Toyota Yaris Cross TestDrive ขับแล้วจะดีเหมือนราคาหรือไม่ ต้องลอง Toyota Yaris Cross ขับแล้วจะดีเหมือนราคาหรือไม่ ต้องลอง เชื่อว่าหลายท่านคงเห็นเหมือนผมว่าการมาของ All New Toyota Yaris Cross คันนี้ สามารถเรียกความสนใจจากกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถยนต์ประเภท Compact SUV ได้ไม่น้อย ด้วยการอัดออฟชั่น ยัดเครื่องไฮบริด แถมยังเปิดราคามาถูกเหนือคู่แข่ง งานนี้เล่นเอาคู่แข่งจากที่ค่อนข้างเงียบอยู่แล้ว ต้องเงียบหนักกว่าเดิมแน่นอน

เอาละการเปิดตัวของโตโยต้า ยาริส ครอส โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ทำประสบความสำเร็จ ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก เพราะด้วยรูปทรง ขนาดตัวรถ การออกแบบภายนอก ภายนใน เครื่องยนต์ไฮบริด อัดออฟชั่นมาแน่นๆ แถมเปิดราคาโดนใจ เข้าถึงง่าย คุ้มค่าคุ้มราคา แต่การซื้อรถเราจะอ่านแค่สเปกไม่ได้ เราต้องลองขับซะก่อน แน่นอนครับครั้งนี้เราได้มีโอกาศนำเจ้า All New Toyota Yaris Cross ไปทดลองขับกันบนเส้นทางกรุงเทพ –หัวหิน ซึ่งเราขับแบบใช้งานจริง มีทั้งในเมือง นอกเมือง และต้องเจอกับการจราจร สภาพถนน ที่หลากหลาย เรามาดูกันว่ามันจะมีแค่ไหน

การออกแบบภายนอก

รูปลักษณ์รูปทรงภายนอกต้องบอกว่าละม้ายคล้ายคลึงกับรุ่นพี่อย่าง Corolla Cross แต่มีขนาดที่เล็กกว่าเล็กน้อย พัฒนาบนแพลตฟอร์ม DNGA ของ Daihatsu โดยมีมิติตัวถังยาว 4,310 มม. กว้าง 1,770 มม. สูง 1,615 มม. ความยาวฐานล้อ 2,620 มม. และความสูงใต้ท้องรถ 210 มม. ที่สำคัญในทุกรุ่นย่อยให้ไฟหน้า ไฟตัดหมอกหน้า และไฟท้าย แบบ LED ทั้งหมด  โดยไฟหน้าจะมีระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ พร้อมไฟ Follow me home มาให้ ล้ออัลลอยรุ่น HEV Smart กับ HEV Premium ให้มาเป็นลาย 5 ก้าน ขนาด 17 นิ้ว ขณะที่รุ่น HEV Premium Luxury จะเป็นขนาด 18 นิ้ว รถที่เราทดสอบในครั้งนี้เป็นรุ่นท็อปสุด Premium Luxury จึงมี Panoramic Roof พร้อมม่านบังแดดปรับไฟฟ้า ฝาท้ายเปิด-ปิดไฟฟ้าแบบมีระบบ Kick Activated และไฟ Welcome Lamp ส่องลงพื้นที่กระจกมองข้าง มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

มิติถังถังเมื่อเทียบกับคู่แข่ง

การออกแบบภายใน

ภายในของ Toyota Yaris Cross 2023 ต้องบอกว่าภายในให้วัสดุดีมาก หลายจุดหุ้มด้วยวัสดุบุนุ่ม ตกแต่งด้วยแถบสีฟ้า และวัสดุสีดำเงา ซึ่งมันเหนือคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด การออกแบบดูทันสมัย ออกแนวสปอร์ต ห้องโดยสารมี 2 โทนสี โดยมีสีดำเป็นสีมาตรฐาน และสีเทา-ดำเฉพาะรุ่น HEV Premium Luxury ขึ้นอยู่กับสีตัวถังที่เลือก เบาะหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์ เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะหลังทุกรุ่นแยกพับราบได้ 60:40 จออินโฟเทนเมนต์แบบสัมผัสขนาด 10 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ตโฟนทั้ง Auto CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย ระบบเสียงของ Pioneer ลำโพง 6 ตำแหน่ง ขณะที่ระบบปรับอากาศเป็นแบบอัตโนมัติพร้อมกรองฝุ่น PM2.5 กับช่องแอร์ผู้โดยสารตอนหลัง เบรกมือไฟฟ้า พร้อม wireless charger ที่มีเฉพาะในรุ่นท็อปที่เราขับคันนี้เท่านั้น

