The All New Flying Spur สุดยอดอัครยานยนต์ หรูและแรง ค่าตัว 25.99 ล้านบาท
บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส ผู้แทนจัดจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในเมืองไทย เผยโฉมที่สุดแห่งแกรนด์ทัวริ่งซีดาน 4 ประตู สุดหรูสัญชาติอังกฤษ คงความหรูหราพร้อมการตกแต่งสุดร่วมสมัย อย่าง The All New Flying Spur (ดิออล์นิว ฟลายอิ้ง สเปอร์) ครั้งแรกในประเทศไทย ณ โชว์รูมเบนท์ลีย์ CTI Tower ถนนรัชดาภิเษก
The All New Flying Spur
เป็นที่รู้กันเป็นอย่างดีกับสัญลักษณ์แห่งที่สุดในโลกแห่งยนตกรรมอย่าง ฟลายอิ้ง บี (Flying B) มาสคอตของเบนท์ลีย์ ซึ่งจะถูกนำมาเพิ่มความหรูหราและผสานความร่วมสมัยเป็นครั้งแรกให้กับ ดิออล์นิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ แกรน ทัวเรอร์ 4 ประตู สุดหรูสัญชาติอังกฤษ ด้วยดีไซน์สุดล้ำสมัยตอบรับทศวรรษหน้า ฟลายอิ้ง บี ถูกออกแบบมาให้ฝังอยู่ภายใต้โลโก้ปีกนกของเบนท์ลีย์บริเวณฝาประโปรงหน้า และสามารถปรับขึ้นมาเหนือฝากระโปรง ตอกย้ำความเป็นที่หนึ่งในด้านเทคโนโลยีความล้ำสมัยของ ฟลายอิ้ง สเปอร์ ในเจนเนอเรชั่นที่ 3 โดยอนาคตของต้นแบบยนตกรรมหรู ฟลายอิ้ง บี ได้ถูกนำมาใช้กับคอนเซปคาร์อย่าง EXP 100 GT ซึ่งถือเป็นไอคอนสุดอัจฉริยะ ด้วยฟังก์ชันเรืองแสง โดยสามารถปรับแสงตั้งแต่กระจังหน้ารถ ผ่านตัวมาสคอต ฟลายอิ้ง บี ตลอดจนตัวถังถึงห้องโดยสาร
ฟลายอิ้ง บีได้ถูกนำมาใช้ครั้งแรกเมื่อเกือบ 90 กว่าปีที่แล้ว กับโมเดลเครื่อง 8 ลิตร ปี 1930 ตัวมาสคอตไม่ได้ถูกใช้ให้เป็นมาตรฐานในสมัยนั้น เพียงแต่เป็นทางเลือกให้กับลูกค้าเท่านั้น ซึ่งมาสคอตแบบดั้งเดิมเป็นตัวอักษร B ประกบด้วยปีกนก และมีลักษณะแบนเรียบ ถือกำเนิดโดย W.O. Bentley ผู้ก่อตั้งบริษัท Bentley Motor ในปี 1919 ซึ่งเป็นเวลากว่า 100 ปี เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี รูปแบบมาสคอตได้ถูกออกแบบใหม่ให้สอดคล้องกับอีกทศวรรษของเบนท์ลีย์ และถือเป็นวิวัฒนาการของการออกแบบมาสคอตแบบดั้งเดิม สำหรับ เดอะ นิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ นั้น ตัวมอสคอตได้ถูกออกแบบมาให้สามารถควบคุมและปรับแสงด้วยระบบไฟฟ้า ซึ่งเชื่อมกับ Welcome Lighting และระบบกุญแจอัจฉริยะเมื่อผู้ขับเข้าใกล้ตัวรถ
ดิ ออล นิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ (The All New Flying Spur) รวมเอาความโฉบเฉี่ยวของสปอร์ต ซีดาน และนิยามใหม่ของความหรูหราแบบร่วมสมัยเข้าด้วยกัน ซึ่งการออกแบบ การประกอบและวางระบบ รวมถึงงานฝีมือได้ถูกดำเนินการในประเทศอังกฤษ ประเทศที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตรถแกรนทัวร์เรอร์อันดับต้นๆของโลก ทำให้มั่นใจได้ถึงความเป็นที่สุดของความปราณีตและใส่ใจในทุกรายละเอียด ถูกสรรค์สร้างมาให้นำเสนอดีไซน์ดั่งการแกะสลัก แต่ยังคงไว้ซึ่งความทันสมัย