The History of Honda Accord: รถซีดานที่ครองใจคนทั่วโลกมานานกว่า 4 ทศวรรษ
ฮ อน ด้า แอ ค คอร์ด 2023 ราคา
ก่อนหน้าที่ All-new Honda Accord e:HEV เจเนอเรชั่นที่ 11 จะเปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในช่วงบ่ายวันนี้ ลองมาย้อนดูเส้นทางกว่า 4 ทศวรรษของฮอนด้า แอคคอร์ด หนึ่งในรถซีดานที่ครองใจผู้คนทั่วโลก
1st Generation (1976-1981)
ย้อนกลับสู่ต้นทศวรรษ 1970 ทีมวิศวกร Honda ต้องระดมความคิดเพื่อพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ที่มีแนวทางสำคัญ คือ ปล่อยมลพิษต่ำ และมีระยะทางการวิ่งที่ไกล ท่ามกลางวิกฤติพลังงานโลกในเวลานั้น ก่อนที่พวกเขาจะเผยโฉม Accord เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 1976 ในรูปทรงของรถแฮตช์แบ็ก 3 ประตู ที่เติมเต็มความต้องการทั้ง “พื้นที่, ความสะดวกสบายในการขับขี่ และสไตล์” (Space, Driving Comfort and Style)
ในตอนนั้น Accord ที่มีขนาดฐานล้อ 2,380 มม. และน้ำหนักรวม 907 กิโลกรัม ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ที่พัฒนาขึ้นภายใต้เทคโนโลยี CVCC มีกำลังสูงสุด 68 แรงม้า เพื่อให้ตรงตามข้อกำหนดการปล่อยมลพิษของประเทศญี่ปุ่น แต่สำหรับรุ่นที่ส่งออกสู่ยุโรปจะมีกำลังเพิ่มเป็น 80 แรงม้า ก่อนที่ 1 ปีต่อมา จะส่งรุ่นซีดาน 4 ประตู ออกขาย ที่เพิ่มกำลังเครื่องยนต์เป็น 72 แรงม้า
• เทคโนโลยีหลัก
– เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร CVCC (ในปี 1978 เพิ่มตัวเลือกเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร)
– ระบบ Hondamatic with Overdrive
– เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร CVCC-II Engine(ปี 1980)
– ระบบพวงมาลัย Speed-responsive Power
– ระบบความปลอดภัย Safety Indicators
2nd Generation (1981-1985)
หลังจากความสำเร็จในยุโรป และสหรัฐฯ Accord เจเนอเรชันที่ 2 ถูกยกระดับเพื่อให้กลายเป็นรถยนต์คอมแพ็กต์ที่มีคุณภาพสูงทุกด้าน ทั้งระบบเครื่องยนต์, การออกแบบตัวถัง, ดีไซน์ภายใน และความประณีต เพื่อแสดงให้เห็นถึงคุณภาพของ Honda จนทำให้ได้รับรางวัล European Car of The Year 1983 ในฐานะรถยนต์ญี่ปุ่นยอดเยี่ยม
Accord สร้างความเปลี่ยนแปลงสำคัญให้ Honda ทั้งการเป็นค่ายรถยนต์จากแดนอาทิตย์อุทัยรายแรก ที่ก่อตั้งโรงงานผลิตในประเทศสหรัฐฯ ที่เมืองโอไอโฮ พร้อมกับครองตำแหน่งรถยนต์ญี่ปุ่นที่ขายดีที่สุดของสหรัฐฯ ยาวนานถึง 15 ปีติดต่อกัน
ขณะเดียวกัน Accord เจเนอเรชันที่ 2 ถูกนำเข้ามาขาย และประกอบในประเทศไทยเป็นครั้งแรกในปี 1984 โดยบริษัทเอเชี่ยน ฮอนด้า หลังจากได้มีการก่อสร้างโรงงานผลิตแห่งแรกของพวกเขาที่นิคมอุตสาหกรรมบางชัน โดยเป็นไฮไลต์สำคัญของพวกเขาในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 5 พร้อมทำตลาดด้วยรูปทรงแบบซีดาน
ชูความเป็นต้นแบบแห่งวิศวกรรมยานยนต์ยุคใหม่ ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 12 วาล์ว 1.8 ลิตร แบบ Cross Flow Heads มอบกำลังสูงสุด 97 แรงม้า ที่ 5,300 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 14.3 กิโลกรัมเมตร ที่ 3,500 รอบต่อนาที ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า มีให้เลือก 2 รุ่น คือ รุ่น Accord 5-Sp เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ วางราคาจำหน่ายในยุคนั้นอยู่ที่ 367,000 บาท และรุ่น Accord Automatic เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ราคา 395,000 บาท
• เทคโนโลยีหลัก
– เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร และ 1.8 ลิตร CVCC-II Engine