ระบบขับเคลื่อน

เครื่องยนต์เบนซิน ไฮบริด แบบ 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 91 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ และแรงบิดสูงสุด 121 นิวตันเมตร ที่ช่วง 4,000-4,800 รอบ/นาที ทำงานประสานกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 80 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตร ให้กำลังรวมกันทั้งระบบสูงสุด 111 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ E-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า

การทดลองขับ Toyota Yaris Cross TestDrive

เอาละถึงเวลาแล้วที่เราจะมาลองขับ Yaris Cross 2023 คันนี้กัน เราเริ่มต้นกันในเมืองซึ่งเป็นวันที่การจราจรหนาแน่นพอสมควร ทัศนวิสัยการขับขี่ของ Yaris Cross คันนี้ต้องบอกว่าดีมากทีเดียว ขับง่ายมีความคล่องตัวสูง สามารถพาเราลัดเลาะตามช่องว่างได้อย่างสบาย

การออกตัวต้องบอกว่าทำได้ดีกว่าคู่แข่งนะครับ ถึงแม้จะมีตัวเลขแรงม้าที่น้อยที่สุดในกลุ่ม แต่ในการออกตัวเจ้าคันนี้มีมอเตอร์ช่วยจึงทำให้ออกตัวดีกว่าคู่แข่งอย่าง Honda WR-V ที่เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ธรรมดา แต่มันยังไม่ได้ออกตัวดีเท่า Nissan Kicks นะครับ

หลุดออกมาจากถนนพระราม 3 ที่รถติดกระหน่ำ ช่วงนาเกลือถนนค่อนข้างโล่งทางตรงยาวๆจึงมีโอกาสได้ลองสมรรถนะของระบบขับเคลื่อนกันหน่อย เครื่องยนต์เบนซิน ไฮบริด แบบ 4 สูบ 1.5 ลิตร ทำงานผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้พละกำลัง 111 แรงม้า แรงบิด 141 นิวตัวเมตร

และเกียร์ E-CVT ได้อย่างลงตัว นุ่มสมูทลื่นไหล กดคันเร่งจนมิดความเร็วค่อยๆเพิ่มขึ้นอย่างลื่นไหลต่อเนื่องจนไปถึงช่วงความเร็วประมาณ 140 กว่าๆความเร็วเริ่มหนืดๆ ผมลองความเร็วสูงสุดได้ประมาณ 156 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง

เพราะมันระยะทางวิ่งไม่พอนั้นเอง เจ้าคันนี้โตโยต้าเค้าเครมไว้ว่าความเร็วสูงสุดที่ทำได้คือ 168 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง แต่คงต้องใช้ระยะทางในการวิ่งไปถึงความเร็วนั้นค่อนข้างยาว ถนนไม่โล่งยาวจริงคงไปไม่ถึงแน่ การเร่งแซงไม่มีปัญหาครับสบายหายห่วง มันอาจจะวิ่งไม่ได้จื๊ดจ๊าดเท่า Nissan Kicks นะครับ แต่ผมว่าวิ่งได้ระดับประมาณนี้มันถือว่าวิ่งดีพอตัวเลยครับ ขับสนุกแน่นอน

ระบบช่วงล่างที่ด้านหน้าเป็นแม็คเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังใช้เป็นทอร์ชั่นบีม ที่ผมว่ามันปรับเซ็ทมาได้ลงตัวทีเดียว ไม่นุ่ม และแข็งจนเกินไป สามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนของพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบ คอสะพาน เนินลูกระนาด ได้ดีทีเดียวครับ วิ่งทางตรงด้วยความเร็วสูงตัวรถก็ยังคงนิ่ง

พวงมาลัยอาจจะเบาไปนิดเวลาวิ่งด้วยความเร็วสูง แต่ก็ไม่มีปัญหา การเค้าโค้งถ้ามาด้วยความเร็วปกติ 80 -120 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง ไม่มีปัญหาแน่น หนึบคุมง่าย ไม่มีอาการโคลง แต่ถ้ามาเร็วกว่านี้จะมีอาการโคลงให้ได้สัมผัส

