TOYOTA CAMRY HISTORY…
ถือเป็นรถยนต์อีกรุ่นหนึ่งที่ทำตลาดมายาวนานทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย นอกจากแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับ ตัวรถเองก็มีการพัฒนาจนมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนในปัจจุบัน หากย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้น ดูความเป็นมาของ “โตโยต้า คัมรี่” กันบ้างก็คงจะน่าสนใจไม่น้อย…
โตโยต้า คัมรี่ จัดอยู่ในกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดกลาง (Mid Size) หากแบ่งตามขนาดตัวรถในตลาดโลก ในประเทศไทยก็ถูกแบ่งตามการตลาดไว้เช่นนั้นเมื่อครั้งก่อน แต่ในปัจจุบันการมีขนาดของตัวถังรถยนต์แยกย่อยออกมาเพิ่มขึ้น อีกทั้งขนาดตัวรถยนต์นั่งที่ทำตลาดในประเทศไทย จะมีกลุ่ม (Mid Size) นี้ เป็นที่นิยมมากที่สุดแล้ว
โตโยต้า คัมรี่ ในตลาดประเทศไทยยุคแรกจะเป็นรถที่ถูกนำเข้ามาจำหน่าย เพราะทาง โตโยต้า ยังมีรถยนต์นั่งรุ่น โคโรน่า (Corona) ทำตลาดอยู่ จึงเหมือนกับการวางแนวทางจำหน่ายไปควบคู่กัน แต่ไม่ได้ชูเป็นรุ่นที่ทำตลาดแทนแต่อย่างใด เมื่อมีช่องทางทางการตลาดที่มองเห็นการแตกไลน์รถยนต์นั่งอย่าง คัมรี่ ออกมาจากรุ่น ซิลิก้า จึงชัดเจน
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2536 โตโยต้า ทำการเปิดตัว คัมรี่ อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ซึ่งเป็นรถที่ประกอบจากต่างประเทศ (ออสเตรเลีย) และนำเข้ามาจำหน่าย เป็นโฉมที่ใกล้เคียงกับ รุ่นที่จำหน่ายในญี่ปุ่น แตกต่างกันที่ขนาดตัวรถ ในประเทศไทยจะพบตัวถังแบบซีดานแทบทั้งสิ้น มีตัวเลือกทั้งเครื่องยนต์ เบนซิน 4 สูบ 2,200 ซี.ซี. ซึ่งถือเป็นตัวหลัก 3,000 ซี.ซี. ระบบส่งกำลังแบบเกียร์ธรรมดาและอัตโนมัติให้เลือก รุ่นที่จำหน่ายในไทยรุ่นแรกเป็น “โฉมแรกประกอบนอก” มีการปรับโฉมเปลี่ยนไฟท้าย จนหลายคนติดปากว่า “รุ่นท้ายหงส์”
รุ่นย่อยของโฉมแรกประกอบนอกนี้มี 3 รุ่น
-2.2 GXi (มีให้เลือก เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด) เป็นรุ่นต่ำสุด
-2.2GXi ABS (มีให้เลือก เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด) มีระบบเบรกป้องกันล้อล็อก เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน แต่ยังไม่มีถุงลมนิรภัย ในช่วงแรกๆ โดยรุ่นนี้เป็นรุ่นท็อปสุดในช่วงปี 2536 หรือปีแรกที่คัมรี่ออกขาย
-3.0 V6 เป็นรุ่นท็อปสุด ออกมาใน พ.ศ. 2537 ในช่วงปีสุดท้ายก่อนปรับโฉม มีการติดตั้งถุงลมนิรภัยเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ต่อเนื่องมาจนกระทั่งถึงปี พ.ศ.2539-พ.ศ.2545
มีการออกคัมรี่โฉมใหม่มาทำตลาด โฉมนี้ ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าเต็มตัว มีเครื่องยนต์ 2 ขนาด คือ 2,200 ซี.ซี. (129 แรงม้า) กับ 3,000 ซี.ซี. (194 แรงม้า) ตัวถัง 2 แบบ คือ Sedan 4 ประตู และ Station Wagon 4 ประตู มี 2 ระบบเกียร์ คือ อัตโนมัติ 4 สปีด และ ธรรมดา 5 สปีด เช่นเดียวกับโฉมเดิม
