Toyota Corolla Sport เจาะกลุ่มมิลเลนเนียลส์-ประเดิมระบบเชื่อมต่อ Connected Cars
Toyota ตัดสินใจจับโมเดลที่ขายดีที่สุดของพวกเขามาปรับโฉมครั้งใหญ่จนกลายเป็น Corolla Sport เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนวัยมิลเลนเนียลส์ในประเทศญี่ปุ่น พร้อมติดตั้งระบบเชื่อมต่อข้อมูลให้กลายเป็น “Connected Cars” เจเนอเรชั่นแรกที่สามารถคุยกับรถของคุณผ่าน Line แอพลิเคชั่นยอดนิยมได้อีกด้วย
ในขณะที่อเมริกาเหนือ ตลาดใหญ่ของ Corolla ที่มียอดขายคิดเป็น 1 ใน 3 ของทั่วโลก ลูกค้าส่วนใหญ่คือกลุ่มคนที่เพิ่งซื้อรถคันแรก และนักศึกษามหาวิทยาลัย แต่สำหรับประเทศญี่ปุ่น ถิ่นกำเนิดของรถยนต์รุ่นนี้ กลุ่มลูกค้ากลับกลายเป็นคนสูงอายุวัย 70 ปีอัพ – ภาพจำที่ Toyota ต้องการจะเปลี่ยนแปลง
“ในจุดหนึ่ง Corolla กลายเป็นรถยนต์ที่ดึงดูดลูกค้าสูงวัยมากกว่า” Yoshiki Konishi หัวหน้าทีมวิศวกรของโมเดลนี้ อธิบาย “การรักษากลุ่มลูกค้าเดิมมีความสำคัญอย่างมาก แต่สิ่งที่จำเป็นตอนนี้คือการปรับภาพลักษณ์ใหม่ (Rebrand) เราต้องการให้ Corolla เข้าถึงกลุ่มคนใช้รถที่อายุน้อย เราวางเป้าหมายไว้ที่คนในช่วงอายุ 20-30 ปี”
นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1966 ภายใต้คอนเซ็ปต์ขับเคลื่อนญี่ปุ่น “Mobilizing Japan” นับจนถึงปัจจุบัน Corolla กลายเป็นรถยนต์ครองใจคนทั่วโลก ด้วยยอดขายรวมกว่า 46 ล้านคันใน 150 ประเทศ ในเจเนอเรชั่นที่ 12 กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญกับการมาถึงของ Corolla Sport ที่เฝ้ารอมานานนับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในงานนิวยอร์ก มอเตอร์โชว์ 2017 และตอนนี้พร้อมจะเริ่มต้นขายอย่างเป็นทางการในญี่ปุ่น
Fact: Millennials-มิลเลนเนียส์ เป็นคำนิยามกลุ่มคนที่เกิดตั้งแต่ปี 1980 จนถึงช่วงเปลี่ยนผ่านสหัสวรรษหรือช่วงต้นยุค 2000 โดยก่อนหน้านี้หลายคนอาจจะคุ้นในชื่อเรียกว่า Generation Y
Corolla Sport เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ใช้โครงสร้างตัวถัง TNGA (Toyota New Global Architecture) เหมือนกับครอสส์โอเวอร์ยอดนิยม Toyota C-HR ด้วยตัวรถที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทำให้มีประสิทธิภาพในการเกาะถนน และรองรับสมรรถนะของเครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การใส่ Sport ต่อท้าย ทำให้ไฮไลต์ของ Corolla ตัวใหม่อยู่ที่เครื่องยนต์เทอร์โบไดเร็คอินเจ็กชั่น 1.2 ลิตร (1.2-liter Direct-injection Turbo Engine) พร้อมใส่เกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i 10 สปีด เพื่อความสนุกในการขับขี่ รองรับกำลัง 116 แรงม้าที่ 5200-5600 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 185 นิวตันเมตรที่ 1500-4000 รอบต่อนาที โดยจะแบ่งเป็น 6 รุ่นย่อยมีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้า และขับเคลื่อนสี่ล้อ ราคาระหว่าง 2.3-2.4 ล้านเยน (ประมาณ 6.9-7.2 แสนบาท)
แต่ตามนโยบายหลักของ Toyota ที่จะก้าวสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้า Corolla Sport จะมีตัวเลือกในรุ่น 1.8-liter Hybrid Engine โดยเครื่องยนต์เบนซินจะให้กำลัง 98 แรงม้าที่ 5200 รอบต่อนาที และแรงบิด 142 นิวตันเมตรที่ 3600 รอบต่อนาที เสริมด้วยกำลังมอเตอร์ไฟฟ้า 72 แรงม้า และแรงบิด 163 นิวตันเมตร อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ 34.2 กม./ลิตร ตามมาตรฐานการทดสอบอัตราประหยัดน้ำมันของญี่ปุ่น (JC08) มีให้เลือก 3 รุ่นย่อยราคาระหว่าง 2.4-2.6 ล้านเยน (ประมาณ 7.2-8 แสนบาท)
Corolla Sport ถูกวางให้ประเดิมเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่จะติดตั้งระบบสื่อสารข้อมูล Data Communication Module (DCM) เป็นอุปกรณ์มาตรฐานเช่นเดียวกับซีดานหรู Toyota Crown ที่เปิดตัวในวันเดียวกัน เพื่อเชื่อมต่อข้อมูลผ่านบริการ T-Connect และเครือข่ายข้อมูล Mobility Service Platform (MSPF) ในการติดต่อข้อมูลทั้งสอบถามเส้นทางกับเจ้าหน้าที่ ในการตั้งข้อมูลระบบเนวิเกเตอร์ และการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นที่เกิดกับรถยนต์ ภายใต้บริการ e-Care Driving Guidance รวมทั้งการส่งแจ้งความผิดปกติของรถยนต์สู่ศูนย์บริการที่อยู่ใกล้ที่สุดเพื่อให้เจ้าหน้าที่โทรแจ้งให้เจ้าของนำรถยนต์เข้าตรวจเช็ค รวมถึงการคำนวณเบี้ยประกันภัยจากพฤติกรรมการขับขี่จริง
ที่น่าจะถูกใจหากนำมาใช้งานในบ้านเราคงจะเป็น “My Car Account on the LINE app” โดยทั้งคนขับ และผู้โดยสารสามารถพูดคุยกับรถยนต์ Toyota ที่ติดตั้ง Connected Cars ด้วยแอพลิเคชั่น Line เพียงแค่พิมพ์ข้อความผ่านฟังก์ชั่น My Car Account อย่างเช่นชื่อสถานที่จะถูกส่งเข้าสู่หน้าจอเนวิเกเตอร์บนรถยนต์ พร้อมบอกรายละเอียดระยะเวลา, ปริมาณน้ำมัน และอัตราสิ้นเปลือง
การเปิดตัวโมเดลใหม่พร้อมระบบเชื่อมต่อล่าสุด Toyota ไม่ได้คาดหวังแค่ความปลอดภัยหรือการขับขี่ที่สนุกเท่านั้น แต่ต้องการให้ MSPF ทำให้ลูกค้าเข้าใจ และใส่ใจรถยนต์ของตัวเองมากขึ้น ด้วยการตั้งเป้าหมายจะก้าวสู่ “Human Connected Service” การเชื่อมต่อที่ลงตัวระหว่างผู้คนกับเทคโนโลยี
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: newsroom.toyota.co.jp
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th