– ระบบควบคุมความเร็ว Cruise Control
– ระบบพวงมาลัย Speed Sensing Power Steering (ครั้งแรกของโลก)
– ระบบ Three-dimensional Rear Damper (รุ่นซีดาน-ครั้งแรกของโลก)
– ระบบช่วงล่าง Auto Leveling Suspension
– ระบบ Electronic Navigator
3rd Generation (1985–1989)
ในเจเนอเรชัน 3 Accord ถือเป็นรถยนต์รุ่นแรกๆ ของ Honda ที่มีการใช้ระบบช่วงล่างแบบปีกนก 2 ชั้น ทั้งด้านหน้าและหลัง ก่อนที่จะมีการนำมาใช้กับรถยนต์รุ่นอื่นอย่าง Civic, Integra และ Prelude ส่วนเครื่องยนต์ที่ทำตลาดมีทั้งแบบ 1.6 ลิตร 88 แรงม้า ตามด้วย 1.8 ลิตร 100-110 แรงม้า และ 2.0 ลิตร 98-160 แรงม้า ขึ้นอยู่กับตลาดที่วางขาย โดยการทำตลาดมีขึ้นจนกระทั่งถึงปี 1989 จึงมีการเปลี่ยนโฉมอีกครั้ง
การพัฒนาทั้งรูปทรงตามหลักอากาศพลศาสตร์เพื่อให้มีความสปอร์ตมากขึ้น หลังจากสร้างจุดขายในตลาดญี่ปุ่น ด้วยการใช้ชื่อ Aerodeck สำหรับรุ่นตัวถังแฮตช์แบ็ก ในปี 1988 และเป็นครั้งแรกที่ Accord เพิ่มตัวเลือกเป็นรุ่นตัวถังคูเป้
• เทคโนโลยีหลัก
– เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร และ 1.8 ลิตร CVCC-II
– ระบบควบคุมความเร็ว Cruise Control
– รถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้ารุ่นแรกของโลก ที่ติดตั้งระบบช่วงล่าง Double Wishbone ทั้งล้อหน้าและล้อหลัง
– ระบบช่วงล่าง Auto Leveling Suspension
4th Generation (1989-1993)
โมเดลนี้เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ทศวรรษ 1990 โดยบ้านเรารู้จักในชื่อ Accord ตาเพชร ถูกยกระดับกลายเป็นรถยนต์นั่งขนาดกลาง Mid-size Sedan อย่างเป็นทางการ พร้อมขยับตัวเลือกเครื่องยนต์เป็น 1.8 ลิตร และ 2.0 ลิตร แทนที่เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร
สำหรับสหรัฐฯ ที่เป็นตลาดสำคัญของรถยนต์รุ่นนี้ ศูนย์วิจัยและพัฒนาของ Honda มีการเพิ่มตัวถังแบบแวกอน นอกเหนือจากรุ่นซีดานและคูเป้ เพื่อรองรับการใช้งานแบบครอบครัว
• เทคโนโลยีหลัก
– เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร, 2.0 ลิตร และ 2.2 ลิตร (เฉพาะสหรัฐฯ) 16-valve พร้อมระบบควบคุม Internal Secondary Balancer
– ระบบ 4WS
– ระบบถุงลมนิรภัยฝั่งคนขับ SRS Drivers’ Airbag
5th Generation (1993-1997)
ในเจเนอเรชันที่ 5 Accord ถูกยกระดับสู่รถยนต์นั่งขนาดกลางอย่างเต็มตัว ทั้งการเพิ่มระบบความปลอดภัยระดับโลก, อัตราไอเสียที่ต่ำ และการขับขี่ที่เร้าใจ โดยนับเป็นครั้งแรกที่ Honda แยกการพัฒนาระหว่างรุ่นที่ขายในยุโรปกับญี่ปุ่นออกจากกัน ทำให้ดีไซน์ตัวถังมีความแตกต่างกัน
เช่นเดียวกับตัวเลือกเครื่องยนต์ เป็นครั้งแรกที่ลูกค้าอเมริกันจะได้สัมผัสเครื่องยนต์ 6 สูบ ในขณะที่ยุโรปจะทำตลาดในรุ่นซีดาน 4 ประตู เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 16-valve SOHC ที่ถูกพัฒนาขึ้นพิเศษ โดยผลิตที่โรงงานของพวกเขาในเมืองสวินดอน ประเทศอังกฤษ
• เทคโนโลยีหลัก
– เครื่องยนต์ 2.2L VTEC, 2.2L DOHC VTEC และ 2.7L 24-valve V6 (เฉพาะสหรัฐฯ ปี 1995)
– ระบบเกียร์ Intelligent 4 Speed Automatic/Prismatic (Type II)
– ระบบถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS
– ระบบช่วยเหลือการขับขี่ ABS/TCS/LSD
6th Generation (1997-2002)
Accord เจเนอเรชัน 6 ดูจะสร้างความประหลาดใจอีกครั้ง ด้วยการแยกพัฒนาออกเป็น 3 เวอร์ชัน คือ ยุโรป, ญี่ปุ่น และอเมริกาเหนือ ภายใต้แพลตฟอร์มที่สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในแต่ละภูมิภาค พร้อมยกระดับสมรรถนะการขับขี่, ระบบความปลอดภัย และมาตรฐานไอเสีย
