลกลางติดตั้งจอ HD 9 นิ้ว เพื่อควบคุมระบบความบันเทิง (จอทัชสกรีน 7 นิ้วสำหรับรุ่นรอง) รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนทั้ง 2 ระบบปฏิบัติการณ์ Apple CarPlay และ Android Auto
ข้อมูลล่าสุด! 2021 UPDATE: All-New Honda Civic เวอร์ชั่นประเทศไทย ในรุ่น RS จะมีความพิเศษที่ติดตั้งระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะพร้อม Honda Smart Key Card ที่เพียงแค่พกการ์ดใบเดียวไว้กับตัวคุณก็จะสามารถล็อก/ปลดล็อกรถได้อย่างสะดวกสบาย มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา และฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) เทคโนโลยีเชื่อมต่อรถยนต์ที่ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน
ในขณะที่ All-New Civic รุ่น EL และ EL+ จะเป็นมาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท และระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
แต่ไฮไลต์สำคัญที่ Honda เลือกมาโปรโมต Civic 11th Gen ในสหรัฐฯ เป็นชุดเครื่องเสียง Bose พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่งที่กลายเป็นของเก่าสำหรับผู้ใช้รถยนต์ Mazda3 ในประเทศไทยที่ติดตั้งมาในรุ่นท็อป 2.0 SP ตั้งแต่เปิดตัว รวมทั้งเป็นค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นเจ้าแรกๆ ที่นำเสนอหน้าจอควบคุมระบบความบันเทิงที่แยกออกมาเหมือนแท็บเล็ตบริเวณคอนโซลกลางถึงจะมีไซส์เล็กกว่า Civic 0.2 นิ้ว แต่ดีไซน์ออกมาได้ลงตัวกว่ามาก จนไม่ขอพูดถึง Corolla Altis Hybrid ที่คงต้องรีบอัพเกรดด่วนๆ ในส่วนของอุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งระบบเครื่องเสียงที่ Toyota ให้มาเป็นลำโพง 6 ตำแหน่งรองรับ Apple CarPlay แค่ระบบเดียวอีกด้วย
สำหรับระบบความปลอดภัย All-New Civic 11th Gen จะมาพร้อม Honda Sensing ที่ล้ำสมัยขึ้นกว่าเจเนอเรชั่นที่แล้ว เพิ่มกล้องจับภาพมุมกว้างด้านหน้าใหม่ ทำงานร่วมกับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ (Traffic Jam Assist) และระบบเบรกอัตโนมัติในความเร็วต่ำ (Low Speed Braking Control) เวอร์ชั่นใหม่ การออกแบบถุงลมนิรภัยคู่หน้าใหม่เพื่อลดความรุนแรงของการบาดเจ็บทางสมอง และบริเวณคอ หากเกิดอุบัติเหตุ โดยเป็นครั้งแรกที่มีการติดตั้งถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับผู้โดยสารด้านหลังอีกด้วย รวมทั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่ทั้งระบบควบคุมความเร็วแปรผัน Adaptive Cruise Control และระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องจราจร Lane Keeping Assist System
ข้อมูลล่าสุด! 2021 UPDATE: All-New Honda Civic เวอร์ชั่นประเทศไทย ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการทำงานหลักๆ ดังนี้
• ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) ระบบช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วเมื่อมีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน หรือคนเดินถนนที่อยู่ในระยะไม่ปลอดภัย และเมื่อมีความเสี่ยงต่อการชน ระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
• ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
• ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
• ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
• ใหม่ ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)
พร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยที่ครบครัน* อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor) กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบ Auto Brake Hold ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมเตือนผู้โดยสารด้านหลัง (Front Passenger and Rear Seat Belt Reminder) และไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder) เป็นต้น
