TOYOTA 4X4 ขนทัพรถขับเคลื่อน 4 ล้อลุยเขาแผงม้า
TOYOTA 4X4 ขนทัพรถขับเคลื่อน 4 ล้อลุยเขาแผงม้า ต้องบอกว่าเมื่อก่อนนี้โตโยต้ามีการจัดกิจกรรมทดสอบสมรรถนะรถขับเคลื่อน 4 ล้อของพวกเค้าเยอะพอสมควร มาช่วงหลังเริ่มห่างหายไปนาน จนหลายท่านลืมไปแล้วว่าระบบขับเคลื่อน 4 ล้อของโตโยต้านั้นมันทำงานดีขนาดไหน และอยู่ในรถรุ่นไหนบ้าง และวันนี้โตโยต้ากลับมาอีกครั้งกับกิจกรรมทดสอบสมรรถนะระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยจัดขึ้นให้มีการทดสอบแบบเบาๆ บนเส้นทางกรุงเทพ – เขาแผงม้า โดยขนเอารถที่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อทั้งหมดของโตโยต้ามาออกกำลังกัน มาดูกันครับว่าจะมันส์ขนาดไหน TOYOTA 4X4
ครั้งนี้เราได้ขับเจ้า TOYOTA HILUX REVO GR SPORT 4WD โดยขับออกจากย่านบางนา โดยเรานั่งกันทั้งหมด 3 คน แถมมีสัมภาระเต็มคัน แน่นอนในช่วงเช้าแบบนี้การจารจรย่านบางนาค่อนข้างหนาแน่นอยู่พอสมควร ความคล่องตัวของ REVO GR SPORT 4WD คันนี้ ทำได้ดีพอสมควร
สามารถลัดเลาะได้สบาย แถมทัศนวิสัยดี ขับง่าย มองเห็นได้ไกล เพราะด้วยความสูงของตัวรถทำให้เราสามารถมองเห็นช่องว่าง และเส้นทางที่จะไปได้อย่างชัดเจน
หลุดออกจากในเมืองมุ่งหน้าสู่อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี มีช่วงให้เราได้ลองอัตราเร่งอยู่บ้าง เครื่องยนต์ดีเซล รหัส 1GD-FTV ขนาด 2.8 ลิตร 2,755 ซีซี. VN-Turbo กำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,800 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง อัตราเร่งดี และลื่นไหล สามารถเร่งแซงได้แบบสบายๆไม่ต้องลุ้น
ช่วงทางตรงยาวจุ่มคันเร่งตรงไปอย่างต่อเนื่อง ความเร็วก็เพิ่มขึ้นแบบลื่นไหล มันอาจจะไม่จืดจ๊าออะไรมากนัก แต่ก็ทันใจ ตามเท้าที่กดคันเร่งแน่นอน กดไปเพลินๆความเร็วไปแตะที่ 160 ได้แบบสบายๆ
ระบบช่วงล่างของ REVO GR SPORT 4WD ช่วงล่างแบบ SuperFlex Suspension ด้านหน้า อิสระแบบปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริง และ เหล็กกันโคลง โช๊คอัพแบบ Monotube Shock Absorber และด้านหลัง แหนบซ้อน เปลี่ยน แหนบซ้อน 3 แผ่น เป็น 5 แผ่น High-Tensile Steel คันนี้ถูกปรับเซ็ทมาให้เฟริ์ม และสปอร์ตกว่ารุ่นอื่นๆ
เพราะฉะนั้นในการขับที่ใช้ความเร็วที่ค่อนข้างสูงตัวรถจะนิ่งตัวรถไม่มีอาการโคลงให้ได้สัมผัส เค้าโค้งด้วยความเร็ว วิ่งรูดหลุดบ่อบนพื้นผิวถนนได้อย่างสบาย แต่ก็ต้องบอกว่าท่านที่ชื่นชอบระบบช่วงล่างที่นุ่มนวลคงไม่ถูกใจช่วงล่างของ REVO GR SPORT เท่าไหร่นักเพราะมันจะออกแนวกระด้างเล็กๆ และวิ่งด้วยความเร็วต่ำจะกระเด้งไปหน่อย
