Toyota GR Yaris แฮทช์แบ็กรุ่นแรงสายพันธุ์แรลลี

เนื่องจาก Toyota ใช้ Yaris เป็นตัวแข่ง WRC หลังจากหยุดผลิต Celica GT-Four จึงวางแผนจะเปิดตัว GR Yaris ที่แรลลีในออสเตรเลียเมื่อปีที่แล้ว แต่เนื่องจากปัญหาเรื่องไฟป่าจึงต้องมีการเลื่อนการเปิดตัวออกไป และในที่สุดก็เลือกงานแสดงรถแต่งและอุปกรณ์โตเกียว ออโต ซาลอนในบ้านตัวเองปีนี้เป็นสถานที่เปิดตัวรถแฮทช์แบ็กขนาดเล็กสมรรถนะสูงซึ่งตั้งใจทำออกมาเพื่อเป็นคู่ปรับรถขนาดเดียวกันที่มีสมรรถนะสูงอย่าง Renault Clio RS และ Volkswagen Polo GTI แทน

เพื่อต่อกรกับรถแฮทช์แบ็กขนาดเล็กสมรรถนะสูงที่มีอยู่ในตลาด ทาง Toyota จึงทำ GR Yaris ออกมาให้มีทั้งกำลังที่มากกว่ารวมทั้งใส่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อซึ่งไม่มีในคู่แข่งเข้ามา และเพื่อทำให้ GR Yaris ซึ่งใช้พื้นฐานจาก Yaris เจนเนเรชั่นล่าสุดที่ขับเคลื่อนด้วยล้อหน้า ทาง Toyota จึงใช้ส่วนหน้าของแพลตฟอร์ม GA-B ที่ใช้ครั้งแรกใน Yaris รุ่นใหม่ร่วมกับด้านหลังของแพล็ตฟอร์ม GA-C จึงสามารถสร้างระบบขับเคลื่อน 4 ล้อในรถได้ พร้อมกับมีการออกแบบช่วงล่างใหม่ทั้งการปรับดับเบิลวิชโบน ระบบสตรัตที่ด้านหน้า และทอร์ชั่นบีมที่ด้านหลัง

หัวใจของสมรรถนะ Toyota GR Yarisคือเครื่องยนต์ 3 สูบ 1,600 ซีซี เทอร์โบ ซึ่งสร้างกำลังออกมาได้ 275 แรงม้า แรงบิด 360 นิวตัน-เมตรสำหรับรุ่นขายนอกญี่ปุ่น แต่รถที่ขายในประเทศตัวเองจะมีแรงม้าที่ลดลงนิดหน่อยเหลือ 272 แรงม้า ส่วนแรงบิดเพิ่มขึ้นเป็น 370 นิวตัน-เมตร และใช้เกียร์แมนนวล 6 สปีดเพื่อส่งกำลัง โดยจะมี Torsen Limited-Slip Differential เพิ่มใน Circuit Pack ทาง Toyota ระบุว่าด้วยน้ำหนักของรถ 1,280 กิโลกรัมจึงทำให้มีอัตราส่วนน้ำหนักต่อแรงม้าอยู่ที่ 4.9 กิโลกรัมต่อ 1 แรงม้า และสามารถทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ด้วยเวลา 5.5 วินาที ในขณะที่ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 230 กม./ชม.

สำหรับการหยุดรถเป็นหน้าที่ของดิสก์เบรกขนาด 356 มม. กับคาลิเปอร์ 4 ลูกสูบที่ล้อหน้า ในขณะที่ล้อหลังดิสก์เบรกมีขนาด 297 มม. และเป็นคาลิเปอร์ 2 ลูกสูบ ส่วนล้อขนาด 18 นิ้วของรถหุ้มด้วยยาง Michelin Pilot Sport 4s ขนาด 225/40

รถแฮทช์ขนาดเล็กรุ่นแรงจาก Toyota มาพร้อมกับ 3 โหมดการขับให้เลือกคือ Normal, Sport และ Track ซึ่งจะมีการส่งแรงบิดสู่ล้อหน้าและหลังแตกต่างกันคือ 60:40, 30:70 และ 50:50 โดยแต่ละโหมดจะมีการปรับความสมดุลย์ในการส่งกำลังอัตโนมัติตามสภาพถนน ลักษณะของรถ และลักษณะการขับ ซึ่งจะทำให้สามารถส่งแรงบิดสู่ล้อหน้าหรือล้อหลัง 100 เปอร์เซ็นต์ได้ทันทีเพื่อช่วยในการยึดเกาะถนนและการเข้าโค้งที่เร็วขึ้น

ด้านรูปลักษณ์ของแฮทช์แบ็กขนาดเล็กรุ่นแรงมาพร้อมความดุของช่องดักอากาศขนาดใหญ่ที่ด้านหน้า ซุ้มล้อที่มีใหญ่สร้างมัดกล้ามให้รถ สปอยเลอร์หลังที่ปลายหลังคา รวมทั้ง Diffuser และท่อไอเสียคู่ ส่วนภายในห้องโดยสารสร้างอารมณ์สปอร์ตด้วยการใช้หนังสีดำและ Alcantara โดยมีเส้นสีแดงตัด นอกจากนี้ยังมีสัญลักษณ์ GR ทั้งที่พนักพิงศรีษะเบาะหน้า พวงมาลัย และกราฟฟิกบนหน้าจอแสดงข้อมูล