โฉมนี้ รุ่นปีแรกๆ กับรุ่นปีท้ายๆ มีความแตกต่างกันในรายละเอียดพอควร พ่อค้ารถในไทยและวงการรถไทยจึงใช้ชื่อเรียกโฉมที่ต่างกัน โดยในรุ่นแรกๆ เรียกว่า “โฉมไฟท้ายไม้บรรทัด” (ไฟยาว) ส่วนรุ่นท้ายๆ จะเรียก “โฉมท้ายย้อย” (ไฟย้อย) แต่การขายก็ล่าช้ากว่าต่างประเทศ โดยขายระหว่าง พ.ศ. 2542-2545
ในประเทศไทย โฉมนี้ ในช่วงแรกคัมรี่ยังต้องนำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย แต่ใน พ.ศ. 2543 ก็ย้ายฐานการผลิตเข้ามาในประเทศไทย แบ่งรุ่นย่อยออกเป็น 2 รุ่นดังนี้
2.2GXi (มีให้เลือก เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด) เป็นรุ่นต่ำสุด เบาะกำมะหยี่สีเทา ภายในสีเทา เครื่องปรับอากาศธรรมดา วิทยุเทป 4 ลำโพง เป็นรุ่นประหยัดที่เพิ่มเข้ามาใน พ.ศ. 2543 ภายหลังจากย้ายฐานการผลิตเข้ามาในประเทศไทย
2.2SE.G (มีให้เลือก เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด เบาะกำมะหยี่, เกียร์ธรรมดา 5 สปีด เบาะกำมะหยี่ และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด เบาะหนัง) เป็นเกรดบนสุด เครื่องปรับอากาศแบบอัตโนมัติ ,วิทยุพร้อมเครื่องเล่นซีดี 6 แผ่นด้านหน้า 2DIN 6 ลำโพง ,ภายในสีเบจ ,ตกแต่งลายไม้ ,เบาะคนขับและผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง
ข้อแตกต่างของคัมรี่รุ่นไฟท้ายไม้บรรทัด ระหว่างรุ่นที่ผลิตในประเทศออสเตรเลีย กับรุ่นที่ผลิตในประเทศไทย คือ คัมรี่ออสเตรเลียที่ขายในช่วงแรก มีเฉพาะรุ่น 2.2SE.G เท่านั้น แต่จะเป็น 2.2SE.G ที่ภายในสีเทา ไม่มีลายไม้ ล้ออัลลอยก้านตรง เบาะปรับมือ ในขณะที่ 2.2SE.G รุ่นประเทศไทย จะได้ภายในสีครีม ตกแต่งลายไม้ ล้ออัลลอยก้านเฉียง เบาะปรับไฟฟ้า
ทุกรุ่นมีระบบเบรกป้องกันล้อล็อกและถุงลมนิภัยคู่หน้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และหลังการปรับโฉมเป็นรุ่นไฟท้ายย้อย ได้เพิ่มไฟตัดหมอกในทุกรุ่น และตัดรุ่น 2.2SE.G เกียร์ธรรมดาออกจากสายการผลิต
TOYOTA CAMRY รุ่นปรับโฉม (พ.ศ. 2544-2549)
โฉมนี้ ขับเคลื่อนล้อหน้า มีเครื่องยนต์ 5 ขนาด คือ 2.0 ลิตร (144 แรงม้า) , 2.4 ลิตร (152 แรงม้า) , 3.0 ลิตร (192 แรงม้า) , 3.0 ลิตร (210 แรงม้า) และ 3.3 ลิตร (225 แรงม้า) มีตัวถัง 1 แบบ คือ Sedan 4 ประตู มี 3 ระบบเกียร์ คือ อัตโนมัติ 4 สปีด , อัตโนมัติ 5 สปีด และธรรมดา 5 สปีด แต่ในประเทศไทย เกียร์ธรรมดาในคัมรี่ถูกยกเลิก
ในประเทศไทย คัมรี่ขายในช่วงระหว่าง พ.ศ. 2545-2549 แบ่งรุ่นย่อยออกเป็น 4 รุ่นดังนี้
2.0E เป็นเกรดต่ำสุด สำหรับขายรถ Fleet ลดอุปกณ์บางอย่างออกไปเช่น วิทยุพร้อมเครื่องเล่นเทป 4 ลำโพง ,ไม่มีระบบกันขโมย ,พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มด้วยยูรีเธน ,เบาะนั่งหุ้มด้วยกำมะหยี่ (ปรับมือ) ,ล้ออัลลอยด์ขนาด 15 นิ้ว ,ไม่มีไฟตัดหมอกหน้า(รุ่นปรับโฉมปี 2004-2006 ล้ออัลลอยด์ขนาด 16 นิ้ว ,วิทยุพร้อมเครื่องเล่นซีดี/MP3 1 แผ่น 4 ลำโพง)
2.0G เป็นเกรดบนสุดของเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร สำหรับประชาชนทั่วไป เพิ่มเข้ามาในช่วงการปรับโฉม พ.ศ. 2547 มีอุปกรณ์เพิ่มมา เช่น วิทยุพร้อมเครื่องเล่นซีดี/MP3 6 แผ่น 6 ลำโพง ,กุญแจรีโมทพร้อมสัญญาณกันขโมย ,พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มด้วยหนัง ,เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง ,เบาะคนขับปรับไฟฟ้า ,ไฟตัดหมอกหน้า ,ล้ออัลลอยด์ขนาด 16 นิ้ว ,ตกแต่งภายในลายไม้(โฉมนี้มีเฉพาะรุ่นปรับโฉมปี 2004-2006)