สำหรับ Accord ที่ขายในประเทศไทย ถูกย้ายจากเวอร์ชันญี่ปุ่นมาเป็นเวอร์ชันอเมริกา นับจากรุ่นนี้เป็นต้นมา เพื่อต่อกรกับ Toyota Camry กับ Nissan Cefiro ที่ได้รับความนิยมสูงไม่แพ้กัน
• เทคโนโลยีหลัก
– เครื่องยนต์ 2.0L DOHC VTEC, 2.0L VTEC, 2.0L VTEC LEV, 1.8L VTEC, 2.3L VTEC (ตัวถังแวกอน), ตลาดสหรัฐฯ 2.3L 4-cylinder VTEC และ 3.0L V-6
– ระบบช่วงล่างหลัง 5 link Double Wishbone
– ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า EPS+ VGR(Variable Steering Gear Ratio)
– ระบบควบคุมการทรงตัว VSA (Vehicle Stability Assist System)
– ระบบเกียร์ Manual mode 4 speed AT (S-matic)
– เป็นครั้งแรกที่ติดตั้งระบบตรวจจับความผิดปกติของเครื่องยนต์
7th Generation (2002-2007)
การปรับเปลี่ยนดีไซน์ครั้งสำคัญ จนกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของเซ็กเมนต์รถยนต์นั่งขนาดกลาง โดย Accord เจเนอเรชันที่ 7 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ DOHC i-VTEC พร้อมระบบแอโรไดนามิกระดับโลก ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยรุ่นแวกอน มีการดีไซน์ปีกหลังคาที่ได้แรงบันดาลใจจากการสยายปีกของเหยี่ยว เพื่อแสดงออกถึงอิสระและความเด็ดเดี่ยว
นับเป็นครั้งแรกที่ Accord นำเทคโนโลยีไฮบริดเข้ามาใช้งาน โดยเปิดตัวขายที่สหรัฐฯ ในฐานะโมเดล 2005 ด้วยเครื่องยนต์ 3.0L i-VTEC V-6 พร้อมระบบควบคุม Variable Cylinder Management (VCM) ทำงานร่วมกับระบบมอเตอร์ไฟฟ้า Integrated Motor Assist (IMA)
ขณะที่ฝั่งยุโรปมีการเปิดตัวเครื่องยนต์ดีเซลเป็นครั้งแรก ภายใต้รหัส 2.2L i-CTDi 4-cylinder ในปี 2004 ก่อนที่ 2 ปีต่อมา จะกลายเป็นรถยนต์ที่ขายในยุโรปรุ่นแรกที่ติดตั้งระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง Lane Keeping Assist (LKAS) ด้วยการเพิ่มความหน่วงของพวงมาลัย
• เทคโนโลยีหลัก
– เครื่องยนต์ 2.0L DOHC i-VTEC, 2.4L DOHC i-VTEC, 3.0L VTEC V6 (สหรัฐฯ)
– ระบบควบคุม DBW (Drive-by-Wire) electronic throttle control system
– ระบบเกียร์ 5-speed Automatic Transmission
– ระบบช่วงล่าง Double Wishbone
– ระบบช่วยเหลือการขับขี่ ABS/TCS/Side-slip Control
8th Generation (2007-2012)
ดีไซน์ของเจเนอเรชันนี้คงเน้นอารมณ์สปอร์ต แต่มีการขยายขนาดตัวถังให้มีความยาวมากขึ้น เพิ่มความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร รองรับการใช้งานของกลุ่มผู้บริหาร โดยเครื่องยนต์มีตัวเลือก 3 ระดับ 2.0L i-VTEC, 2.4L i-VTEC และ V6 3.5L ที่มีกำลังถึง 275 แรงม้า
ในขณะที่สมรรถนะการขับขี่ถูกพัฒนาขึ้น Honda ไม่ลืมจะให้ความสำคัญกับความปลอดภัย ด้วยการติดตั้งระบบควบคุมการทรงตัว Vehicle Stability Assist (VSA) และม่านถุงลมนิรภัยเป็นมาตรฐานในทุกรุ่นย่อย
• เทคโนโลยีหลัก
– เครื่องยนต์ 2.4L DOHC i-VTEC, 3.5L i-VTEC V6 พร้อมระบบ Variable Cylinder Management (สหรัฐฯ)
– ระบบพวงมาลัย Motion Adaptive Electric Power Steering (EPS)
– ระบบควบคุมการทรงตัว Vehicle Stability Assist (VSA)
– ระบบถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง
9th Generation (2013-2019)
เจเนอเรชันที่ 9 กลายเป็นอีกจุดเปลี่ยนสำคัญของ Accord ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์หรือเครื่องยนต์ที่พัฒนาภายใต้ Earth Dreams Technology ที่มีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย จนทำให้ครองตำแหน่งรถยนต์ขายดีในหลายประเทศ
