โลกกำลังมุ่งไปสู่การใช้พลังงานที่ยั่งยืน (Sustainable Energy) เป็นพลังงานที่มีอย่างไม่จำกัด และไม่ก่อมลพิษในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ต้นน้ำยันถึงปลายน้ำ อาทิ พลังงานลม พลังงานน้ำ พลังงานชีวมวล และพลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งหมดล้วนเป็นพลังงานที่ไม่ข้องเกี่ยวกับ Fossil Fuel อีกต่อไป จึงไม่ก่อมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อม สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ รถไฟฟ้า (EV: Electric Vehicle) คืออนาคตที่ขยับเข้าใกล้เรามากขึ้นเป็นลำดับ จากเดิมตำแหน่งนี้เคยเป็นของรถไฮบริด (PHV: Plug-in Hybrid Vehicle) ที่ปัจจุบันมีวิ่งเกลื่อนถนนเป็นเรื่องปกติ ทว่า ปัญหาของรถกลุ่มนี้อยู่ที่พลังงานสำรอง จะทำอย่างไรให้ EV วิ่งได้ไกลที่สุดต่อการชาร์จแบตเต็มในแต่ละรอบ หรือ จะมีเทคโนโลยีอะไร ที่ช่วยให้เครื่องยนต์ในรถไฮบริดถูกสตาร์ตขึ้นมาทำงานน้อยครั้งที่สุด ทางออกของปัญหาข้างต้น กำลังถูกแก้ไขผ่านงานวิจัยจากรถ TOYOTA Prius PHV (Solar Charging System) คันนี้

• จุดอ่อนของรถ PHV อยู่ที่ระยะทางในการใช้งานอันจำกัด ขณะรถขับเคลื่อนแบบไร้มลพิษด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ทีมวิจัยมุ่งลดปัญหาดังกล่าวด้วย Solar Charging System ที่รถจะสร้างพลังงานสำรองได้ตลอดเวลา ไม่ว่าขณะเคลื่อนที่ หรือจอดตากแดดอยู่ในลานจอดรถ

นับเป็นความร่วมมือระดับชาติของประเทศญี่ปุ่น เริ่มต้นจากหน่วยงาน องค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (New Energy and Industrial Technology Development Organization) หรือ NEDO, บริษัท Sharp และ TOYOTA จับมือกันแถลงผลงานชิ้นใหม่ ที่ถูกพัฒนาบนรถไฮบริด Prius PHV ที่มีวิ่งใช้งานอยู่ทั่วไป [expander_maker id=”4″ more=”อ่านเพิ่มเติม” less=”Read less”]Read more hidden text

โดยแกนหลักของงานวิจัยว่าด้วยเรื่องของการนำ Solar Battery Cells ติดตั้งลงบนตัวถังของรถ เพื่อให้ Prius PHV สามารถสร้างพลังงานป้อนกลับไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่ได้ตลอดเวลา ไม่ว่า ขณะรถวิ่ง หรือรถจอดตากแดดอยู่ในลานจอดรถ

• TOYOTA Prius PHV ถูกนำมาต่อยอด ด้วยการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดในการขับเคลื่อนรถ

NEDO เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องพลังงานทดแทน มีผลงานวิจัยในลักษณะนี้มากมาย ขณะที่ Sharp เป็นผู้ผลิตชุด Solar Battery Cells ประสิทธิภาพสูงระดับหัวแถวของโลก และแน่นอนว่า TOYOTA คือหนึ่งในผู้นำเรื่องรถไฮบริด เพราะเริ่มส่งรถไฮบริดสารพัดรุ่นลงถนนมาก่อนใคร

Prius PHV เป็นรถไฮบริด ประเภท Full-hybrid ที่ใช้เครื่องยนต์ + มอเตอร์ไฟฟ้า ในการขับเคลื่อน ตัวมอเตอร์มีกำลังมากพอที่จะขับเคลื่อนรถ โดยไม่ต้องใช้กำลังจากเครื่องยนต์ รถสามารถใช้ BEV-mode ได้ในระยะทางสั้นๆ ก่อนที่พลังงานจากแบตเตอรี่จะหมดลง เครื่องยนต์จึงถูกสตาร์ตขึ้น เพื่อรับหน้าที่ขับเคลื่อนรถต่อ พร้อมๆ กับชาร์จไฟป้อนกลับเข้าสู่ระบบ การทำงานของระบบไฮบริดจะเป็นวนลูปเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น เป้าหมายในการพัฒนา Prius PHV (Solar Charging System) คือ การสร้างพลังงานสำรอง เพื่อให้เครื่องยนต์ถูกสตาร์ตขึ้นมาน้อยที่สุด หรือแทบไม่ต้องทำงานเลยได้ยิ่งดี  รองรับการเดินทางระยะใกล้ๆ ในเมือง ทีมวิจัยติดตั้งแผง Solar Battery Cells ลงในทุกตารางนิ้วด้านบนตัวรถ Prius PHV หลังคาชิ้นใหญ่ซึ่งมีพื้นที่มากที่สุด ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็น Solar rooftop, ฝากระโปรงหน้า, เต็มพื้นที่ของประตูบานหลัง รวมทั้งบนสปอยเลอร์หลัง โดยชุด Solar Battery Cells ถูกออกแบบมาตามส่วนโค้งและส่วนนูนของตัวถังได้อย่างกลมกลืน

• แผง Solar Battery Cells ถูกติดตั้งลงในทุกตารางนิ้วด้านบนตัวรถ

รถ Demo ของ Prius PHV (Solar Charging System) ถูกนำไปวิ่งทดสอบใน Toyota City จังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น ผลลัพธ์คือ รถสามารถสร้างพลังงานได้ประมาณ 860 วัตต์ หรือมากขึ้นถึง 4.8 เท่า เดิมแบตเต็มรถวิ่งใน BEV-mode ได้เพียง 6.1 กิโลเมตร ในรถทดสอบวิ่งไป ชาร์จไฟจากพลังงานแสงอาทิตย์ไป ระยะการใช้งานขยับขึ้นไปถึง 44.5 กิโลเมตร ดังนั้น การใช้งานในเมือง  เครื่องยนต์ใน Prius PHV จึงไม่มีความจำเป็นต้องทำงานเลย

• Solar Battery Cells ประสิทธิภาพสูง เป็นผลงานจาก Sharp ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ผลิตระดับหัวแถวของโลก

Prius PHV (Solar Charging System) เป็นอีกหนึ่งผลงานที่มุ่งลดการใช้ Fossil Fuel อย่างเป็นรูปธรรม พลังงานสะอาด รวมทั้งแหล่งจัดเก็บพลังงานยังได้รับการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง  อนาคตอันใกล้ แบตเตอรี่จะมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ เซลล์สำหรับเก็บพลังงานไฟฟ้ารูปแบบใหม่ๆ จะถูกนำมาใช้อย่างเป็นทางการ แบตเตอรี่จะมีความจุมากยิ่งขึ้น รถทั้งกลุ่ม EV และ PHV จะมีพลังงานสะอาดใช้ได้อย่างยาวนาน และพร้อมสร้างพลังงานสำรองได้ตลอดเวลา ตามปรัชญาของการใช้ ‘พลังงานที่ยั่งยืน’ ทุกประการ

เรื่อง : พิทักษ์ บุญท้วม

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th[/expander_maker]