2.4G เป็นเกรดล่างสุดของเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร มีอุปกรณ์เพิ่มมาจากรุ่น 2.0G เช่น หน้าปัดแบบ Optiron 3 สี ,เบาะผู้โดยสารปรับไฟฟ้า ,สัญญาณกะระยะรอบคัน (ในรุ่นแรกจะเป็นล้ออัลลอยด์ 15 นิ้ว แต่รุ่นปรับโฉมจะเป็นล้ออัลลอยด์ 16 นิ้ว)
2.4Q เป็นเกรดบนสุด มีอุปกรณ์เพิ่มมาจากรุ่น 2.4G เช่น พวงมาลัยและหัวเกียร์ตกแต่งด้วยลายไม้ ,ไฟหน้า HID ปรับระดับอัตโนมัติ ,ครูซคอนโทรล ,ม่านบังแดดหลังไฟฟ้า (ในรุ่นแรกจะเป็นล้ออัลลอยด์ 16 นิ้ว แต่รุ่นปรับโฉมจะเป็นล้ออัลลอยด์ 17 นิ้ว และมีระบบเครื่องเสียงให้เลือก 3 แบบคือ วิทยุพร้อมเครื่องเล่นซีดี/MP3 6 แผ่น ,เครื่องเล่น DVD พร้อมจอ 6.5 นิ้ว ,ระบบนำทางในรถยนต์พร้อมกล้องถอยหลังและเครื่องเล่น DVD)
โฉมนี้ พ่อค้ารถในไทย และวงการรถไทย นิยมเรียกว่า “โฉมตาเหยี่ยว” เริ่มการขายในไทย พ.ศ. 2545-2549 ล่าช้ากว่าต่างประเทศเช่นเคย
TOYOTA CAMRY โฉมปี (พ.ศ. 2549-2554)
โฉมนี้เปิดตัวครั้งแรกในเดือนสิงหาคมปีพ.ศ. 2549เริ่มผลิตเมื่อรุ่นปี พ.ศ. 2550 และโตโยต้ามีแผนจะผลิตคัมรี่โฉมนี้ไป 5 รุ่นปีดังเดิม โดยมีแผนจะผลิตโฉมนี้ไปจนถึงรุ่นปี พ.ศ. 2554 โฉมนี้ จัดเป็นรถขนาดกลาง (Mid-Size Car)
โฉมนี้ ขับเคลื่อนล้อหน้า มีเครื่องยนต์ 3 แบบ คือ 2.0 ลิตร (147 แรงม้า) 2.4 ลิตร (167 แรงม้า) และ 3.5 ลิตร (272 แรงม้า)มาในภายหลัง
มีตัวถัง 1 แบบ คือ Sedan 4 ประตู มี 5 ระบบเกียร์ คือ อัตโนมัติ 4 สปีด (ในรุ่น 2.0 ลิตร) ,อัตโนมัติ 5 สปีด , อัตโนมัติ 6 สปีด , ธรรมดา 5 สปีด และธรรมดา 6 สปีด แต่ในประเทศไทย เกียร์ธรรมดาในคัมรี่ถูกยกเลิก
ในประเทศไทยแบ่งรุ่นย่อยออกเป็น 5 รุ่นดังนี้
2.0E เป็นเกรดต่ำสุด สำหรับขายรถ Fleet ลดอุปกณ์บางอย่างออกไปเช่น วิทยุพร้อมเครื่องเล่นซีดี/MP3 1 แผ่น ,กุญแจรีโมทพร้อมสัญญาณกันขโมย ,พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มด้วยยูรีเธน ,เบาะนั่งหุ้มด้วยกำมะหยี่ (ปรับมือ) ,ล้ออัลลอยด์ขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 215/60 ,ไม่มีไฟตัดหมอกหลัง ,สวิตซ์ควบคุมระบบปรับอากาศและเครื่องเสียงที่พวงมาลัย ,มือเปิดประตูและคิ้วเปิดฝากระโปรงท้ายสีเดียวกับตัวรถ ,ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
2.0G เป็นเกรดบนสุดของเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร สำหรับประชาชนทั่วไป มีอุปกรณ์เพิ่มมา เช่น วิทยุพร้อมเครื่องเล่นซีดี/MP3 6 แผ่น ,กุญแจรีโมทพร้อมสัญญาณกันขโมย ,พวงมาลัยหุ้มด้วยหนังสลับลายไม้ ,เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง ,เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า ,ไฟตัดหมอกหน้า-หลัง ,ล้ออัลลอยด์ขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 215/60 ,ตกแต่งภายในลายไม้ ,ครูซคอนโทรล ,ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ,มือเปิดประตูและคิ้วเปิดฝากระโปรงท้ายโครเมียม ,ไฟหน้าปรับระดังสูงต่ำได้ ,ถุงลมนิรภัยด้านข้าง