และมีสัดส่วนโครงสร้างที่แข็งแรงที่เป็นความโดดเด่นของเจเนอเรชั่นนี้ โครงสร้างของไฟหน้า LED ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแก้วคริสตัล และล้อมไปด้วยแผ่นโลหะเคลือบโครเมียม พร้อมไฟท้ายแบบใหม่ถูกออกแบบมาเป็นรูป ตัวอักษร B อีกทั้งล้อใหม่ขนาด 22 นิ้ว ที่ออกแบบมาเพื่อบุคลิกที่แสดงให้เห็นถึงความเหนือกว่าของ ดิ ออลนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์
ทั้งนี้ การออกแบบใหม่ของ โลโก้ ฟลายอิ้ง บี ในศตวรรษนี้ ที่กระจังหน้านั้น ได้ถูกปรับให้มีความทันสมัยขึ้น ซึ่งเป็นครั้งแรกของ ฟลายอิ้ง สเปอร์ ที่ได้ถูกออกแบบมาให้มีความงดงามโฉบเฉี่ยว เสนอรูปลักษณ์ของความมีคุณภาพของรถรุ่นนี้
พลังฝีมือทางด้านเทคโนโลยี ของ เดอะ นิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ ไม่เป็นสองรองใคร โดยได้ถูกกำหนดให้เป็นรถแกรนด์ทั่วริ่งซีดาน ที่มีความหรูหราที่สุดในตลาดปัจจุบันนี้ โดยนำเสนอทั้ง เทคโนโลยีขั้นสุด ที่ผสานโครงรถยนต์ อะลูมิเนียม และ ระบบการควบคุมไฟฟ้า ถึง 48 โวลต์เข้าด้วยกัน
การขับเคลื่อนของ เดอะ นิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ นั้นถูกออกแบบให้เป็นการคลับเคลื่อนแบบสี่ล้อ ควบคู่ไปกับระบบ Active All-Wheel Drive และ Bentley Dynamic Ride ทำให้ผลการตอบสนอง ของระบบควบคุมนั้นมีประสิทธิภาพมาก มาพร้อมกับระบบกันสะเทือนใหม่ โดยใช้แอร์สปริงแบบ Three-chamber ทำให้ระบบช่วงล่างนั้นสามารถปรับให้มีความนุ่นลึกแบบรถลีมูซีน และยังสามารถตอบสนองอารมณ์การขับขี่แบบสปอร์ตได้อย่างลงตัว โดยเน้นประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับที่ไม่เคยพบในรถในรุ่นเซ็กเมนท์นี้มาก่อน
นอกจากนั้น ฟลายอิ้ง สเปอร์ ยังนำเสนอตัวช่วยในการขับขี่อีกหลายระบบ ทั้งแบบมาตรฐาน ที่รวบรวมฟังก์ชั่นต่างๆ อย่าง Traffic Assist, City Assist and Blind Spot Warning โดยที่ระบบเบรคของเบนท์ลีย์ได้รวบรวมระบบเทคโนโลยีความปลอดภัยชั้นสูงเอาไว้มากมาย
โดยหัวใจหลักของเครื่องยนต์ เดอะ นิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ นั้นได้ใช้ระบบขับเคลื่อนใช้ขุมพลังบล็อก W12 ความจุ 6.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ ชาร์ต ระบบเกียร์ดูโอคลัช 8 สปีด TSI พละกำลังอยู่ที่ 635 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 900 นิวตันเมตร ที่ 1,350 รอบต่อนาที ทำความเร็วที่ 0-100 กิโลเมตร ต่อชั่วโมงที่เวลา 3.8 วินาทีและ ความเร็วสูงสุดที่ 333 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ในส่วนของช่วงล้อนั้น เดอะ นิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ ได้เพิ่มความยาวขึ้น 130 มิลลิเมตร ส่งผลให้มีห้องโดยสารที่กว้างขึ้น เพิ่มความหรูหราให้กับห้องโดยสาร เสริมความวิจิตรบรรจงด้วยแผ่นไม้วีเนียร์ ทั้งแบบสีเดียว และแบบทูโทนให้เลือก โดยในส่วนออฟชั่นนั้น ยังรวมไปถึงการปักของเบาะหนัง Mulliner Driving Specification ลวดลายเหลี่ยมเพชรอีกด้วย ซึ่งเป็นครั้งแรกในโลกที่มีการปักลวดลายเพชร 3 ชั้น ในส่วนของประตูข้าง
