TOYOTA INNOVA CRYSTA 2.8V A/T ตอบโจทย์ครอบครัวยุคใหม่ กับขุมพลังดีเซล คอมมอนเรล

ในแง่ยุทธศาสตร์การตลาด โตโยต้ามีกลยุทธ์สร้างรุ่นรถตามภูมิภาคด้วยโครงการ IMV ที่เลือกอาเซียนเป็นต้นแบบในการต่อยอดรถเชิงพาณิชย์ จากปิกอัพ มาแปลงร่างเป็นรถอเนกประสงค์ เป็น PPV ซึ่งสามารถแปลงได้ 2 แบบ โดยนำโครงสร้างแชสซีของรถกระบะมาพัฒนาเป็นรถแนว SUV นั่นคือ Fortuner โดยใช้ไทยเป็นฐานในการผลิต ขณะเดียวกันก็แตกเป็นรถแนว MPV ที่มาในชื่อของ INNOVA และใช้ฐานการผลิตในอินโดนีเซีย แม้ว่าจะต่างกันในเรื่องแบบรถ แต่หลักการใช้งานไม่ต่างกันเลย รถทั้ง 2 รุ่นนี้ได้รับความนิยมตามท้องถิ่นที่เป็นแหล่งกำเนิด Innova เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2004 จนกระทั่งเดือนพฤศจิกายน 2015 เจเนอเรชันที่ 2 ที่อินโดนีเซีย ก่อนที่จะส่งไปจำหน่ายตามภูมิภาคอื่นๆ โดยประเทศไทยนำเข้ามาจำหน่ายเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2016 โตโยต้า อินโนวา คริสต้า เป็นรถอเนกประสงค์ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานในรูปแบบการโดยสารหรือแนว MPV มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ 2.8V A/T, 2.8G A/T และ 2.0E M/T โดยรุ่น 2.8V A/T เป็นรุ่นท็อปสุด มีอุปกรณ์ติดตั้งมาให้มากที่สุด

สิ่งที่เห็นความแตกต่างระหว่างรุ่นที่แล้วกับรุ่นปัจจุบันได้อย่างชัดเจน คือการดีไซน์ที่หรูขึ้น กระจังหน้าที่ออกแบบให้มีขนาดใหญ่ ถอดแบบเอกลักษณ์มาจากโตโยต้ารุ่นอื่นๆ ชนิดของไฟหน้าจะแตกต่างกันตามรุ่น โดยรุ่น 2.8V จะเป็นไฟโปรเจ็กเตอร์ ส่วนรุ่น 2.8G และ 2.0E จะใช้ไฟแบบมัลติ-รีเฟล็กเตอร์ มีไฟเดย์ไทม์รันนิ่งไลต์มาทุกรุ่น ยกเว้นไฟ Welcome Light ใต้ชุดกรอบกระจกมองข้างจะมีเฉพาะในรุ่น 2.8 เท่านั้น โดยรวมด้านหน้าหล่อขึ้นอย่างมาก เมื่อนำมาจอดเทียบกับรุ่นที่แล้ว และเมื่อดูด้านข้างไปจนถึงด้านท้ายก็เห็นความแตกต่างที่อ่อนช้อยกว่าเดิม แต่ก็ยังไม่ลงตัวสมบูรณ์แบบซะทั้งหมด สำหรับขนาดมิติของรถเท่าที่ดูด้วยสายตา ก็น่าจะขนาดเท่าของเดิม แต่เมื่อเจาะลึกลงไปในมิติตัวเลขที่วัดมาปรากฏว่า ขนาดของรถยาวกว่าเดิมถึง 180 มม. ความกว้างก็ขยายออกไปอีก 60 มม.และตัวรถก็สูงขึ้นอีก 50 มม. โดยคงฐานล้อไว้เท่าเดิมที่ 2,750 มม. ทุกมิติที่เพิ่มขึ้น ทำให้การโดยสารสะดวกสบายขึ้น

