‘Altezza’ ตำนานโตโยต้า เกรย์มาร์เก็ต
สัปดาห์นี้ Grand Prix Online ขอนำภาพงานเปิดตัว Toyota Altezza รถที่ถูกนิยามว่า “ซีดานขนาดเล็กที่มีความเป็นสปอร์ตสูง” ที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว เมื่อปีพ.ศ. 2542 พร้อมบรรยากาศเทสต์ไดร์ฟที่ผู้นำเข้าอิสระยักษ์ใหญ่เวลานั้นจัดขึ้นให้สื่อมวลชนได้สัมผัสสมรรถนะของรถ JDM Car ที่เป็นคู่แฝดของ Lexus IS เจเนอเรชั่นแรกที่ตามออกมาขายหลังจากนั้นไม่นาน…
จุดเริ่มต้นการพัฒนาคอมแพ็กต์ซีดานรุ่นนี้เกิดจากเป้าหมายของ Toyota ที่ต้องการเอาชนะรถสปอร์ตซีดานของค่ายรถหรูยุโรปยุคนั้น (BMW 3 Series) โดยมอบหมายให้ Nobuaki Katayama ผู้เป็นหนึ่งในทีมวิศวกรของ AE86 และหัวหน้าทีมวิศวกร Supra (A80) เข้ามารับผิดชอบงานด้านวิศวกรรมของโครงการที่ใช้ชื่อเป็นรหัสลับว่า ‘038T’ ในระหว่างปี 1994-1998 โดยงานดีไซน์รูปทรงตัวถังภายนอกเป็นของ Tomoyasu Nishi ก่อนที่พวกเขาจะได้รถคอมแพ็กต์ซีดานขับเคลื่อนล้อหลัง RWD ที่มีสมรรถนะยอดเยี่ยมกว่ารถลักชัวรี่สัญชาติญี่ปุ่นที่เคยมีมาก่อนหน้านี้
Altezza ที่มีความหมายในภาษาอิตาเลี่ยนว่า “ความสูงสง่า” เปิดตัวขายในประเทศญี่ปุ่นแบบเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะที่โชว์รูม Toyota Netz Store ในเดือนตุลาคม 1998 (พ.ศ. 2541) แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย:
• Altezza AS200 (รหัสตัวถัง GXE10) จะใช้เครื่องยนต์ 6 สูบเรียง 2.0 ลิตร (1G-FE) กำลังสูงสุด 153 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 195 นิวตันเมตร ติดตั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีดเป็นมาตรฐานพร้อมออปชั่นเกียร์ออโต้ 4 สปีด
• Altezza RS200 (รหัสตัวถัง SXE10) ใช้ขุมกำลัง 4 สูบเรียง 2.0 ลิตร (3S-GE) ที่มีกำลังเพิ่มเป็น 207 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 216 นิวตันเมตร มีความพิเศษเพิ่มเติมมาตรงที่หากเลือกเกียร์อัตโนมัติจะได้แบบ 5 สปีด ส่วนเกียร์ธรรมดาจะเหมือนกับ AS200
ในบ้านเราที่นำเข้ามาขายตามภาพที่นำมาให้ชมเป็น Altezza RS200 เกียร์อัตโนมัติ โดยบริษัทเอสอีซี ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส หรือที่คนส่วนใหญ่ยุคนั้นรู้จักในชื่อ “เอส.อี.ซี.” ราคาขายตอนนั้นเท่าที่ “พี สี่ภาค” อินทรภูมิ์ แสงดี คอลัมน์นิสต์ XO Autosport ให้ข้อมูลไว้อยู่ในราว 2 ล้านบาทปลายๆ และผู้เขียนลองสอบถามไปที่ J!MMY แห่งเว็บไซต์ Headlightmag ได้คำตอบมาว่าน่าจะอยู่ในราว 2.7-2.8 ล้านบาท
ราคาระดับนั้นกับการได้รถ Toyota ขับหลัง RWD ที่มีออปชั่นครบๆ และความหรูหราของ Lexus เพียงแค่นี้ก็เหนือกว่าตัวเลือกที่มีอยู่ในตลาดเมืองไทยยุคนั้น ทำให้เราเห็น Altezza เต็มถนนเมืองไทย และกรอบไฟท้ายที่เป็นเอกลักษณ์ของมันก็ถูกนำไปก็อปขายเพื่อติดตั้งในรถของแบรนด์อื่นๆ อีกด้วย
อย่างไรก็ตามอายุของ Altezza ในประเทศญี่ปุ่น ไม่ได้ยืนยาวเท่าไรนัก โดยมีการเพิ่มรุ่นย่อยตัวถัง Station Wagon ที่ใช้รหัสว่า Gita AS200/AS300 ออกมาในเดือนกรกฎาคม 2000 (พ.ศ. 2543) และถึงจะมีรางวัลรถยอดเยี่ยม Japan Car of the Year ประจำปี 1998–1999 รับประกัน แต่สุดท้าย Toyota ตัดสินใจนำแบรนด์ Lexus เข้ามาทำตลาดในบ้านของตัวเองเป็นครั้งแรกในปี 2006 พร้อมการเปิดตัว IS เจเนอเรชั่นที่ 2 ทำให้ชื่อของ Altezza ถูกเก็บเข้ากรุนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เช่นเดียวกับประเทศไทยหลังจากได้รับความนิยมอยู่ระยะหนึ่ง ปัญหาการบริหารงานของ S.E.C ที่เป็นผู้นำเข้าหลักของ Altezza ทำให้เจ้าของรถรุ่นนี้หลายคนปล่อยทิ้งไป ทุกวันนี้แทบจะไม่เห็นวิ่งอยู่บนถนนเลย แต่มีบางคนที่ชื่นชอบพยายามเสาะหาเพื่อนำมาแต่งเป็นสไตล์รถซิ่งอยู่ ‘WIDELY ALTEZZA สุดยอดบอดี้หนึ่งเดียวในไทยกับขุมพลังเม็ดใหญ่’ ทำให้รถรุ่นนี้จัดเป็นอีก 1 ตำนาน JDM ในเมืองไทย
ภาพการทดสอบ Toyota Altezza ของสื่อมวลชนไทย
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: GPI Photobank
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th