Toyota รั้งอันดับ 1 -ผลสำรวจบริการหลังการขายศูนย์บริการรถยนต์ประเทศไทยจาก Differential Thailand

ค่ายรถมุ่งพัฒนาการ บริการหลังการขาย ท่ามกลางสภาวะการแข่งขันที่เข้มข้น ส่งผลลูกค้าเกิดความพึงพอใจในการเข้ารับบริการสูงขึ้น Toyota โตโยต้า บริการหลังการขาย
ดิฟเฟอเรนเชียล (ไทยแลนด์) บริษัทที่ปรึกษา และวิจัยตลาดชั้นนำ เปิดเผยผลการศึกษาวิจัยประสบการณ์ลูกค้าด้านความพึงพอใจในการนำรถเข้ารับบริการหลังการขายจากศูนย์บริการรถยนต์มาตรฐานของแต่ละยี่ห้อทั่วประเทศ (Service CXI) ซึ่งเป็นการศึกษาวิจัยฯ พบว่าค่าเฉลี่ยความพึงพอใจ Service CXI ในการนำรถเข้ารับบริการหลังการขายจากศูนย์บริการฯ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 8 คะแนนเป็น 893 คะแนน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงผลการมุ่งพัฒนาการบริการของศูนย์บริการมาตรฐานรถยนต์แต่ละยี่ห้อ เพื่อเน้นสร้างความพึงพอใจสูงสุด รวมถึงความผูกพันที่มีต่อแบรนด์ และความรู้สึกคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปในการเข้ารับบริการ
• หมายเหตุ: (การศึกษานี้แสดงถึงการประเมินโดยหน่วยงานอิสระ และบุคคลที่สามเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการให้บริการลูกค้าโดยแบรนด์รถยนต์ที่อยู่ในกลุ่มรถยนต์แบรนด์ยอดนิยม (ไม่รวมกลุ่มรถหรูและรถสปอร์ต) ในอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย CHANGAN Deepal และ GAC Aion ไม่ถูกจัดอันดับเนื่องจากขนาดตัวอย่างมีขนาดเล็กหรือไม่เพียงพอ
โดยการศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับความคาดหวังที่เปลี่ยนแปลงไปของเจ้าของรถในกลุ่มรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และแนวโน้มทางการแข่งขัน ซึ่งจะช่วยให้บริษัทรถยนต์สามารถพัฒนากลยุทธ์การบริการหลังการขาย และสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องให้กับลูกค้า
การศึกษาวิจัยฯ ครั้งนี้ได้ดำเนินการระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2567 โดยรวบรวมข้อมูลความคิดเห็นจากเจ้าของรถที่นำรถเข้ารับบริการภายในช่วงเวลาไม่เกิน 10 เดือนนับจากวันที่สัมภาษณ์ และเป็นเจ้าของรถที่มีอายุ 12-36 เดือนนับจากวันที่สัมภาษณ์ โดยวัดความพึงพอใจใน 5 ปัจจัยหลักที่ลูกค้าให้ความสำคัญ ได้แก่ 1) คุณภาพงานบริการ 2) ราคาและความคุ้มค่า 3) การบริการจากพนักงานและสิ่งอำนวยความสะดวกในศูนย์บริการ 4) การสื่อสารและความชัดเจน และ 5) ความสะดวก และความง่ายในการเข้าถึงบริการ
GWM เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่น พัฒนาผลิตภัณฑ์คู่บริการหลังการขายให้คนไทยใช้รถดีที่สุด
เกี่ยวกับการศึกษา: การศึกษา Thailand Service CXI 2025SM เป็นการประเมินความพึงพอใจของลูกค้าที่มีต่อเครือข่ายบริการรถยนต์ที่ได้รับอนุญาตในประเทศไทยโดยอิสระ การศึกษานี้ครอบคลุมแบรนด์ยอดนิยม 12 แบรนด์ โดยอิงจากผู้ตอบแบบสอบถาม 2,516 คนทั่วประเทศไทยที่ซื้อรถยนต์ระหว่างเดือนตุลาคม 2564-พฤศจิกายน 2565 และรับบริการระหว่างเดือนธันวาคม 2566-ธันวาคม 2567
การศึกษานี้ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับผู้บริหารด้านยานยนต์ที่ต้องการปรับปรุงกลยุทธ์หลังการขาย โดยให้ข้อมูลเปรียบเทียบโดยละเอียด ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสิทธิภาพการแข่งขัน และการวิเคราะห์ความรู้สึกของลูกค้า