สำหรับประเทศไทย Accord โฉมนี้สามารถครองแชมป์ยอดขายในกลุ่มซีดานขนาดกลางได้ยาวนานหลายเดือน ด้วยการมีตัวเลือกในรุ่นเครื่องยนต์ 2.0L i-VTEC, 2.4 i-VTEC และเครื่องยนต์ไฮบริด 2.0L Sport Hybrid i-MMD รวมทั้งระบบควบคุมการขับขี่ที่ล้ำสมัย Adaptive Cruise Control, ระบบช่วยเบรก Collision Mitigation Braking System หรือ Honda LaneWatch ที่ติดตั้งกล้องบริเวณกระจกมองข้างซ้าย เพื่อแสดงภาพขึ้นบริเวณหน้าจอกลาง ก่อนจะนำชุดความปลอดภัย Honda SENSING เข้ามาเสริมในการไมเนอร์เชนจ์
• เทคโนโลยีหลัก
– เครื่องยนต์ Earth Dreams Technology: Direct-injected 2.4L DOHC i-VTEC, 3.5L SOHC i-VTEC V6, 2.0L Sport Hybrid i-MMD
– ระบบความปลอดภัย: โครงสร้างตัวถัง Advanced Compatibility Engineering (ACE) พร้อมระบบควบคุมการทรงตัว Vehicle Stability Assist (VSA) และระบบควบคุมการเกาะถนน Traction Control, ระบบเตือนการชนด้านหน้า Forward Collision Warning (FCW), ระบบเตือนเปลี่ยนช่องจราจร Lane Departure Warning (LDW), Honda LaneWatch Blind Spot Display, Adaptive Cruise Control (ACC)
– ระบบพวงมาลัย Electric Power-Assisted Rack-and-Pinion Steering (EPS)
10th Generation (2017-2023)
เจเนอเรชันล่าสุดเปิดตัวครั้งแรกที่สหรัฐฯ ในเดือนกรกฎาคม 2017 ภาษาในการออกแบบถูกถ่ายทอดจาก Civic รุ่นปัจจุบัน แต่ดูเหมือนว่าทีมวิศวกรของ Accord มีความตั้งใจให้เจเนอเรชันที่ 10 ของ D-Segment รุ่นนี้มีความเป็นสปอร์ตมากขึ้น และเรียกว่าเป็นการพลิกโฉมครั้งแรกที่แตกต่างจากภาพลักษณ์ของรถยนต์ครอบครัวแบบเดิมๆ โดยเฉพาะการลดความสูงของตัวถังลง 15 มิลลิเมตร เป็น 1,450 มิลลิเมตร ทำให้จุดศูนย์ถ่วง Center of Gravity ของตัวรถลดลงด้วย
เครื่องยนต์จะไม่มีตัวเลือก V6 แต่เพิ่มความเร้าใจเหมือนเดิมกับเครื่องยนต์เทอร์โบตัวท็อปรุ่นใหม่ เบนซิน 4 สูบ ทวินแคม i-VTEC 16 วาล์ว 2.0L ความแรง 252 แรงม้า โดยลูกค้าอเมริกันจะมีตัวเลือกเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 4 สูบ 1.5L ที่เราคุ้นเคย แต่รีดกำลังออกมาได้ 192 แรงม้า และเครื่องยนต์ไฮบริด 2.0L
ในขณะที่ประเทศไทย Accord Gen-10 เพิ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2018 โดยมีตัวเลือกเครื่องยนต์ 2 ระดับ Di VTEC Turbo 1.5L ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิด 243 นิวตันเมตร จากเทคโนโลยีไดเร็กอินเจ็กชัน (Direct Injection) ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง และเทอร์โบชาร์จเจอร์ (Turbocharger) ที่ช่วยอัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้เครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ได้อย่างรวดเร็ว ประสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ให้สมรรถนะการขับขี่มากกว่าเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร และให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ 16.4 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งมากกว่าเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตรในรุ่นเดิมโดยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และรองรับน้ำมัน E85 ได้อีกด้วย
ในขณะที่ระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) เป็นการทำงานของเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลัง 2 ตัว พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ให้กำลังสูงสุดทั้งระบบได้ถึง 215 แรงม้า สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างอัจฉริยะ เพื่อตอบสนองทุกการขับขี่ ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode), โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode), โหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) และโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Drive Mode) ที่สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย เพียงกดปุ่ม Sport ที่อยู่บริเวณคันเกียร์ เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสอารมณ์การขับขี่ในสไตล์สปอร์ตที่สนุกสนานเร้าใจ อัตราประหยัดน้ำมันสูงถึง 24.4 กิโลเมตร/ลิตร อีกทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 97 กรัม/กิโลเมตร