2.4G อุปกรณ์ในแง่ความสะดวกและความปลอดภัยในภาพรวมจะน้อยกว่ารุ่น 2.0G แต่จะได้สัญญาณเตือนกันชนท้าย ไฟหน้า HID ปรับระดับอัตโนมัติ
2.4V เป็นเกรดบนสุดของเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร มีอุปกรณ์เพิ่มมาจากรุ่น 2.0G เช่น พวงมาลัยและหัวเกียร์ตกแต่งด้วยลายไม้ ,ไฟหน้า HID ปรับระดับอัตโนมัติพร้อม AFS ,ครูซคอนโทรล ,ม่านบังแดดหลังไฟฟ้า ,ล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/55 ,กระจกมองข้างพับอัตโนมัติ ,กุญแจอัจฉริยะ ,สัญญาณกะระยะรอบคัน(รุ่น Navi ไม่มีสัญญาณถอยหลัง) ,ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวของรถ VSC ,พัดลมเป่ากันที่เบาะคู่หน้า (มีระบบเครื่องเสียงให้เลือก 3 แบบคือ วิทยุพร้อมเครื่องเล่นซีดี/MP3 6 แผ่น ,เครื่องเล่น DVD พร้อมจอ 6.5 นิ้ว ,ระบบนำทางในรถยนต์พร้อมกล้องถอยหลังและเครื่องเล่น DVD)
3.5Q เป็นเกรดบนสุด มีอุปกรณ์เพิ่มมาจากรุ่น 2.4V เช่น เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Sequential Shift ,หลังคามูนรูฟ ,พวงมาลัยปรับไฟฟ้าพร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง ,ระบบความปลอดภัยก่อนการชน Pre Crash ,ระบบควบคุมความเร็วแบบไดนามิกเรดาร์ ,โทนสีภายในสีดำ ,เบาะหลังปรับเอนได้ด้วยไฟฟ้า ,แผงควบคุมอุปกรณ์ที่พักแขนเบาะหลัง ,เครื่องเล่น DVD พร้อมระบบนำทาง ,กล้องมองหลัง ,ระบบ Hands Free แบบ Bluetooth
นอกจากนั้นยังนำรุ่น 2.0G และ 2.4V 6CD/MP3 มาผลิตเป็นกรณีพิเศษจำนวนจำกัดในรุ่น Extremo โดยตกแต่งดังนี้
ภายนอกรถสีขาวมุก
ภายในรถสีดำ
ชุดแต่งรอบคัน
ล้ออัลลอยด์ 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/55
จากนั้นในปี พ.ศ. 2552 ได้มีการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ขึ้นโดย
ให้ล้ออัลลอยด์ 17 นิ้ว เฉพาะรุ่น 3.5Q
รุ่น 2.4V ถูกทำเป็น 2.4 Hybrid หมด และลดขนาดล้ออัลลอยด์เหลือ 16 นิ้ว พร้อมยาง 215/60 (มีระบบเครื่องเสียงให้เลือก 3 แบบคือ วิทยุพร้อมเครื่องเล่นซีดี/MP3 6 แผ่น ,เครื่องเล่น DVD พร้อมจอ 6.5 นิ้ว ,ระบบนำทางในรถยนต์พร้อมกล้องถอยหลังและเครื่องเล่น DVD)
เพิ่มม่านบังแดดหลังไฟฟ้า และม่านบังแดดประตูหลัง ในรุ่น 2.0G
ตัดถุงลมนิรภัยด้านข้างออกในรุ่น 2.0G
เพิ่มระบบจัดการรวมไดนามิคของตัวรถ VDIM (Vehicle Dynamics Integrated Management) ในรุ่น Hybrid
เพิ่มรุ่น 2.4G โดยให้ Option เท่ากับรุ่น 2.0G หรือมากกว่านิดหน่อยเพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ไม่ต้องการ Hybrid
รุ่น 2.0G ,2.4G ,2.4 Hybrid ระบบเครื่องเสียง วิทยุพร้อมเครื่องเล่นซีดี/MP3 6 แผ่น เพิ่มช่องต่อ AUX
โฉมนี้เป็นโฉมแรกที่คัมรี่เจเนอเรชันใหม่ถูกนำเข้าตลาดไทยในปีเดียวกับต่างประเทศ (เริ่มขาย พ.ศ. 2549-2554)
TOYOTA CAMRY โฉมปี (พ.ศ. 2554 – พ.ศ. 2560)
