TOYOTA SIENTA รถครอบครัวยุคใหม่ “ตอบโจทย์สายเที่ยว จุได้ไม่จำกัด”
หนึ่งในเซ็กเมนต์รถที่มาแรงไม่แพ้รถตรวจการณ์อเนกประสงค์ SUV สำหรับตลาดรถบ้านเรานั้น คงหนีไม่พ้นรถในเซ็กเมนต์ MPV ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความอเนกประสงค์ในการใช้สอย สามารถรองรับสมาชิกในการเดินทางได้มากขึ้นและความสะดวกสบายในการปรับเปลี่ยนรูปแบบให้ตอบสนองต่อการใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่บรรทุกคนไปจนถึงการขนถ่ายสัมภาระที่มากมาย ประกอบกับไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบันที่เปลี่ยนไป ความชื่นชอบไปจนถึงการเลือกใช้รถโดยเน้นไปที่ความคุ้มค่าในการใช้งาน จึงเป็นจุดบรรจบที่ลงตัวของรถในกลุ่ม MPV กลุ่มนี้ ปัจจุบันรถในกลุ่ม MPV ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความต้องการในการใช้งานที่มีมากขึ้น ดังจะเห็นได้ว่าในตลาดโลกมีรถในกลุ่มนี้มากมายหลายรุ่นในเกือบจะทุกยี่ห้อ ล้วนลงมาลุยตลาดในเซ็กเมนต์นี้ จนสามารถแบ่งรถในกลุ่ม MPV ออกไปได้ตามขนาดของตัวรถ อย่าง SIENTA MPV น้องเล็กของค่ายโตโยต้า ผ่านการประกอบจากโรงงานในประเทศอินโดนีเซีย เข้ามาสู่การทำตลาดในบ้านไทย
ซึ่งจะว่าไปรถในกลุ่ม MPV เครื่องยนต์ 1,500 ซี.ซี. ที่เข้ามาลุยตลาดบ้านเราตั้งแต่ยุคอดีต สมัย Honda Freed มาจนถึงคู่แข่งในปัจุบัน อย่าง Suzuki Ertiga และ Mitsubishi Xpander ก็ล้วนแล้วแต่เดินทางข้ามมาจากประเทศอินโดนีเซียด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งต้องยอมรับกันว่าที่นั่นเขามีส่วนแบ่งของตลาดรถ MPV ที่โตมาก ซึ่งก็คล้ายๆ กับบ้านเราที่เคยมียอดจำหน่ายรถในกลุ่มซิตี้คาร์ที่ใหญ่ในยุคที่ผ่านมา
โตโยต้า เซียนต้า เปิดตัวในบ้านเราเมื่อประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา กับ 2 ทางเลือกในเวอร์ชัน 1.5G กับ 1.5V ในรุ่นท็อป มาครั้งนี้ภายใต้การแนะนำรุ่นปรับโฉมใหม่หรือไมเนอร์เชนจ์ ที่มาพร้อมด้วยสีสันภายนอกใหม่ ที่เป็นสีเด่นหนึ่งสีที่มาแทนสีส้มอิฐในรุ่นเดิม ถูกแทนที่ด้วยเขียวมะนาวสีใหม่ มาพร้อมด้วย 2 ทางเลือก 1.5G และ 1.5V เหมือนเช่นเดิม โดยมีราคาจำหน่ายในรุ่น 1.5G อยู่ที่ 765,000 บาท และ 875,000 บาท ในรุ่น 1.5V กับความแตกต่างในเรื่องของอุปกรณ์ตกแต่งที่ได้รับการเพิ่มเติมเข้ามา โดยว่ากันตั้งแต่ ไฟหน้าแบบ Bi-Beam LED และไฟท้ายแบบ LED Light Guiding ส่วนสำคัญที่ช่วยทำให้ภายนอกของทั้งสองเวอร์ชันดูแตกต่างจนเห็นได้ชัด ล้อแม็กที่ใหญ่ขึ้นเป็น 16 นิ้ว ในรุ่น 1.5V ถูกโอบรัดด้วยยางซีรีส์ต่ำในขนาด 195/50R16 แตกต่างกับในรุ่นรองที่มาพร้อมด้วยยาง 185/60R15 ที่ดูเหมือนจะได้เปรียบตรงความนุ่มนวลที่มากกว่าจากซีรีส์ยางที่สูงขึ้น ประตูข้างคู่หลังแบบบานเลื่อน (สไลด์ข้าง) ซ้าย-ขวา ไฮไลต์เด็ดของรถแบบ MPV โดดเด่นด้วยความสะดวกในการขึ้น-ลง เข้า-ออก ห้องโดยสาร โดยเฉพาะการจอดรถในพื้นที่แคบ ประตูสไลด์จะใช้พื้นที่ที่น้อยกว่า มาพร้อมออปชันควบคุมการเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้าทั้ง 2 บานในรุ่น 1.5V และลดลงเหลือ 1 บานในด้านซ้าย ในรุ่น 1.5G