ความโดดเด่นของเทคโนโลยี เดอะ นิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ ไม่เป็นสองรองใคร ด้วยฝีมืออันประณีตบรรจงทีมวิศวกรรมชั้นครูที่ผสานความสบายของผู้โดยสารด้วยการรังสรรค์หน้าจอดิจิตอลแบบทัชสกรีน (HD Digital) ที่ให้ความคมชัด พร้อมกับหน้าปัดแบบ Rotating display ที่คอลโซลกลาง ขนาด 12.3 นิ้ว ประดับไปด้วยไม้วีเนียร์ พร้อมไปด้วยรีโมตคอนโทรลของหน้าจอทัชสกรีนที่ควบคุมคำสั่งได้จากผู้โดยสารด้านหลัง ทั้งหมดนี้ทำให้ เดอะ นิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ เป็นยนตรกรรมชั้นเอกที่มีความทันสมัยของนวัตกรรม และให้ความรู้สึกหรูหราตลอดการเดินทาง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ที่ต้องการความทันสมัย โดยภายในห้องโดยสารยังสามารถเลือกหลังคาแก้วแบบพาโนรามิครูฟซึ่งมีความยาวตลอดหลังคารถได้อีกด้วย
ฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) – นิยามใหม่แห่งการดีไซน์
ความโดดเด่นในการออกแบบของ ฟลายอิ้ง สเปอร์ ได้ถูกออกแบบใหม่หมดจด ด้วยรูปทรงที่ทันสมัยไร้ที่ติ มีการเพิ่มความยาวของฐานล้อเป็น 130 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับเจเนอเรชั่นที่ 2 ของโมเดลนี้ เดอะ นิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ นั้นถูกจัดให้มีความเข้มแข็งขึ้น บึกบึนในส่วนของเส้นหลักของตัวรถที่คมชัดและลากผ่านตัวรถไปถึงท้ายรถ
เดอะ นิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ ได้ถูกเพิ่มความสูงขึ้นเล็กน้อยด้วยโครงสร้างใหม่ โดยมีโครงสร้างที่ทำจากอะลูมิเนียม และออกแบบประติมากรรมของเส้น power line ตามต้นแบบของรุ่น เดอะ คอนทิเนนเทิล จีที (The Continental GT) โดยทีมวิศวกรรมของเบนท์ลีย์ได้นำเทคโนโลยีล่าสุดในการ อัดอะลูมิเนียม และหล่อพร้อมกับเหล็กที่มีความแข็งแรงสูง จึงได้ออกมาเป็นตัวรถที่มีความแข็งแรง หนึบแน่น เพิ่มความแข็งแรงและการทรงตัวที่ดีของรุ่นนี้ ซึ่งการรังสรรค์พิเศษสุดนี้ยังมีความโดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบ LED ที่ยังคงรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว อย่างการออกแบบแบบคริสตัลคัท พร้อมด้วยวัสดุโครเมี่ยมที่เพิ่มขึ้น ทำให้ไฟหน้ามีความเงางาม ระยิบระยับ ส่องประกายแม้จะไม่ได้เปิดไฟหน้าก็ตามที
ส่วนด้านหลัง ไฟท้ายแบบ LED ยังถูกออกแบบให้มีแนวไฟเป็นตัวอักษรกราฟิครูปตัว B ล้อมไปด้วย ลวดลาย diamond knurling ที่เป็นลวดลายตกแต่งในหลายชิ้นส่วนภายในรถ รวมถึงขอบช่องแอร์ภายในรถ และมาพร้อมกับออฟชั่นมาตรฐานของล้อขนาด 21 นิ้ว และตัวเลือกออฟชั่นพิเศษอย่าง ล้อ 22 นิ้วจาก Mulliner อีกด้วย