โฉมนี้ เริ่มผลิตในปี พ.ศ. 2554 โดยได้เริ่มจำหน่ายในประเทศไทยเมื่อเดือนมีนาคมในงานมอเตอร์โชว์ พ.ศ. 2555 มีตัวถังแบบเดียวคือตัวถังแบบซีดาน 4 ประตู มีเครื่องยนต์ 3 รุ่นคือ เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 144 แรงม้า, เครื่องยนต์ 2.5 ลิตรให้กำลังสูงสุด 182 แรงม้า และเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร ไฮบริดให้กำลังสูงสุด 205 แรงม้า แต่ในต่างประเทศจะมีเครื่องยนต์ให้เลือกคือ 2.5 ลิตร, 2.5 ลิตร Hybrid และ 3.5 ลิตร
โตโยต้า คัมรี่ ได้ยกเลิกรุ่น 2.0E สำหรับขายรถ Fleet, Limousine และรุ่น 3.5Q และในขณะนั้นมีรุ่นย่อย 5 รุ่น ได้แก่
2.5L Hybrid Navigator
2.5L Hybrid DVD
2.5L Hybrid CD
2.5G
2.0G (เป็นรุ่นถูกสุดที่ตัดออปชั่นหลายอย่างมาก และยังได้มีการเพิ่มรุ่นพิเศษ Extremo ซึ่งตกแต่งด้วยชุดแต่งต่างๆ ภายในสีดำและสีเบจ)
ด้านความปลอดภัย คัมรี่ได้ทดสอบการชนได้ Good ใน IIHS, และได้รางวัล 5 ดาวใน ANCAP อีกด้วย
TOYOTA CAMRY ปรับโฉมปี 2558
หลังจากโตโยต้า คัมรี่ ได้เปิดตัวไปในปี 2555 ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีการตัดออปชั่นหลายอย่างออกไป ทำให้โตโยต้า คัมรี่ ได้มีการปรับโฉมใหม่โดยเพิ่มระบบความปลอดภัยให้ดีขึ้นกว่าเดิมด้วยถุงลมนิรภัย 7 ใบ (รุ่น 2.5G ขึ้นไป) ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลม และถุงลมเข่า, ถุงลมนิรภัย 4 ใบ (ในรุ่น 2.0G และ EXTREMO) ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง ,ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Braking System) ระบบกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ EBD (Electronic Brake-force Distribution) และ ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist), ระบบช่วยเหลือการทรงตัวเสถียรภาพ VSC (Vehicle Stability Control), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC (Traction Control), ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC (Hill-start Assist Control, ระบบเตือนมุมอับสายตา BSM (Blind Spot Monitor), ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Taffic Alert), กล้องมองหลัง, ไฟฉุกเฉินกะพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน ESS (Emergency Stop Signal), Parking Sensor ด้านหน้า 2 จุด ด้านท้าย 4 จุด, ระบบปรับไฟสูงปรับอัตโนมัติ AHB (Auto High Beam) (เฉพาะ HYBRID Premium), ระบบป้องกันรถออกนอกช่องทาง LDW (Lane Departure Warning) (เฉพาะ HYBRID Premium), ระบบครูสคอนโทรลแปรผันรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า DRCC (Dynamic Radar Cruise Control) (เฉพาะ HYBRID Premium) และ ระบบเสริมความปลอดภัยก่อนการชน เรดาร์จับสิ่งกีดขวางหน้ารถพร้อมกับรัดเข็มขัดนิรภัยให้แน่นขึ้นและเบรกอัตโนมัติ PCS (Pre-Crash Safety) (เฉพาะ HYBRID Premium) ส่วนภายนอก ได้มีการเปลี่ยนการออกแบบกระจังหน้าใหม่ตามแบบ Keen Look และปรับเปลี่ยนการออกแบบไฟท้ายใหม่
ส่วนสำหรับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร โตโยต้า คัมรี่ 2015 ได้เปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์รหัส 6AR-FSE VVT-iW พร้อมหัวฉีดใหม่ D-4S ขนาดกระบอกสูบ 1,998 ซีซี กำลัง 167 แรงม้า แรงบิด 199 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติทอร์คคอนเวอร์เตอร์ 6 จังหวะ