All-new Honda Accord e:HEV ยกระดับความสปอร์ตพรีเมียม-ครั้งแรกในโลกกับรุ่น e:HEV RS
เจเนอเรชั่นล่าสุดของ Honda Accord ได้รับการยกระดับเพื่อส่งมอบคุณค่าใหม่อีกขั้น สู่การเป็นยนตรกรรมที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีที่สมบูรณ์แบบ ครั้งแรกกับระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ทุกรุ่นย่อย ให้การตอบสนองที่ทันใจ และทรงพลังด้วยการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัว ทำงานร่วมกับระบบเกียร์ E-CVT มอบแรงบิดสูงสุด 335 นิวตัน-เมตร และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนที่มีประสิทธิภาพสูง ผสานการทำงานกับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร Direct Injection ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ มอบพลังการขับเคลื่อนที่ไร้กังวลในทุกเส้นทาง โดยระบบสามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างชาญฉลาด (Intelligent Multi-mode drive) มีอัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 25 กม./ลิตร
All-new Honda Accord e:HEV มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย มาพร้อมดีไซน์ที่โดดเด่นทั้งภายนอก และภายใน ผสานความสปอร์ตโฉบเฉี่ยว ความประณีต และฟังก์ชันการใช้งานไว้อย่างลงตัว รวมทั้งเป็นครั้งแรกในโลกของ Accord กับรุ่น e:HEV RS ที่ยกระดับความสปอร์ตพรีเมียมอีกขั้น ในดีไซน์เอกซ์คลูซีฟรอบคัน เสริมความพรีเมียมด้วยหลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof)
นอกจากนี้ยังมาพร้อมหลากหลายเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกอันล้ำสมัย และเทคโนโลยีการขับขี่ที่ครบครันที่ Honda ติดตั้งเป็นครั้งแรกใน All-new Accord e:HEV เช่น ปุ่ม Experience Selection Dial ที่เลือกปรับได้อย่างง่ายดาย Google built-in ที่มาพร้อมแอปฯ และบริการของ Google ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารแบบปรับเฉดสีได้ (Multi-color Ambient Light), ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง, ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง, ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-up Display: HUD), ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย รองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto
มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว สวิตช์ฟังก์ชัน Drive Mode ที่มาพร้อมโหมดการขับขี่แบบ Individual (Individual Mode) ใหม่ สามารถเลือกปรับเปลี่ยนการทำงานของระบบส่งกำลัง พวงมาลัย ระบบ Adaptive Cruise Control และสีของมาตรวัดได้อย่างอิสระ สวิตช์ควบคุมโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า EV Switch ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงอารมณ์การขับขี่ด้วยไฟฟ้า
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
ขอบคุณข้อมูล: Honda Media
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th
ฮ อน ด้า แอ ค คอร์ด 2023 ราคา