ถ้าพูดถึงค่ายรถ Toyota ก็คงจะมีรถสปอร์ตรสายพันธ์ุเก๋าอย่าง Supra ที่ถูกผลิตขึ้นในช่วงปี 1978 – 2002 เรียกได้ว่าเป็นรถในตำนานที่นิยมกันเป็นอย่างมากในยุค 90 ซึ่งจริงๆแล้วรูปทรงของ Supra ถูกต่อยอดมาจาก Toyota Celica นั่นเองส่วนรายละเอียดและจะมีเจนเนอเรชั่นไหนที่เด็ดๆกันบ้างนั้นลองมาดูกันเลย

นับตั้งแต่สมัย 1986 รถ Toyota Supra ได้ถูกแยกโมเดลออกมาจากรุ่น Celica หลายคนจึงมักคิดว่าทั้งสองรุ่นมีความเกี่ยวข้องกันเมื่อถึงปี ค.ศ. นี้จึงมีการเปลี่ยนมาใช้คำว่า Supra แล้วอย่างถาวร โดยแบ่งเป็น 4 เจนเนอเรชั่นดังนี้

เจนเนอเรชั่น 1 A40 (1978-1981)

สำหรับ Supra ตัวนี้เรียกว่ามีคุณลักษณะและรายละเอียดเทียบเท่ากับ ฟอร์ด มัสแตง ของสหรัฐอเมริกา โดยคันนี้มีลักษณะตัวถัง 2 แบบ คือ liftback 3 ประตู และ hardtop 2 ประตู เครื่องยนต์ 1,988 ซีซี

รุ่นปี 1978 โตโยต้าได้ผลิตรถยนต์ Supra ขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น หรือที่คุ้นหูกันในชื่อ เซลิก้า เอ็กซ์เอ็กซ์ โดยมีให้เลือกด้วยกันทั้ง 2แบบคือ รุ่นที่ให้กำลัง 123 แรงม้า และรุ่นที่ให้กำลัง 110 แรงม้า มาพร้อมเครื่องยนต์ควบคุมหัวฉีดด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่สำคัญรุ่น 110 นี้ยังถูกส่งออกไปขายต่างประเทศในปี 1979 อีกด้วย

รุ่นปี 1979

รุ่นปี 1980 – 1981 ในปีนี้มีการปรับปรุงใหม่ด้วยเครื่องยนต์ 2,759 ซีซี ให้กำลัง 116 แรงม้า ส่วนระบบเกียร์นั้นเป็นระบบอัตโนมัติ สำหรับรุ่นนี้ถูกออกแบบมาในแนวสปอร์ต เพราะให้ความเร็วในการวิ่งอยู่ที่ 0 – 60 ไมล์ต่อชั่วโมง เพียงแค่ใช้เวลาแค่ 10.24 วินาทีเท่านั้น

มาถึงเจนเนอเรชั่นที่ 2 A60 (1981 – 1986)

สำหรับรุ่นปี 1982 ตลาดอเมริกาเหนือนั้นจะใช้เครื่องยนต์ 2759 ซีซี ให้กำลัง 145 แรงม้า สามารถทำความเร็วได้ถึง 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมงด้วยการเร่งเพียง 17.2 วินาทีเท่านั้น

รุ่นปี 1983 มีการเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก แต่สิ่งที่เปลี่ยนคือเครื่องยนต์ที่มีกำลังแรงขึ้นเป็น 150 แรงม้า แต่ตัวรถและโครงสร้างนั้นยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เรียกว่ายังคงคอนเซปต์เดิมอยู่

รุ่นปี 1984

มาในรุ่นปี 1984 นี้มีการปรับเปลี่ยนเพียงเล็กน้อยเช่นเดิม รุ่นนี้มาในระบบเกียร์ 5 สปีด เครื่องยนต์ 160 แรงม้า ส่วนรูปลักษณ์ภายนอกก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนัก

เจนเนอเรชั่นที่ 3 A70 (1986 – 1993)