เดอะ นิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ ยังนำเสนอหลังคาแก้วพาโนรามิครูฟ โดยแผงด้านหน้าสามารถสไลด์ด้วยระบบไฟฟ้าไปคลุมเหนือแผงด้านหลังได้อีกด้วย ซึ่งในรุ่นนี้ยังเพิ่มในส่วนหนังแผงกันเป็นผ้า Alcantara มาพร้อมกับสีวัสดุบุหลังคาที่มีให้เลือกถึง 15 สีอีกด้วย
โดยในส่วนของ โลโก้ ฟลายอิ้ง บี (Flying B) ที่ใช้ตกแต่งบนกระโปรงหน้า ยังถูกออกแบบใหม่หมดจดที่ดูทันสมัยกว่าเดิม โดยออกแบบมาเฉพาะในโอกาสที่เบนท์ลีย์เฉลิมฉลองครบ 100 ปี เน้นไปยังความหมายของวิวัฒนาการของแบรนด์ในศตวรรษที่กำลังจะถึงนี้ โดยโลโก้สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวด้วยระบบอิเล็คทรอนิกส์สัมพันธ์กับไฟหน้ากระพริบ เมื่อเจ้าของรถเดินเข้าไปใกล้
เดอะ นิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ มีสีมาตรฐานของเบนท์ลีย์ให้เลือกถึง 17 สี โดยถูกคัดสรรให้เหมาะเจาะกับบุคลิกและลายเส้นของตัวรถที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี
ห้องโดยสาร อันหรูหราด้วยฝีมือปราณีตบรรจง
การออกแบบภายในของ เดอะ นิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ นั้นเป็นต้นแบบที่แสดงให้เห็นถึงฝีมือชั้นครูของเบนท์ลีย์ โดยเป็นผู้นำของความหรูหรา และเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอย่างไร้ซึ่งคู่เปรียบเทียบ ด้วยความโดดเด่นของสไตล์ที่มาพร้อมกับเก้าอี้ที่ให้ความสบาย และแหวกแนวด้วยลวดลายการปักที่นำเสนอสีด้ายกว่า 15 เฉดสี อีกทั้งคอนเซปต์ Bentley’s ‘Wing’ ที่ประดับไว้ที่เบาะนั่ง
การปักไปบนหนังของเบาะลายใหม่ยังได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Bentley EXP 10 Speed 6 ถูกนำเสนอผ่านลาย Three-dimensional diamond ที่สามารถพบได้บริเวณประตูเป็นครั้งแรก เท่านั้นยังไม่พอเบนท์ลีย์ยังนำเสนอลาย Diamond knurling ในส่วนของช่องแอร์ และยังถูกประดับไว้ล้อมรอบนาฬิกาอีกด้วย
นอกจากนั้น ยังมีไม้วีเนียร์ที่ประดับบริเวณแผงหน้าปัดและบริเวณประตูของรถ ส่งผลให้รถดูกว้างขึ้น มาพร้อมกับคอลโซลกลางที่มีหน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว ระบบทัชสกรีนแบบ HD ที่ดูสมดุลย์ไปกับช่องแอร์ทั้งด้านหน้าและหลัง ที่นำเสนอความไร้ที่ติของเทคโนโลยี พร้อมด้วยที่ชาร์ตสมาร์ทโฟนแบบ wireless charging และปลั๊กชาร์ต USB อีกสองจุด
เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีจอดิจิทัลอเนกประสงค์สุดล้ำของเบนท์ลีย์ ที่เรียกว่า Bentley Rotating Display เป็นหน้าจอทัชสกรีน 12.3 นิ้ว ติดตั้งบนหน้าปัด สลับหมุนเปลี่ยนได้ 3 แบบ สามารถสลับเปลี่ยนระหว่างลายไม้วีเนียร์, ทัชสกรีนอเนกประสงค์ หรือมาตรวัดแบบอนาล็อก 3 ช่องสุดคลาสสิค ที่แสดงผลของอุณหภูมิ เข็มทิศ และนาฬิกา ได้อีกด้วย ซึ่งความหรูหรา สง่างาม พร้อมรายละเอียดสุดประณีตแบบนี้จะพบได้ใน เดอะ นิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ คันนี้