ถ้าท่านที่ชื่นชอบระบบช่วงล่างที่นุ่มนวลผมบอกได้เลยครับว่า หันไปเล่นรุ่น REVO ROCCO Double Cab 4×4 2.8 หรือ REVO PRERUNNER Double Cab 4×4 2.8 High จะเหมาะกว่าครับ
เพราะทั้งสองรุ่นนี้ ระบบช่วงล่างจะปรับปรับเซ็ตไว้ให้นุ่มนวล แน่น ต่างจาก รุ่น GR ที่ปรับเซ็ตให้ใช้แบบไฮเปอร์ฟอร์มานซ์ เน้นขับด้วยความเร็ว รูดหลุมแบบนิ่งๆ เค้าโค้งแบบคมๆ
ขับขี่ทางไกลแบบสบายๆเพราะมี ระบบปรับตั้งความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control เป็นก้านสวิตช์ด้านขวามือที่ใช้งานได้ง่าย เราเดินทางถึงเขาแผงม้า เส้นทางข้างหน้าเป็นทางฝุ่น มีหลุมบ่อเยอะพอสมควร แถมเป็นทางชันขึ้นเขาเราปรับเป็นโหมด เกียร์ 4H ซึ่งเจ้า REVO GR คันนี้เป็นระบบ SHIFT ON THE FLY สามารถเข้าเกียร์ 4H ได้โดยไม่ต้องจอดรถ
ที่ความเร็วมาตรฐานอยู่ระหว่าง 60-80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำการขับเคลื่อนล้อทั้ง 4 ล้อ ในอัตราทดปกติ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนและการควบคุมรถที่ดียิ่งขึ้น ใช้สำหรับการขับขี่บนเส้นทางลูกรังหรือกรวดหินแบบนี้ ช่วยให้เราขับขี่ได้ง่ายขึ้น และผ่านอุปสรรคตรงหน้าได้สบาย
ขับต่อมาอีกหน่อย เรามาเจอกับเส้นทางที่สูงและชันกว่าที่ผ่านมา แถมยังแคบ และเป็นเนินสลับ ทำให้เราต้องเปลี่ยนเป็นเกียร์ 4L เหมาะสำหรับเส้นทางที่ทุรกันดารทุกประเภท
ไม่ว่าจะเป็นหล่มโคลน ร่องลึก ทางชัน การปีนหิน ข้ามน้ำ เป็นต้น และควรวิ่งที่ความเร็วไม่เกิน 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง ดังนั้นการใช้เกียร์ 4L (4LOW) ก็เพื่อต้องการแรงบิด หรือ TORQUE ไม่ใช่ความเร็ว
แต่สิ่งที่สำคัญการใช้เกียร์4L หากขับแบบผิดวิธีอาจจะทำให้รถเสียหายได้ คือก่อนการปรับเกียร์ไปที่ 4L ต้องหยุดรถให้สนิททุกครั้ง และเข้าเกียร์ N ก่อนจะหมุนปรับไปที่ 4L แล้วไม่ว่าจะเป็นระบบขับเคลื่อนแบบ 4H หรือ 4L ควรตั้งพวงมาลัยให้ตรงทุกครั้ง
เพื่อป้องกันการขบกันของเฟืองด้านหน้า หากตั้งพวงมาลัยไม่ตรงจังหวะที่เราเข้าเกียร์ขับเคลื่อน 4 ล้อ อาจจะสร้างความเสียหายให้กับเฟืองด้านหน้าได้ เพียงแค่นี้เราก็สามารถขับผ่านอุปสรรคต่างๆได้อย่างชิลล์ๆ ไม่ต้องลุ้น
จากที่ลองขับมาถ้าเพื่อนๆเน้นช่วงล่างที่นุม่นวล ขับขี่ในเส้นทางออฟโรดได้อย่างสมูท ผมว่าตัว REVO ROCCO น่าจะเหมาะกับเพื่อนๆ แต่ถ้าเน้นไปที่การขับขี่ด้วยความเร็ว วิ่งทางฝุ่นแบบนิ่งๆมันส์ๆ เกาะถนนดี REVO GR SPORT เหมาะกับคุณครับ
และงานนี้ยังมีอีกหลายรุ่นนะครับไม่ว่าจะเป็นหัวเดียวขับสี่ หรือ ฟอร์จูนเนอร์ ก็มาร่วมขับในเส้นทางออฟโรดกันในครั้งนี้ด้วย โดยหลังจากนี้โตโยต้าจะเน้นหนักในกิจกรรมออฟโรดมากขึ้นกว่าที่ผ่านมาอย่างแน่นอน เตรียมตัวมันส์กันได้เลยครับ
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th