การออกแบบภายในห้องโดยสารก็ฉีกหนีจากรุ่นปิกอัพ ทำให้แยกกลุ่มได้ชัดเจนขึ้น ความแพรวพราวใช้ได้เลย ดูหรูเข้ากับประเภทรถ การจัดวางตำแหน่งเข้าหลักการใช้งานง่ายและสะดวก แต่งโทนสีดำ เบาะหนังดำ แม้ว่าจะไม่สปอร์ตมากแต่ก็ดูดี เบาะนั่งแถวที่ 2 แบบแยก 2 ที่นั่ง เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้า-ออก ของผู้โดยสารแถวที่ 3 ไม่ต้องมาพับเบาะนั่งแถวที่สองให้วุ่นวาย เบาะนั่งแถว 2 มีที่วางแขนแบบพับได้ แล้วยังมีที่วางของอเนกประสงค์แบบพับได้หลังเบาะนั่งคู่หน้า เหมือนกับรถ MPV อย่าง Alphard ไว้ใช้ทำงานหรือวางอาหาร เครื่องดื่ม การเข้า-ออก ห้องโดยสารตอนหลังนี้ดูจะสะดวกกว่า Fortuner เยอะ เพราะอินโนวาเตี้ยกว่า สามารถเดินทะลุถึงแถวหลังได้เลย แบบนี้แหละคอนเซปต์ของ MPV ซึ่งมีเฉพาะในรุ่นนี้เท่านั้น ถ้าเป็นรุ่น 2.8G A/T, 2.0E M/T เบาะนั่งแถว 2 จะเป็นเบาะแบบยาว 3 ที่นั่ง เบาะนั่งแถวที่ 3 ออกแบบเหมือนฟอร์จูนเนอร์ เวลาพับขึ้นใช้วิธีแขวนไว้ด้านข้าง แผงหน้าปัดออกแบบใหม่ทั้งหมด ตกแต่งด้วยลายไม้สีเข้มเพิ่มความหรูหรา พวงมาลัยแบบ 3 ก้าน หุ้มหนัง ตกแต่งด้วยลายไม้ ปรับได้ 4 ทิศทาง รวมถึงมีก้านควบคุมระบบ Cruise Control มาให้ด้วย คอนโซลกลางโดดเด่นด้วยจอขนาด 8.0 นิ้ว ราวกับแท็บเล็ต เป็นที่ตั้งของเครื่องเสียง DVD/CD/MP3 และ Navigator เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมช่องต่อ USB วัสดุภายในก็โอเค มีการเล่นไฟบนเพดานสีฟ้าดูสดใส แผงข้างประตูด้านคนขับมีที่เท้าแขนก็อยู่ในตำแหน่งจัดวางสบายแต่ออกแบบให้มีปีกขึ้นมาเป็นมือจับ แต่เวลาจะกดสวิตช์กระจกไฟฟ้ามันติดขัดนิดหน่อย แถมหุ้มด้วยผ้ากำมะหยี่ เมื่อใช้ไปนานๆ จะสึกหรือมีคราบสกปรกได้ง่าย

ในรุ่นเครื่องยนต์ 2.8 ลิตร จะเป็นรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล รุ่น 1GD-FTV แถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC VN Turbo มาพร้อมกับอินเตอร์คูล ปริมาตรความจุ 2,755 ซี.ซี. ให้กำลัง 174 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงถึง 360 นิวตันเมตรที่ 1,200-3,400 รอบ/นาที พ่วงกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด บรรจุไว้ในรุ่น 2.8V A/T และ 2.8G A/T เครื่องตัวนี้ก็เป็นเครื่องเดียวกันกับฟอร์จูนเนอร์ ส่วนอีกรุ่นคือ 2.0E M/T จะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน รหัส 1TR-FE ความจุ 1,998 ซี.ซี. 139 แรงม้า พ่วงกับเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ถูกวางให้เป็นรุ่นล่างสุด

จากการลองขับ ยอมรับว่าการปรับโฉมครั้งนี้ปรับเปลี่ยนได้ดีขึ้น ภายในกว้างขึ้น ทำให้การโดยสารของผู้โดยสารมากกว่า 5 ที่นั่ง ได้รับความสะดวกสบาย การขึ้น-ลง รถ โดยเฉพาะผู้ใหญ่ผู้สูงอายุจะสะดวกกว่ารุ่นฟอร์จูนเนอร์ ค่อนข้างมาก การเก็บเสียงก็น่าพอใจ อาจจะมีเสียงกระพือบ้างตอนสตาร์ตใหม่ๆ ช่วงเครื่องยังเย็นอยู่ สักพักก็เงียบหาย ห้องโดยสารค่อนข้างเงียบเมื่อเทียบกับรถบางรุ่น แต่เมื่อใช้ความเร็วที่สูงขึ้นระดับสัก 110 กม./ชม.ขึ้นไป เสียงลมเริ่มเข้ามานิดๆ เสียงจากพื้นถนนก็เริ่มชัดขึ้น แต่เสียงเครื่องยนต์ยังโอเค ไม่ดังมาก เพราะช่วงความเร็ว 120 กม./ชม. รอบเครื่องยนต์แค่ 1,900 รอบ/นาที อัตราเร่งแซงจัดว่าดีพอควร และเมื่อเทียบกับตัวฟอร์จูนเนอร์แล้ว ดีกว่าเล็กน้อย อาจเป็นเพราะว่าน้ำหนักรถที่น้อยกว่า การทรงตัวก็ดี แต่ในระดับของการใช้งานทั่วๆ ไปนะครับ เพราะตัวรถออกแบบมาเพื่อการโดยสารแบบครอบครัว ระดับ 100-140 กม./ชม. ขับได้สนุกพอควร

การตอบสนองในการควบคุมขับขี่ไม่แตกต่างไปจากปิกอัพ รีโว่ และฟอร์จูนเนอร์ กี่มากน้อย แถมอาการของระบบกันสะเทือนก็ยังคงเอกลักษณ์ของรถ PPV กระด้างบ้างตามสไตล์รถ หากต้องการความนิ่มนวล ต้องไปใช้รถ MPV แท้ อย่างอัลพาร์ด สิ่งหนึ่งที่ขัดใจเวลาเข้าเกียร์ถอยหลัง เสียงจากวิทยุและเครื่องเสียงจะถูกตัดทันที การเปลี่ยนเกียร์ยังไม่นิ่มนวล มีอาการกระตุกบ้าง น่าจะเป็นเอกลักษณ์ของรถรุ่นนี้ ส่วนเรื่องอัตราความสิ้นเปลืองของเชื้อเพลิงประมาณ 10.75 กม./ลิตร ในการใช้งานในเมือง แต่โดยรวมหลายๆอย่างดีกว่าเดิมมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์ การใช้งาน การประกอบตัวรถ แถมสมรรถนะก็ระดับชั้นเดียวกันกับฟอร์จูนเนอร์