ในรุ่นปรับโฉม มีรุ่นย่อยทั้งหมด 6 รุ่น ประกอบด้วย
รุ่น 2.0G ราคา 1,319,000 บาท
รุ่น 2.0 Extremo ราคา 1,429,000 บาท
รุ่น 2.5G ราคา 1,569,000 บาท
รุ่น 2.5 ESPORT ราคา 1,639,000 บาท
รุ่น 2.5HV Hybrid CD ราคา 1,679,000 บาท
รุ่น 2.5HV Hybrid Navigator ราคา 1,729,000 บาท
รุ่น 2.5HV Hybrid Premium ราคา 1,899,000 บาท
TOYOTA CAMRY รุ่นปรับอุปกรณ์ปี 2559
ในปี 2559 โตโยต้า คัมรี่ ได้มีการเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ใหม่ตามรุ่นย่อย ดังนี้
2.5G ปรับโฉมกระจังหน้าแบบ Black Grille กระจกมองข้างปรับอัตโนมัติขณะถอยหลัง (2-Side Reverse Link & Auto Retractable) ภายในตกแต่งด้วยหัวเกียร์หุ้มหนัง ติดตั้งเครื่องเล่น DVD พร้อมลำโพง JBL Green Edge Tech เพิ่มจาก 10 ตัว เป็น12 ตัว เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนด้วย Bluetooth เชื่อมต่อแบบไร้สาย (Hands-free) และมีพอร์ท USB / VTR ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับและกระจกมองข้าง ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ (Auto Rain Sensor) ส่วนสีภายนอกมีสีขาวมุก White Pearl เป็นสีใหม่
ESPORT กระจังหน้าโครเมียม เพิ่มแถบสีแดงแบบ Sport Type กันชนหลังตกแต่งด้วยแถบสีแดง ห้องโดยสารมีจุดยึดเบาะนิรภัยสำหรับเด็ก สีภายนอกใหม่ แดง Super Red V
2.0G กระจังหน้า Black Grille เพิ่มระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับและกระจกมองข้าง กระจกมองข้างพับ/กางอัตโนมัติ กระจกมองข้างปรับอัตโนมัติขณะถอยหลัง (2-Side Reverse Link & Auto Retractable) ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ (Auto Rain Sensor) หัวเกียร์หุ้มหนังพร้อมลายไม้พิเศษ ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง ประกอบด้วยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านด้านข้าง หัวเข่าด้านผู้ขับ และด้านข้างเบาะหลัง
2.0G Extremo : ติดตั้งสเกิร์ตสปอร์ตรอบคัน ท่อไอเสียคู่แบบสปอร์ต ล้ออัลลอย 17 นิ้วลายใหม่ ไฟส่องสว่างที่ประตูคู่หน้าพร้อมสัญลักษณ์ Extremo ห้องโดยสารตกแต่งด้วยลายไม้สีดำ พวงมาลัยสปอร์ตสีดำ เครื่องเล่น DVD พร้อมลำโพง JBL Green Edge Tech เพิ่มจาก 10 ตัว เป็น12 ตัว พร้อมระบบเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนด้วย Bluetooth
2.5HV Hybrid Premium และ 2.5HV Hybrid Navigator รองรับการใช้แก๊สโซฮอล์ E20 กระจังหน้าแบบ Mesh Radiator Black Grille ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED เกียร์หุ้มหนังพร้อมลายไม้พิเศษ เครื่องเล่น DVD พร้อมลำโพง JBL Green Edge Tech เพิ่มจาก 10 ตัวเป็น 12 ตัว เพิ่มระบบตรวจวัดแรงดันลมยางอัตโนมัติ TPMS (Tyre Pressure Monitor System) สัญญาณเตือนจะปรากฏที่หน้าจอแสดงผล หากตรวจพบว่าความดันภายในลมยางล้อใดล้อหนึ่งลดลงเกิน 20% (รุ่น 2.5HV Premium) ถุงลมนิรภัย 9 ตำแหน่ง ประกอบด้วยถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านด้านข้าง หัวเข่าด้านคนขับ และด้านข้างเบาะหลัง (รุ่น 2.5HV Premium)
