ไม่นานหลังจากที่ทาง Toyota เปิดตัวรถเอสยูวี Harrier รุ่นใหม่ในญี่ปุ่นไป ที่สหรัฐอเมริกาก็ได้มีการเปิดตัวรถเอสยูวีในชื่อ Venza ออกมา ซึ่งจริงๆ แล้วก็คือ Harrier ในตลาดญี่ปุ่นหรือบางภูมิภาค แต่ใช้ชื่อ Venza สำหรับการทำตลาดสหรัฐอเมริกา โดยเป็นการกลับมาทำตลาดอีกครั้งหลังจากหายไป 5 ปี

ในเมื่อ Toyota Venza คือรุ่นเดียวกับ Harrier เจนเนอเรชั่นล่าสุดที่เปิดตัวออกมาก่อนหน้านี้ ดังนั้น Venza จึงแทบจะไม่แตกต่างกับ Harrier ในญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าแบบ 2 ส่วน ไฟหน้าทรงเรียว รวมไปถึงมีคิ้วพลาสติกสีดำที่ขอบด้านล่างรอบตัวรถเสริมความดุ โดยที่มีล้อขนาด 18 หรือ 19 นิ้ว แล้วแต่รุ่นย่อย  และแน่นอนว่าด้านหลังโดดเด่นด้วยไฟท้าย LED ทรงเรียว โดยรถมาพร้อมกับปลายท่อไอเสียคู่ และให้ความสะดวกด้วยการทำงานเปิดประตูท้ายโดยไม่ต้องใช้มือ

ภายในห้องโดยสารมาพร้อมกับพวงมาลัย 3 ก้าน ส่วนจอมัลติฟังก์ชั่นแสดงข้อมูลผู้ขับมีขนาดระหว่าง 4.2 นิ้วหรือ 7 นิ้ว และเหนือแผงแดชบอร์ดเป็นตำแหน่งของจอระบบ Infotainment ที่รองรับทั้ง Android Auto, Apple CarPlay และ Amazon Alexa โดยที่มีขนาด 8 นิ้วหรือ 12.3 นิ้ว นอกจากนี้ยังมีออฟชั่นให้ติดตั้งเพิ่มทั้งกระจกมองหลังดิจิตอล, เบาะหน้าปรับความอุ่นและระบายอากาศได้, Head-up Display สีขนาด 10 นิ้ว รงมไปถึงระบบเสียงจาก JBL เพื่อแทนระบบเสียงมาตรฐานที่มากับลำโพง 6 ตัว โดยออฟชั่นที่เด่นคือหลังกระจกพาโนรามิก Star Gaze ซึ่งใช้เทคโนโลยีกระจก Electrochromic ที่เปลี่ยนจากแผงกระจกใสเป็นกระจกฝ้าในเวลาเพียง 1 วินาที

ในส่วนเครื่องยนต์มีทางเลือกเดียว 4 สูบ 2.5 ลิตร พร้อมกับระบบไฮบริดใหม่ที่มี 3 มอเตอร์ และแบตเตอรีลิเธียมไอออน ซึ่งทำให้รถเอสยูวีหรูรุ่นนี้มีกำลังขับเคลื่อน 222 แรงม้า นอกจากนี้ Venza ยังมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อไฟฟ้าออน-ดีมานด์ ซึ่งใช้มอเตอร์ติดตั้งไว้ที่ด้านหลังสำหรับช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนนเมื่อต้องการ ในขณะที่ระบบความปลอดภัยในชุด Toyota Safety Sense มีทั้งระบบช่วยป้องกันการชนซึ่งตรวจจับได้ทั้งรถยนต์ คนเดินถนน และคนขี่จักรยาน รวมไปถึงระบบควบคุมความเร็ว ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ ระบบตรวจจับมุมบอดและเตือนเมื่อมีรถผ่านด้านหลังขณะถอย

Toyota จะเริ่มขาย Venza ในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้ โดยวางตำแหน่งของรถเอสยูวีรุ่นนี้ไว้ระหว่าง Highlander และ RAV4 แต่ยังไม่มีการระบุราคาออกมา

เรื่อง: กองบรรณาธิการ

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th