Toyota Highlander ลุยตลาดยุโรปเป็นครั้งแรกด้วยขุมกำลังไฮบริด
แม้ว่า Toyota จะเปิดตัวรถเอสยูวีขนาดกลาง Highlander หรือชื่อ Kluger ในญี่ปุ่นและออสเตรเลียมาตั้งแต่ปี 2000 โดยที่ส่งรถเอสยูวีรุ่นนี้ทำตลาดรถเอสยูวีขนาดกลาง 7 ที่นั่งในสหรัฐอเมริกามาตลอด แต่ต้องรอถึง 20 ปีนับตั้งแต่เปิดตัวรุ่นแรกตลาดยุโรปตะวันตกจึงจะได้มีโอกาสสัมผัสกับรถเอสยูวี 7 ที่นั่งรุ่นนี้เป็นครั้งแรก เพราะทาง Toyota เพิ่งมีการเปิดตัว Highlander เจนเนอเรชั่นที่ 4 สำหรับขายในยุโรปหลังจากเปิดตัวออกมาครั้งแรกที่สหรัฐอเมริกามาตั้งแต่ปี 2019
แน่นอนว่าด้วยขนาดของรถทำให้ Toyota Highlander ที่ขายในยุโรปถูกวางตัวไว้ในระดับที่สูงกว่า RAV4 โดยจะมีขายกับขุมกำลังแบบเดียวคือ Self-charging Hybrid เจนเนอเรชั่นที่ 4 ซึ่งใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตรทำงานร่วมกับ 2 มอเตอร์ที่แยกอยู่ด้านหน้าและด้านหลังของรถรวมทั้งแบตเตอรีนิเกิลเมทัลไฮครายด์ที่ติดตั้งอยู่ใต้เบาะนั่งแถวที่ 2 โดยกำลังขับเคลื่อนรวมของ Highlander ขุมกำลังไฮบริดอยู่ที่ 248 แรงม้า สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ด้วยเวลา 8.3 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 180 กม./ชม. แต่หากเดินทางโดยใช้เฉพาะพลังงานไฟฟ้าจะทำความเร็วสูงสุดได้ 125 กม./ชม. และรถเอสยูวีขนาดกลางรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD-i
Highlander มาพร้อมกับ 4 โหมดการขับให้เลือกคือ Eco, Normal, Sport และ Trail โดยที่สามารถเลือกโหมดการขับได้แม้ในขณะที่รถกำลังขับเคลื่อนรวมทั้งสามารถเลือกขับโดยใช้เฉพาะพลังงานไฟฟ้าหรือโหมด EV ได้ตลอด นอกจากนี้ทาง Toyota ยังระบุว่ามีการปรับปรุงเกียร์ CVT ใหม่เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุดด้านความประหยัด
สำหรับอุปกรณ์มาตรฐานที่มาพร้อมกับรถมีทั้ง Smart Entry, ไฟหน้า LED, ระบบปรับอากาศ 3 โซน, ระบบปรับความอุ่นที่เบาะ และระบบชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สาย รวมไปถึงใช้จอแสดงข้อมูลดิจิตอลสำหรับผู้ขับขนาด 7 นิ้วร่วมกับจอระบบ Infotainment ขนาด 8 นิ้ว และชุดระบบช่วยขับ Toyota SafetySense แต่หากเป็นเกรดสูงจะมีอุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มขึ้นมาอย่างไฟหน้า Projector LED พร้อมหัวฉีดน้ำล้างไฟ ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ประตูท้ายเปิดไฟฟ้า ไฟ Ambient Lighting สีฟ้า โดยที่มีออฟชั่นอย่างหลังคาซันรูฟพาโนรามิก จอระบบ Infotainment ขนาด 12.3 นิ้วพร้อมระบบนำทางผ่านดาวเทียม และระบบเสียงพรีเมียม 1,200 วัตต์ ลำโพง 11 ตัวจาก JBL ให้เลือก
ทาง Toyota ยังระบุว่า Highlander รุ่นปี 2021 ที่ขายในยุโรปมาพร้อมกับกระจกหน้ารถรวมทั้งกระจกหน้าต่างของเบาะหน้าป้องกันเสียง และมีการเพิ่มการป้องกันเสียงทั้งที่ซุ้มล้อและพื้นที่เก็บของ รวมไปถึงมีหลังคา แผงแดชบอร์ด และพื้นรถที่ช่วยลดเสียงลง
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th