หลังจากว่าในเรื่องความต่างของทั้ง 2 รุ่น ในส่วนภายนอกกันไปแล้ว ตอนนี้เรามาดูที่ความเปลี่ยนแปลงที่ได้มาจากการไมเนอร์เชนจ์ในครั้งนี้กันดูบ้าง เริ่มต้นกันที่ด้านหน้าของ เซียนต้า ใหม่ มาพร้อมกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ ที่มีการปรับลวดลายให้รับกับตัวกระจังหน้าที่ดึงแถบโครเมียมลงมาคล้ายตัววี บนพื้นลายรังผึ้งสีดำ ที่ดูแลละม้ายคล้ายกับกระจังหน้าของรถรุ่นหนึ่งอยู่เหมือนกัน นอกจากโครเมียมที่กระจังหน้าแบบใหม่แล้ว ยังมีการเพิ่มเส้นโครเมียมที่แนวกันชนล่างอีกหนึ่งเส้น สร้างบุคลิกให้แตกต่างจากเดิมได้พอสมควร แต่สิ่งที่นับได้ว่าเป็นไฮไลต์ใหม่ของรุ่นนี้ก็คือ ชุดกล้องรอบคัน ที่ถูกติดตั้งอยู่ที่กระจังหน้า และฐานของกระจกมองข้างซ้าย-ขวา ไปจนถึงที่ฝาท้าย ทำหน้าที่ส่งภาพเข้าไปประมวลผลก่อนแสดงที่จอวิทยุตัวใหม่ขนาด 6.5 นิ้ว ที่ดูเหมือนจะถูกลดทอนไปจากรุ่นเดิม 0.5 นิ้ว (เดิมเป็นจอแบบ 7 นิ้ว) ในเรื่องความบันเทิงอาจจะลดคะแนนลงไปบ้าง แต่แลกมากับเรื่องของความสะดวกสบายในการใช้งานในที่แคบแล้ว นับว่าคุ้มอยู่ มาถึงส่วนท้าย หากว่าในเรื่องของการไมเนอร์เชนจ์จุดนี้ อาจจะดูไม่แตกต่างเลย เพราะตั้งแต่ไฟท้ายที่ยังใช้ตัวเดิม ดีไซน์ของฝาท้ายก็ยังคงเหมือนเดิม ไปจนถึงกันชนท้ายก็ยังคงเป็นตัวเดิม ทำให้ในส่วนนี้นับว่าไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร แต่…ต้องมีแต่กันอยู่นิด เพราะในรุ่นใหม่นี้ในรุ่น 1.5V มีการเพิ่มเติมออปชันเซ็นเซอร์กะระยะด้านท้ายแบบ 2 จุดเข้ามาให้จากโรงงาน ซึ่งแตกต่างจากรุ่นก่อน ที่ในรุ่น 1.5G จะให้เซ็นเซอร์กะระยะ ส่วนในรุ่น 1.5V ให้เป็นกล้องถอยหลังแต่ไม่ให้เซ็นเซอร์ รุ่นนี้มาเต็ม…!!!
มาถึงภายในห้องโดยสารกันบ้าง เซียนต้า ใหม่ เพิ่มเติมอุปกรณ์ความปลอดภัยให้มากขึ้น อย่าง กล้องบันทึกภาพการขับขี่ อุปกรณ์ที่ผู้ใช้รถในยุคนี้นิยมติดตั้งเพิ่ม ช่วยเป็นพยานในเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ดีในยุคนี้ งานนี้ เซียนต้า ใหม่ ติดตั้งกล้องมาให้ถึง 2 ตัว ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง นอกจากนี้ วิทยุรุ่นใหม่ที่ติดตั้งมายังรองรับการเชื่อมต่อระบบ T-Link ที่ใช้เชื่อมต่อแอปพลิเคชันนำทาง และการฟังเพลงออนไลน์ นอกเหนือจากการเชื่อมต่อผ่านระบบบูลทูธที่มีอยู่แล้ว
นอกจากนี้ ใน เซียนต้า ใหม่ ยังมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ของเบาะนั่งหนังในรุ่นท็อป หันมาใช้เบาะนั่งสีดำตัดด้วยการเดินด้ายสีส้ม พร้อมปั๊มชื่อ SIENTA ที่พนักพิงในเบาะคู่หน้า พร้อมเพิ่มเติมความสบายให้มากขึ้นด้วยที่พักแขนใน 3 ตำแหน่ง เอกสิทธิ์เฉพาะใน เซียนต้า ใหม่ ให้ทั้งคนขับ และผู้โดยสารในแถวที่สองสามารถพักแขนระหว่างเดินทางได้สบายขึ้น นับเป็นการแก้ไขประเด็นคำถามเรื่องที่พักแขนของคนนั่งหลังที่ได้ยินอยู่บ่อยครั้งให้หมดไป
เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร แบบ DUAL VVT-i 108 แรงม้า ที่เราคุ้นเคยกันดี ตัวเดียวกับที่ประจำการอยู่ใน VIOS มาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ให้การตอบสนองต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดี หากว่าเข้าใจของบุคลิกของรถสไตล์ MPV กันสักนิด ช่วงล่างที่เซตมาให้ยังคงให้ความนุ่มนวลได้พอตัว แม้จะรู้สึกอยู่ว่าในรุ่น G ที่ให้ล้อที่เล็กกว่านั้น ค่อนข้างจะมีความนุ่มที่มากกว่า แต่ก็แลกมาด้วยความรู้สึกที่สปอร์ตขึ้น ในเรื่องของอัตราสิ้นเปลืองนั้น เซียนต้า ใหม่ ยังคงให้ตัวเลขของอัตราสิ้นเปลืองจากการใช้งานในเมืองอยู่แถวๆ 11-12 กม./ลิตร ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับรถเก๋งเครื่อง 1500 เซียนต้า ก็ดูเหมือนจะกินน้ำมันมากกว่าเขาอยู่หน่อย แต่ถ้ามองถึงรูปทรงตัวรถไปจนถึงภาระน้ำหนักตัวที่เครื่องเกียร์ชุดนี้ต้องแบกอยู่ นับว่าตัวเลขที่ได้นั้นถือได้ว่าโอเคเลยทีเดียว อีกทั้งเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรที่ประจำการอยู่นี้ ยังพร้อมที่จะรองรับน้ำมันได้ถึง E20
โตโยต้า เซียนต้า ใหม่ ถึงแม้จะไม่ใช่ผู้เล่นรายเดียวในตลาดเซ็กเมนต์นี้ แต่เมื่อคู่แข่งที่ตรงตัวอยู่ ฮอนด้า ฟรีด หันออกจากเวทีไปแล้ว การแข่งขันกับเหล่า MPV ที่มีอยู่ทั้งมิตซูบิชิและซูซูกิ ก็ดูจะไม่ใช่เรื่องยากนัก จากจุดเด่นของประตูข้างสไลด์ไฟฟ้าที่มีอยู่เพียงคันเดียวในเซ็กเมนต์นี้ กับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ให้ควบคู่มาตั้งแต่วิทยุแบบหน้าจอ 6.5 นิ้ว มาพร้อมด้วยจอสำหรับผู้โดยสารหลังขนาด 8 นิ้ว และฟังก์ชันการพับเบาะที่หลากหลาย ก็เพียงพอจะสะกดความสนใจของผู้ใช้ได้มาก หากได้ลองสัมผัส
ข้อมูลทางเทคนิค
ยี่ห้อและรุ่นรถ TOYOTA SIENTA 1.5V
ประเทศผู้ผลิต และรุ่นปี ประเทศอินโดนีเซีย รุ่นปี 2019
รหัสเครื่องยนต์ 2NR-FE
แบบเครื่องยนต์ 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VVT-i
ปริมาตรความจุ (ซี.ซี.) 1,496
กระบอกสูบ x ระยะชัก (มม.) 72.5 x 90.6
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รอบ/นาที) 108/6,000
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รอบ/นาที) 14.27/4,200
อัตราส่วนกำลังอัด 11.5 : 1
ถังเชื้อเพลิงจุ (ลิตร) 42
ระบบขับเคลื่อน ล้อหน้า
ระบบเกียร์ เกียร์อัตโนมัติ CVT
ระบบพวงมาลัย แร็ค แอนด์ พิเนียน พร้อมเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรงแบบไฟฟ้า EPS
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด (เมตร) 5.7
ระบบช่วงล่าง หน้า อิสระ แบบแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบช่วงล่าง หลัง แบบทอร์ชันบีมและคอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบเบรก หน้า ดิสก์เบรก พร้อมช่องระบายความร้อน
หลัง ดิสก์เบรก
มิติ กว้าง x ยาว x สูง (มม.) 1,695 x 4,235 x 1,695
ฐานล้อยาว (มม.) 2,750
ความกว้างของล้อหน้า (มม.) 1,465
ความกว้างของล้อหลัง (มม.) 1,470
น้ำหนักรถ (กก.) 1,350
ล้อ ล้อแม็กขนาด 16 นิ้ว
ยาง 195/50R16
อัตราความสิ้นเปลือง (กม./ลิตร)
ในเมือง 11.66
ราคาจำหน่าย 875,000 บาท
เรื่อง : กิตติศักดิ์ ด้วงพิมพ์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th