รุ่น 1985 – 1986  มาถึงรุ่นนี้ก้ยังมีการเปลี่ยนแปลงเหมือนเช่นเคย และก็ยังเน้นในส่วนของประสิทธิภาพที่ยังให้กำลังเครื่องยนต์ถึง 161 แรงม้า และทุกรุ่นที่ออกมาให้เฉยชมในปีนี้จะให้กำลังอยุ่ที่ 5 สปีดเท่าๆกันทุกรุ่น แต่ในเรื่องความเร็วที่มีการพัฒนาก็สามารถทำให้มันทำความเร็วได้จาก 0 ไปถึง 60 ไมล์ต่อชั่วโมงใช้เวลาเพียง 8.4 วินาที และยังทำความเร้วได้สูงสุดถึง 8.4 ไมล์ต่อชั่วโมง

สำหรับเจนเนอเรชั่นนี้ Supra ได้ทำการเปลี่ยนรูปแบบใหม่แตกต่างจาก Celica โดยสิ้นเชิงเรียกได้ว่าในเจนเนอเรชั่นนี้ Supra ได้เปลี่ยนผันมาเป็นรถสปอร์ตและมีเครื่องยนต์ที่แข็งแกร่งทรงพลังมากกว่าเดิม ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 3.0 ลิตร 200 แรงม้า ส่วนในตัวระบเบรคก็มีการพัฒนาสามารถควบคุมรถเวลาเบรคฉุกเฉินได้มากขึ้นอีกด้วย

รุ่นปี 1987

สำหรับรุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์แบบ inter-cooled charged ขนาด 3.0 ลิตร inline-6 cylinder ให้กำลังอยู่ที่ 230 แรงม้าส่วนระบบเบรคนั้นเป็นระบบ ABS แบบใหม่

รุ่นปี 1988

เมื่อมาถึงรุ่นสุดท้ายของเจนเนอเรชั่นนี้ ยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมาก หลักๆจะเน้นเครื่องยนต์ขนาด 3.0 ลิตรตามเดิม สิ่งที่เปลี่ยนก็จะเป็นพวกลูกเล่นภายในและภายนอกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

รุ่นปี 1989

รุ่นปี 1990

รุ่นปี 1991

รุ่นปี 1992

หลังจากรุ่นปี 1987 จนสิ้นสุดเจนเนอเรชั่นนี้ก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมาก หลักๆแล้วจะเน้นที่เครื่องยนต์ 3.0  ลิตรตามเดิม อาจจะมีเพิ่มเติมในเรื่องของรูปลักษณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง

เจนเนอเรชั่นที่ 4 A80 (1993-2002)

สำหรับเจนเนอเรชั่นนี้มีรหัสว่า A 80 มีรูปลักษณ์ค่อนข้างสวยงาม ล้ำสมัย ส่วนเครื่องยนต์ที่จะนำมาใช้คือ Toyota 2JZ-GE ให้กำลังอยู่ที่ 280 แรงม้า แรงบิด 210 ปอนด์ฟุต สำหรับเจนเนอเรชั่นนี้ ยอดขายของรถยนต์คูเป้ตกลงอย่างมากในอเมริกาเหนือ ไม่นาน Supra จึงถูกถอดออกจากตลาดในปี 1998 แต่ย้ายการผลิตไปอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อถึงปี 2002 จึงเกิดการยุติการผลิตขึ้น

เป็นอย่างไรบ้างคะกับตำนาน Toyota Supra ทั้ง 4 เจนเนอเรชั่น เรียกได้ว่าแต่ละยุคสมัยยังคงเน้นในเรื่องประสิทธิภาพเครื่องยนต์เป็นหลัก แถมยังมีการพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆจนถึงเจนเนอเรชั่นสุดท้ายเลยทีเดียว ตำนาน Toyota Supra ยังคงเป็นอีก1ตำนานรถซิ่งเพราะเชื่อว่าหลายๆคน ใฝ่ฝันอยากจะมีรถ Supra พันธ์แกร่งนี้ไว้ครอบครอง และเร็วๆนี้ทาง Toyota Supra นั้นคงจะผลิตรถ Supra โฉมใหม่ออกมาให้ได้เห็นกันอย่างแน่นอน

เรื่อง หยกสวรรค์  วิมลเศรษฐ

ข้อมูลจาก : www.pepperrr.net

ภาพจาก : www.google.com

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th