ลายไม้วีเนียร์ลายใหม่ Crown Cut Walnut ได้ถูกนำเสนอให้เป็นออฟชั่นหนึ่งของ ฟลายอิ้ง สเปอร์ โดยลวดลายนี้มีความโดดเด่นในความทันสมัย และยังมีตัวเลือกเพิ่มกับ Dark Fiddleback และ Piano Black สำหรับผู้ที่ชอบลายไม้ทูโทน ที่สามารถสั่งเลือกประเภทไม้ที่ประดับห้องโดยสารได้เป็นพิเศษตามสไตล์ของแต่ละคนอีกด้วย
ในส่วนของแดชบอร์ดออกแบบให้ยาวและดูพลิ้วไหว คล้ายโลโก้รูปปีกนกของเบนท์ลีย์ ที่สวยงามลากยาวจากด้านหน้าไปด้านหลัง อีกทั้งยังมีออฟชั่นใหม่ล่าสุดอย่าง Mood Lighting ที่สามารถเลือกสีไฟภายในห้องโดยสารสร้างบรรยากาศได้ถึง 7 เฉดสีด้วยกัน
เบาะนั่งของ เดอะ นิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ ยังมีระบบฟังก์ชั่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ระบบทำความร้อน, ระบบระบายอากาศ, ระบบเก้าอี้นวด ระบบปรับเบาะ 8 ทิศทาง ซึ่งมาพร้อมกับตัวเลือกของ Mulliner Driving Specification ที่ละเมียดละไมไปด้วยการปักและถักทอของช่างฝีมือชั้นครูจากเบนท์ลีย์
โดยเบาะหลังยังให้ความรู้สึกกว้าง นั่งสบาย และให้ความรู้สึกปลอดภัย โดยเบาะหลังนั้นยังมีที่พักแขนในส่วนกลาง และที่พักคอที่สามารถพับเก็บได้อีกด้วย
เจนเนอร์เรชั่นที่ 3 ของ ดิ ออลนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ ถูกพัฒนาให้ใช้ช่วงล่างแบบถุงลมทำให้รถสามารถขับแบบสปอร์ตได้ดีขึ้น เกาะพื้นถนนได้ดี เป็นความสปอร์ตที่อยู่ในรูปแบบของรถลีมูซีนที่หรูหรา มีโหมดการขับให้เลือกใช้ และเพิ่มระบบ CDC (Continuous Damping Control) ที่ลดการสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ฟลายอิ้ง สเปอร์ ยังมาพร้อมด้วยระบบเซ็นเซอร์รอบคัน ที่สามารถวัดระยะระหว่างแกนกลางกับตัวรถ ในกรณีที่ระบบจับได้ว่าพื้นถนนมีความสูงกว่าปกติ ระบบช่วงล่างจะปรับให้ตัวรถมีความสูงขึ้นให้เหมาะสมในทันที
ระบบ Bentley Dynamic Ride System ได้ถูกออกแบบและพัฒนาระบบการทรงตัว และความนุ่มสบายมากขึ้น ระบบนี้เข้ามาจัดการความหนึบแน่นของเหล็กกันโคลงเพิ่มการเกาะตัวของรถไปตามความโค้งของถนน ทำให้มีเสถียรภาพในการขับขี่มากขึ้น โดยในรุ่นนี้ยังนำเสนอความพิเศษอย่างจานเบรคคุณภาพสูงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเช่นเดียวกับรุ่น Continental GT ที่มีขนาด 420 มิลลิเมตร โดยที่คาลิปเปอร์ยังมีชื่อของเบนท์ลีย์ติดเอาไว้ ทั้งในแบบมาตรฐานสีดำเงา และออฟชั่นพิเศษสีแดงเงาอีกด้วย
นอกจากนั้น เดอะ นิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ ยังให้เสียงท่อที่เร้าใจไม่แพ้ดีไซน์ของมัน ซึ่งได้ผลพวงมาจากท่อไอเสียแบบ adaptive ที่ควบคุมระบบลิ้นลูกสูบ และการเคลื่อนตัวของทางเดินลมและแก๊ส ที่ถูกปรับจูนมาแล้ว ทำให้มีความสนุกจากการได้ยินเสียงของท่อที่เร้าใจในรูปแบบการขับที่แตกต่างกัน
เทคโนโลยีอันชาญฉลาด ของ ดิ ออลนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์
เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ คือยนตกรรมที่บ่งบอกถึงความล้ำหน้า และวิวัฒนาการของเทคโนโลยีอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากเบนท์ลีย์ แผงหน้าปัทม์ดิจิตอลเต็มรูปแบบ และ Bentley Rotating Display หน้าจอแสดงผลสำหรับการสื่อสารข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ขับขี่ ความคมชัดจากหน้าจอระบบสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 12.3 นิ้ว ในระบบ HD โดยหน้าจออัจฉริยะสามารถนำเสนอทั้งหน้าจอเดียวและหน้าจอในอัตราสวน 2:1 หรือ สามารถแสดงผลได้ถึง 3 ฟังก์ชั่น ใน Home screen อีกด้วย
เดอะนิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ ติดตั้งระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ครบครัน ทั้ง Traffic Assist, City Assist และ Blind Spot Warning พร้อมกับระบบช่วยเหลือการมองยามค่ำคืน ที่แสดงผลแบบ Head Up Display ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถโฟกัสเส้นทางข้างหน้าไปพร้อมกับ Top View Camera ซึ่งเป็นกล้องติดหน้ารถคุณภาพสูงที่ช่วยทำให้ผู้ขับขี่บันทึกเหตุการณ์บนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นขณะขับขี่โดยรอบหรือจอดรถ รวมทั้งระบบถอยจอดอัตโนมัติอีกด้วย
นอกเหนือจากนั้นยังมีเทคโนโลยี LED Matrix ที่นอกจากจะมีความคลาสสิก สวยงาม ให้ความสว่างสดใส ยังสามารถตัดแสงไม่ให้ไปกระทบกับรถจากฝั่งตรงข้ามได้ด้วยเช่นกัน
หน้าจอที่ดูเรียบเนียนนี้สามารถถอดออกมาใช้งานเป็นรีโมทได้ด้วย
ด้านเบาะหลังฝั่งผู้โดยสาร เบนท์ลีย์ได้เพิ่มหน้าจอที่มาพร้อมกับรีโมทคอนโทรล ที่ทำจากวัสดุชั้นดี ใช้งานสะดวก ติดตั้งไว้แนบกับคอนโซล โดยสามารถกดปุ่มเพื่อดึงออกมาหากต้องการใช้เป็นรีโมท ซึ่งสามารถควบคุมระบบอื่นๆ ของ รถได้อีกด้วยไม่ว่าจะเป็นการสั่งฉากกั้น เก้าอี้นวดด้านหลัง ระบบควบคุมอุณหภูมิของผู้โดยสาร และควบคุมไฟ Mood Lighting ในรถอีกด้วย
สำหรับ เดอะ นิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ ใหม่ มีตัวเลือกระบบเสียงให้ความบันเทิง 3 แบบ ทั้งแบบมาตรฐานด้วยลำโพง 10 ตัว ระบบไฟ 650 วัตต์ หรือเครื่องเสียงชั้นนำ Bang & Olufsen 1,500 วัตต์ ที่มาพร้อมกับลำโพง 16 ตัว ที่เพิ่มระบบ BeoSonic system ทางเลือกใหม่ที่ปรับระดับเสียงเพียงสัมผัส และระบบเครื่องเสียง Naim 2,200 วัตต์ กับลำโพงถึง 19 ตัว สามารถปรับเสียงได้ถึง 8 โหมดด้วยกัน
The All New Flying Spur (ดิออล์นิว ฟลายอิ้ง สเปอร์) มีราคาจำหน่ายที่ 25,990,000 บาท ที่โชว์รูม Bentley Bangkok อาคาร CTI Tower ถนนรัชดาภิเษก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส ผู้แทนจัดจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในเมืองไทย
เรื่อง/ภาพ : พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th