ขณะที่ Toyota ยกระดับความปลอดภัยมากขึ้นสำหรับ Corolla Altis เจเนอเรชั่นล่าสุดทั้งระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Active Safety) ติดตั้งมาเป็นมาตรฐานในทุกรุ่นย่อย ประกอบด้วยระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Monitor, ระบบช่วยเตือนในขณะถอยรถ Rear Cross Traffic Alert, ระบบควบคุมการทรงตัว Vehicle Stability Control และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Start Assist Control พร้อมเสริมด้วยToyota Safety Sense ใหม่ล่าสุดติดตั้ง Dynamic Radar Cruise Control แบบ Full-Speed range ซึ่งสามารถปรับลดความเร็วจนถึงจุดหยุดนิ่งตามรถยนต์คันหน้า และระบบ Lane Tracing Assist ที่ช่วยประคองรถยนต์ให้วิ่งอยู่ในเลนแม้ในขณะเข้าโค้งใน Corolla Altis Hybrid Premium Safety รวมทั้งรุ่นรอง Hybrid Premium
ทางด้าน Mazda3 เรียกเทคโนโลยีความปลอดภัยของพวกเขาในชื่อ i-Activsense มีการป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุชุดใหญ่ประกอบด้วย
- ระบบควบคุมความเร็ว และพวงมาลัยตามรถคันหน้า Cruising & Traffic Support
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า และช่วยเบรกอัตโนมัติ Advanced Smart Brake Support
- ระบบช่วยหยุดรถเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง Smart Brake Support-Reverse Crossing
- ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert
- ระบบช่วยเบรก และหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง Smart Brake Support-Reverse
- ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ Adaptive LED Headlamps
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน Advanced Blind Spot Monitoring
- ระบบแสดงภาพ 360 องศารอบทิศทาง 360° View Monitor
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane Keep Assist System
- ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน Lane Departure Warning System
- ระบบเตือนเมื่อเกิดความอ่อนล้าขณะขับขี่ Driver Attention Alert
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Mazda Radar Cruise Control
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า-ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมบริเวณหัวเข่าด้านคนขับ รวม 7 ตำแหน่ง
ราคาจำหน่าย
องค์ประกอบสุดท้ายของการตัดสินใจซื้อรถยนต์คงหนีไม่พ้น ‘ราคา’ โดยตอนนี้เรายังไม่รู้ว่า All-New Civic 11th Gen จะเปิดตัวกี่รุ่นย่อย และราคาบวก/ลบเท่าไร โดยข้อมูลที่นำมาเปรียบเทียบระหว่าง Civic 9th Gen (FB) กับ Civic 10th Gen (FC) ค่อนข้างลำบากเพราะความแตกต่างในด้านเครื่องยนต์ที่เป็นการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคเทอร์โบตามข้อกำหนดด้านไอเสีย
ข้อมูลล่าสุด! 2021 UPDATE: หากเทียบกับ Civic 10th Gen ในรุ่นใหม่จะตัดรุ่นล่างสุด E ออกไป ทำให้ EL กลายเป็นรุ่นเริ่มต้นของ Civic 2021 ในราคา 964,900 บาท (+5,900 บาทจาก EL รุ่นที่แล้วเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร) และรุ่นกลางปรับเป็น EL+ ราคาเกินล้านไปเล็กน้อย (1,009,900 บาท) และตัวท็อปจากรุ่นก่อนที่จะแบ่งเป็น 2 รุ่นย่อยขุมกำลัง 1.5 ลิตร แต่การที่พวกเขาตัดตัวเลือกเครื่องยนต์ 1.8 ลิตรไปทำให้ RS เป็นตัวท็อปหนึ่งเดียวในราคา 1,199,900 บาท
All-New Honda Civic 2021 มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย:
• รุ่น RS ราคา 1,199,900 บาท
• รุ่น EL+ ราคา 1,009,900 บาท
• รุ่น EL ราคา 964,900 บาท
หากใช้รหัสรุ่นย่อยที่เหมือนกัน Civic 9th Gen ที่เปิดตัวในเดือนพฤษภาคม 2012 รุ่น 1.8E AT ราคาอยู่ที่ 909,000 บาท (รุ่น 1.8 E AT Navi ราคา 964,000 บาท) หลังจากนั้น 4 ปีในการเปิดตัว Civic 10th Gen ราคารุ่น 1.8 E ปรับลดมาเป็น 869,000 บาท โดย 3 รุ่นบนที่เหลือจะไล่เรียงมาเป็น 959,000 บาท (1.8 EL), 1,099,000 บาท (1.5 Turbo) และ 1,199,000 บาท (1.5 Turbo RS) เพื่อให้เข้าใจชัดเจนลองดูตารางข้อมูลราคาด้านล่าง
เช่นเดียวกับ 2 คู่แข่ง Mazda3 ทั้ง 3 รุ่นย่อย (2 ตัวถัง) ราคาจะอยู่ระหว่าง 969,000-1,198,000 บาท และ Toyota จะได้เปรียบตรงตัวเลือกรุ่นย่อยเยอะ ราคาของ Corolla Altis จะสตาร์ทที่ 879,000 บาท ไปจบที่ 1,099,000 บาทในรุ่น Hybrid Premium Safety
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: บริษัทรถยนต์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th