อย่างว่าครับรถมันถูกออกแบบมาเป็นรถอเนกประสงค์ เน้นใช้งานทั่วไป ไม่เน้นซิ่งหรือสปอร์ต ระบบเบรกต้องขอชมเลยครับเบรกดีมากทีเดียว นุ่มนวล ไม่หัวทิ่ม เอาอยู่แน่นอน ระบบช่วงล่าง กับพวงมาลัย อาจจะคม และเนียน แน่น หนึบ สู้ Honda WR-V ไม่ได้ นะครับ เพราะ Honda เค้าเน้นไปที่ความสปอร์ต นั้นเอง แต่ยาริส ครอส เค้าเน้นไปที่ความสะดวกสบายในการใช้งานซะมากกว่า ไม่ได้เน้นสปอร์ต ถ้าอยากได้สปอร์ตคงต้องรอรุ่น GR Yaris Cross นะครับ

ระบบความปลอดภัย

คันนี้เป็นรุ่นท็อปสุดแน่นอนจัดมาให้แบบเต็มระบบ เล่นเอารุ่นใหญ่บางรุ่นเขิลไปเลย เพราะเจ้าคันนี้มาพร้อมถุงลมนิรภัย 6 จุด มีเบรก ABS, ระบบควบคุมการทรงตัวและลื่นไถล, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน, จุดยึดเบาะนั่งเด็กเล็ก ISOFIX, กล้องมองหลัง และสัญญาณเตือนกะระยะหลัง 2 จุด ที่มีให้ในทุกรุ่นย่อย ส่วนรุ่นท็อปที่เราขับจะมี จะเพิ่มสัญญาณเตือนกะระยะหน้าอีก 2 จุด,

กล้องบันทึกภาพด้านหน้า, ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าออกตัว, ระบบป้องกันการเหยียบคันเร่งโดยไม่ตั้งใจ, ระบบเตือนมุมอับสายตา และ Toyota Safety Sense ,กล้องมองภาพรอบคันและระบบตรวจวัดลมยางอัตโนมัติ , ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน และ ดึงพวงมาลัยกลับ Lane Departure Alert,

อีกหนึ่งจุดที่ผมคิดว่าต้องปรับใหม่นั้นก็คือ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ แบบแปรผัน Adaptive Cruise Control All-Speed with Stop & Go เพราะการเว้นระยะห่างจากคันหน้า ถึงแม้เราจะตั้งไว้ที่ระยะใกล้สุดแล้ว มันก็ยังห่างคันหน้าเยอะมาก เอาเป็นว่ารถกระบะสามารถแทรกเข้ามาได้อะครับ แถมระบบเตือนการชนด้านหน้า Pre-Collision System ที่ทำงานไวไปหน่อย บางครั้งทำเอาเสียจังหวะในการแซงซะงั้น

สรุป

Toyota Yaris Cross คันนี้มาพร้อมรูปลักษณ์ภายนอก ภายใน ที่ว่าสวยงามพอตัว การประกอบดีไม่ต้องห่วงเรื่องอะไหล่ เพราะเจ้าคันนี้ผลิตในประเทศไทย แถมมันยังประหยัดน้ำมัน เพราะขนาดผมกดลากรอบไม่ยั้งมันยังสามารถทำอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ประมาณ 18-20 กิโลเมตรต่อลิตรเท่านั้น ถือว่าทำได้ดเลย แต่ถ้าขับเนียนๆไปเรื่อยๆ 80-100 ผมว่า 27 -28 กิโลเมตรต่อลิตร ได้แบบสบายๆ  ออฟชั่นที่ให้มาก็เต็มทีแบบไม่มีกั๊กของ แถมยังมีราคาสมเหตุสมผล จับต้องง่าย ผมว่ามันเป็น B SUV ที่คุ้มค่าคุ้มราคาอีกหนึ่งรุ่นเลยครับ

และไม่ต้องกังวลเรื่องราคาแบตเตอรี่ครับเพราะเค้ามีรับประกัน 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง แต่ถ้ารถเพื่อนๆ ปมดประกันราคาแบตเตอรื่ไฮบริด ของ ยาริส ครอส คันนี้หลักหมื่นปลายๆครับ และสามารถเปลี่ยนเป็นโมดูลได้โมดูลละประมาณ 25,000 บาท

www.toyota.co.th

เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์