ส่วนราคามีการเปลี่ยนแปลง ดังนี้
2.5 HV Premium ราคา 1,849,000 บาท (ลดลง 50,000 บาท)
2.5 HV Navigator ราคา 1,659,000 บาท (ลดลง 70,000 บาท)
2.5 ESPORT ราคา 1,639,000 บาท
2.5 G ราคา 1,599,000 บาท
2.0 G Extremo ราคา 1,525,000 บาท (เพิ่มขึ้น 96,000 บาท)
2.0 G ราคา 1,399,000 บาท
โตโยต้า คัมรี่ เอสปอร์ท โตโยต้า คัมรี่ เอสปอร์ท ได้นำเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยโดยนำเข้ามาจากประเทศออสเตรเลีย ซึ่งโตโยต้า คัมรี่ เอสปอร์ท ได้มีรูปร่างเดียวกับกับโฉมอเมริกา และใช้คอนเซปต์ในการโฆษณาว่า “Life is thrilling”
รุ่นปรับอุปกรณ์ปี 2560
2.0G Extremo : เปลี่ยนชุดแต่งใหม่
ล้ออัลลอย 17 นิ้ว ลายใหม่ ไฟหน้า LED Dual Projector แบบ Hybrid ไฟเลี้ยว แยกจากไฟหน้า แบบ Hybrid ภายในเปลี่ยนจากลายไม้สีดำเป็น ลายไม้คาร์บอน (Carbon Wood) วันที่ 11 กรกฎาคม 2560
2.0G , 2.5G , 2.5HV HYBRID : เปลี่ยน เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง สีครีม เป็น สีน้ำตาล Kogane
เปลี่ยนภายใน สีดำตัดครีม เป็น สีดำ เปลี่ยน ตะเข็บด้ายบนแดชบอร์ด จากสีดำ เป็น สีน้ำตาล Kogane เปลี่ยน ลายไม้แบบพิเศษ เป็นลายไม้คาร์บอน (Carbon Wood) เปลี่ยน พวงมาลัยแบบ 4 ก้าน เป็น 3 ก้านแบบ EXTREMO ล้ออัลลอย 17 นิ้ว พ่น Hi-Gloss (เฉพาะรุ่น Hybrid) วันที่ 19 สิงหาคม 2560
ส่วนราคาไม่มีการเปลี่ยนแปลง
2.5 HV Premium ราคา 1,849,000 บาท (เท่าเดิม)
2.5 HV Navigator ราคา 1,659,000 บาท (เท่าเดิม)
2.5 ESPORT ราคา 1,639,000 บาท (เท่าเดิม)
2.5 G ราคา 1,599,000 บาท (เท่าเดิม)
2.0 G Extremo ราคา 1,525,000 บาท (เท่าเดิม)
2.0 G ราคา 1,399,000 บาท (เท่าเดิม)
รุ่นปรับอุปกรณ์ปี 2561
2.5 HV Navigator และ 2.5 HV Premium มีการเพิ่มระบบ T-Connect TELEMATICS
Find My Car เช็คตำแหน่งตัวรถผ่าน Application Find My Car หรือ Apple Watch
Service Reminder ระบบแจ้งเตือนการบำรุงรักษารถยนต์ เมื่อถึงรอบตามระยะ
Service Appointment บริการนัดหมายเข้าศูนย์บริการผ่านระบบออนไลน์
My Message แจ้งข่าวสาร ข้อมูลส่วนลด พร้อมสิทธิพิเศษจากโครงการ Toyota Privilege
Parking Alert ระบบแจ้งเตือนผ่าน Notification เมื่อรถถูกสตาร์ท หรือ เคลื่อนที่
Stolen Vehicle Tracking ระบบตรวจสอบตำแหน่งรถยนต์ เมื่อถูกโจรกรรม
My Toyota Wi-Fi กระจายสัญญาณ เชื่อมต่อความบันเทิงได้พร้อมกันสูงสุด 9 อุปกรณ์
OPS (Operation Service) ผู้ช่วยค้นหาเส้นทางตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมบริการจองร้านอาหาร
SOS ประสานงานช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง
Roadside Service บริการประสานงานไปยังผู้แทนจำหน่ายใกล้เคียง เพื่อขอรับความช่วยเหลือบนท้องถนน
Health บริการประสานงานแจ้งเหตุฉุกเฉินด้านการแพทย์ โดยการส่งตำแหน่งที่คุณอยู่ไปยังสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.)
