Toyota Alphard มีระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริดเพิ่มให้เลือก
Toyota Alphard รุ่นปัจจุบันเจเนเรชันที่ 4 ซึ่งเปิดตัวออกมาเมื่อปี 2023 โดยมีสองระบบขับเคลื่อนให้เลือกระหว่างเครื่องยนต์เบนซินและไฮบริด HEV ล่าสุดถูกเพิ่มระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริดมาเป็นอีกทางเลือกใหม่ที่ญี่ปุ่นโดยจะเริ่มขายรถตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2025 ที่จะถึงนี้
Toyota Alphard ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบปลั๊กอินไฮบริดจะมีเฉพาะเกรดสูงสุด Executive Lounge 6 ที่นั่งเท่านั้น โดยใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตรทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าและระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ E-Four ให้กำลังขับเคลื่อนรวม 306 แรงม้า ในส่วนแบตเตอรีของรถไม่มีข้อมูลด้านความจุออกมา แต่ถูกระบุว่าให้พลังงานสำหรับเดินทางโดยใช้เฉพาะไฟฟ้าได้ 73 กิโลเมตร และเมื่อชาร์จไฟแบบเร็วจะใช้เวลา 38 นาทีเพื่อชาร์จไฟถึง 80 เปอร์เซ็นต์
ทางผู้ผลิตยังระบุว่ารถรุ่นปลั๊กอินไฮบริดถูกติดตั้งแบตเตอรีไว้ใต้พื้นรถทำให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำลง 35 มม. เมื่อเทียบกับรถที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริด HEV นอกจากนี้ระบบไฮบริดในรถมินิแวนยังได้รับการปรับปรุงเพื่อให้มีความเงียบและประสบการณ์การเดินทางที่ดีขึ้น รวมไปถึงเมื่อขับรถโดยใช้เฉพาะไฟฟ้ายังให้เสียงรบกวนและการสั่นสะเทือนน้อยที่สุดด้วยการเพิ่มวัสดุดูดซับเสียง
รถมินิแวนปลั๊กอินไฮบริดยังสามารถใช้งานระบบปรับอากาศโดยใช้เฉพาะพลังงานไฟฟ้าเท่านั้นไม่ต้องสตาร์ทเครื่องยนต์ รวมทั้งมีโหมด My Room Mode ที่ทำให้ใช้ทั้งระบบปรับอากาศ และระบบความบันเทิงในขณะชาร์จไฟให้กับรถได้ รวมไปถึงสามารถจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ภายนอกได้
นอกจากเพิ่มรุ่นขับเคลื่อนด้วยระบบปลั๊กอินไฮบริดแล้ว ทางผู้ผลิตยังทำการอัปเดตเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานให้กับรถ ทำให้รถทั้งหมดไม่ว่าจะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน ไฮบริด HEV หรือปลั๊กอินไฮบริดมากับ Digital Inner Mirror พร้อมกล้องในรถทั้งด้านหน้าและด้านหลังเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน รวมทั้งเพิ่มระบบเสียงพรีเมียม JBL ลำโพง 15 ตำแหน่ง และจอ 14 นิ้วเพื่อความบันเทิงสำหรับเบาะหลังในเกรดรองจากเกรดสูงสุด รวมทั้งเพิ่มเกรดพื้นฐานที่มากับเบาะ 8 ที่นั่ง
ในส่วนราคารถมินิแวนปลั๊กอินไฮบริดใหม่ที่ญี่ปุ่นซึ่งเป็นเกรด Executive Lounge พร้อมรูปแบบเบาะ 6 ที่นั่ง ถูกตั้งราคาไว้ที่ 10,650,000 เยน หรือ ประมาณ 2,328,000 บาท
อ่านต่อได้ที่นี่: DS N°8 รถไฟฟ้าเรือธงแดนน้ำหอม
DS Automobiles แบรนด์รถยนต์หรูในเครือ Stellantis เผยโฉม N°8 รถครอสโอเวอร์ไฟฟ้าที่นอกจากจะมาทำตลาดรถในระดับเรือธงแล้ว ยังเป็นการแสดงถึงทิศทางใหม่ของแบรนด์ และเป็นรถรุ่นแรกของแบรนด์ที่ถูกผลิตขึ้นบนสถาปัตยกรรม STLA Medium ของ Stellantis
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th