ศิรส สาตราภัย กรรมการผู้จัดการบริษัทดิฟเฟอเรนเชียล ประจำประเทศไทย เปิดเผยเพิ่มเติมว่า “จากการศึกษาวิจัยประสบการณ์ลูกค้าด้านความพึงพอใจในการนำรถเข้ารับบริการหลังการขายจากศูนย์บริการรถยนต์มาตรฐานของแต่ละยี่ห้อทั่วประเทศในครั้งนี้ เราพบประเด็นที่น่าสนใจ อาทิ ค่าเฉลี่ยคะแนนความพึงพอใจ (Service CXI) มีอัตราเพิ่มขึ้น โดยค่าเฉลี่ยในกลุ่มรถยนต์แบรนด์ยอดนิยมเพิ่มขึ้น 8 คะแนน สะท้อนถึงการปรับปรุงโดยรวมของการบริการหลังการขาย โดย Toyota ยังคงเป็นแบรนด์ที่ได้รับคะแนนสูงสุดถึง 897 คะแนน (เพิ่มขึ้น 6 คะแนนจากปีที่ผ่านมา) ในขณะที่ Ford ได้ 896 คะแนน (เพิ่มขึ้น 11 คะแนน) ส่วน GWM ได้ 895 คะแนน(เพิ่มขึ้น 6 คะแนน) โดยการปรับปรุงที่เด่นชัดเกิดในจุดสำคัญ อาทิ ราคาและประสิทธิภาพการสื่อสาร และการเข้าถึงบริการที่ง่ายขึ้น”
“จุดที่ 2 ความแตกต่างในด้านความพึงพอใจของลูกค้าของแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่น และแบรนด์รถยนต์จีน: แบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่น อาทิ Toyota, Honda และ Nissan ได้รับคะแนนการจัดอันดับคุณภาพการบริการ และความโปร่งใสที่สูงกว่า ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการพัฒนาบุคลากรและคุณภาพการบริการอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง จึงทำให้ลูกค้ามีความพึงพอใจมากขึ้น และเกิดความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว”
“ในส่วนแบรนด์รถยนต์จากจีน อาทิ GWM BYD และ NETA แม้จะเร่งสร้างโอกาสทางการแข่งขันด้วยกลยุทธ์ด้านราคา และการเข้าถึงการบริการที่ง่ายขึ้นโดยการนำระบบดิจิตอลมาใช้ แต่อย่างไรก็ตามยังคงพบปัญหาในเรื่องความพร้อมของอะไหล่ทดแทน ปัญหาความมั่นใจในการรับประกันและการบริการหลังการขาย ซึ่งในส่วนนี้แบรนด์ญี่ปุ่นสามารถทำได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัดแบรนด์ญี่ปุ่นจึงยังเป็นผู้นำในด้านความน่าเชื่อถือและกระบวนการบริการที่มีประสิทธิภาพ”
“3) ปัจจุบัน ประสบการณ์และความพึงพอใจของลูกค้าถูกขยายขอบเขตออกไปไกลกว่าการให้บริการแบบเดิม ๆ ไปสู่การสื่อสารเชิงรุกผ่านระบบดิจิตอล อาทิ การแจ้งเตือนการเข้ารับบริการ การทำนัดหมายผ่านระบบออนไลน์ การอัพเดทสถานะการบริการอย่างเรียลไทม์ และการติดตามผล สิ่งเหล่านี้กลายเป็นแรงกระตุ้นสำคัญที่ทำให้ลูกค้าเกิดความภักดีและสามารถรักษาฐานลูกค้าได้ จากการศึกษาวิจัยฯ ยังพบว่าลูกค้า 71% ที่ได้รับการสื่อสารเชิงรุกเกี่ยวกับบริการครั้งต่อไป มีแนวโน้มที่จะกลับมาใช้บริการซ้ำอีกครั้ง”
“4) เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ ศูนย์บริการมาตรฐานของแบรนด์รถยนต์ต้องมุ่งเน้นการสร้างประสิทธิภาพใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1) การปรับปรุงความชัดเจนของอัตราค่าบริการ เนื่องจากลูกค้ามากกว่า 40% ระบุว่าการกำหนดราคาที่ไม่ชัดเจนเป็นปัญหาสำคัญ 2) การเพิ่มความพยายามในการสื่อสารเชิงรุกอย่างทันท่วงที และการให้คำแนะนำด้านการบำรุงรักษาจะช่วยให้ลูกค้าเกิดความไว้วางใจ 3) การอธิบายการรับประกันที่ชัดเจน และการรับประกันงานบริการที่ยาวนานขึ้น จะช่วยให้เกิดการกลับมาใช้บริการซ้ำ”
ดิฟเฟอเรนเชียล เป็นบริษัทที่ปรึกษา และวิจัยการตลาดชั้นนำที่มีชื่อเสียงในด้านความเป็นเลิศในการพัฒนาประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience: CX) ปัจจุบัน ดิฟเฟอเรนเชียล มีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ ดำเนินโครงการวิจัย และให้คำปรึกษาในกว่า 40 ประเทศทั่วโลกสำหรับลูกค้าที่อยู่ใน Fortune 500 หลายราย ด้วยทีมงานมืออาชีพในอุตสาหกรรม ที่มีประสบการณ์หลายทศวรรษ ดิฟเฟอเรนเชียล มุ่งมั่นที่จะนำเสนอข้อมูลเชิงลึกคุณภาพสูงและโซลูชันเพื่อการพัฒนาปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: บริษัท ดิฟเฟอเรนเชียล (ไทยแลนด์)
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th
Toyota โตโยต้า บริการหลังการขาย