ราคารุ่น 2.5 HV มีการเปลี่ยนราคา ส่วนรุ่นอื่นไม่มีการเปลี่ยนแปลง
2.5 HV Premium Telematics ราคา 1,863,000 บาท (เพิ่มเงิน 14,000 บาท)
2.5 HV Navigator Telematics ราคา 1,673,000 บาท (เพิ่มเงิน 14,000 บาท)
2.5 ESPORT ราคา 1,639,000 บาท (เท่าเดิม)
2.5 G ราคา 1,599,000 บาท (เท่าเดิม)
2.0 G Extremo ราคา 1,525,000 บาท (เท่าเดิม)
2.0 G ราคา 1,399,000 บาท (เท่าเดิม)
ACV70 หรือ 8th Generation (พ.ศ. 2560 – ปัจจุบัน)
โตโยต้า คัมรี่ โฉมนี้ได้เปิดตัวครั้งแรกในงานดีทรอยต์ออโต้โชว์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2560 เริ่มขายเมื่อสิ้นเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2560 และต่อมาเปิดตัวในประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 หลังจากนั้นก็จะเริ่มจะยอยเปิดตัวในประเทศไทย ออสเตรเลีย และประเทศอื่น ๆ ภายในสิ้นปี พ.ศ. 2560 หรือต้นปี พ.ศ. 2561 โดยโฉมนี้จะเป็นโฉมที่ใช้ร่วมกันทั่วโลก (รุ่นโกลบอล)
โตโยต้า คัมรี่ โฉมนี้ได้สร้างภายใต้แพลทฟอร์ม Toyota New Global Architecture ซึ่งได้ใช้ร่วมกันกับโตโยต้า พริอุสไฮบริดแฮทช์แบ็กรุ่นที่ 5 และโตโยต้า ซี-เอชอาร์ที่เป็นเอสยูวีครอสโอเวอร์
โดยแต่ละรุ่นจะมีกระจังหน้าที่แตกต่างกัน โดยรุ่นธรรมดาจะมีกระจังหน้าอีกแบบหนึ่งและรุ่นไฮบริดก็จะมีกระจังหน้าอีกแบบหนึ่ง
รุ่นย่อยของโตโยต้า คัมรี่โฉมนี้ในประเทศสหรัฐอเมริกาประกอบไปด้วยรุ่น L, LE, SE, XLE และ XSE โดยที่รุ่น LE, SE และ XLE เป็นคัมรี่เวอร์ชันไฮบริด และรุ่น XSE และ XLE จะเป็นคัมรี่ที่ติดตั้งขุมพลังเครื่องยนต์ 3.5 ลิตร V6
ทางเลือกเครื่องยนต์จะประกอบไปด้วยเครื่องยนต์ธรรมดา 2.5 ลิตร 4 สูบ ให้กำลังได้ 205 แรงม้า และเมื่อใช้ร่วมกับท่อ 4 รู จะให้กำลังสูงสุดได้ 208 แรงม้า และเครื่องยนต์ไฮบริด 2.5 ลิตร 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 200 แรงม้า และเครื่องยนต์ตัวท็อป 3.5 ลิตร วี6 ให้กำลังสูงสุด 300 แรงม้า
ชิ้นส่วนประกอบที่ใช้ร่วมกันกับโตโยต้าคัมรี่รุ่นก่อน ๆ มีเพียงแค่สัญลักษณ์โตโยต้าบนกระจังหน้าและฝากระโปรงหลัง
โตโยต้า คัมรี่โฉมนี้จะเป็นรถยนต์โตโยต้ารุ่นแรกที่ได้ใช้ระบบเอนโฟนเทนเมนต์ Entune 3.0 ที่สร้างบนพื้นฐานของ Linux และเป็นระบบปฏิบัติการโอเพ่นซอร์สสามารถให้นักพัฒนาโปรแกรมสามารถสร้างโปรแกรมที่สามารถใช้ร่วมกันกับระบบปฏิบัติการนี้ได้
ตัวเลือกระบบเกียร์ประกอบไปด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ (CVT) สำหรับรุ่นไฮบริด และเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะสำหรับรุ่นเครื่องยนต์ 4 สูบกับเครื่องยนต์วี6
โตโยต้า คัมรี่โฉมนี้จะมีระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense เป็นมาตรฐานในทุกรุ่นย่อย ประกอบไปด้วย ระบบเรดาร์จับวัตถุ/คนด้านหน้า เรดาร์ตรวจจับความเร็วรถด้านหน้า ระบบเตือนการขับออกนอกเลน ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตา ระบบเตือนเมื่อมีวัตถุตัดผ่านขณะถอยหลัง และระบบเบรกอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง
โตโยต้า คัมรี่ เพิ่งจะเปิดเผยรุ่นใหม่ออกมาเมื่อไม่นานนี้ ถือเป็นการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในปัจจุบัน รุ่นนี้ถือเป็รถยนต์นั่งที่ได้รับความนิยม และการเปิดตัวครั้งนี้ก็เป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกับทั่วโลก มันมีความหมายว่า โตโยต้า คัมรี่ เป็นรุ่นที่ใช้กันทั่วโลก Global Model เรื่องของมาตรฐานการผลิต ประกอบ อะไหล่ ย่อมได้มาตรฐานและมีจำนวนมากหาได้ง่าย เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์สินค้า และรุ่นรถยนต์ในที่สุด…
เรื่อง : จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี/ศิปิวรรธ ปานกลาง เรียบเรียง
เครดิตภาพ: https://th.wikipedia.org / Motor Trend /Looking At Cars / Car and Driver / Ray Brandt Toyota
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th