ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เปิดตัว 2 สปอร์ตเน็กเก็ตไบค์ที่สุดแห่งปี 2023
Triumph Motorcycles
“สตรีท ทริปเปิล 765 อาร์เอส” โฉมใหม่ และ “สตรีท ทริปเปิล 765 โมโตทู อิดิชัน” พร้อมอัดโปรฯ แน่นจัดเต็มรถทุกเซกเมนต์ เฉพาะในงาน “มอเตอร์โชว์ 2023”
กรุงเทพฯ 21 มีนาคม 2566 – ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เดินหน้าการเป็นแบรนด์พรีเมียมบิ๊กไบค์ชั้นนำสัญชาติอังกฤษ ตามสโลแกน “FOR THE RIDE” ที่มีผลิตภัณฑ์ และบริการครอบคลุมตอบสนองไลฟ์สไตล์การขับขี่ระดับพรีเมียมที่ทุกคนสามารถสัมผัสได้ ล่าสุดเปิดตัว 2 จักรยานยนต์ตระกูลโรสเตอร์รุ่นใหม่แห่งปี 2023 ได้แก่ “สตรีท ทริปเปิล 765 อาร์เอส” (Street Triple 765 RS) และ “สตรีท ทริปเปิล 765 โมโตทู อิดิชัน” (Street Triple 765 Moto2™ Edition) ที่มาพร้อมความสมบูรณ์แบบ ทรงพลัง และสเปคสูงที่สุด ไม่ว่าจะเป็น การอัปเกรดเครื่องยนต์สามสูบ 765 ซีซี อย่างมีนัยสำคัญ ทำให้จักรยานยนต์มีสมรรถนะสูงขึ้น ผสานกับพละกำลังระดับแนวหน้า ทำให้มีแรงบิดที่เพิ่มขึ้น และการตอบสนองที่ดีขึ้น เสริมด้วยรูปลักษณ์สไตล์ใหม่ที่ดุดัน การออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ที่ได้รับการปรับปรุง ทั้งหมดนี้ทำให้เป็น 2 จักรยานยนต์เน็กเก็ตสปอร์ต ที่มาพร้อมการควบคุมที่คล่องตัว และแม่นยำที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยพร้อมให้ทุกคนได้ยลโฉมครั้งแรกอย่างใกล้ชิดและจับจองเป็นเจ้าของได้ในงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 ณ บูธไทรอัมพ์ M2 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 22 มีนาคม จนถึงวันที่ 2 เมษายน 2566
นายชินศักดิ์ กิตติอมรกุล ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการเชิงพาณิชย์ บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า สำหรับงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 ไทรอัมพ์จัดเต็มอีกครั้ง เอาใจสาวกที่ชื่นชอบความเร็วแรง ด้วยการเปิดตัว 2 จักรยานยนต์ในกลุ่มโรสเตอร์ (Roadster) อีกหนึ่งเซกเมนต์ขึ้นชื่อของไทรอัมพ์ ได้แก่ “สตรีท ทริปเปิล 765 อาร์เอส” (Street Triple 765 RS) และ “สตรีท ทริปเปิล 765 โมโตทู อิดิชัน” (Street Triple 765 Moto2™ Edition) สปอร์ตเน็กเก็ตไบค์รุ่นใหม่ล่าสุดปี 2023 ที่ทรงพลังและรวมความเป็นที่สุดในทุกด้าน โดยทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมเครื่องยนต์สามสูบขนาด 765 ซีซี อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่ได้รับการอัปเกรดจากโปรแกรมพัฒนาเครื่องยนต์การแข่งขัน Moto2 ให้เครื่องยนต์มีลักษณะเฉพาะมากกว่าที่เคย โดยส่งมอบพละกำลังสูงสุดที่ 130 แรงม้า ที่ 12,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 80 นิวตันเมตร ที่ 9,500 รอบต่อนาที ในขณะที่ลูกสูบ ก้านสูบ และพินลูกสูบใหม่ถูกจับคู่กับห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ใหม่ที่ได้รับการปรับแต่งมาอย่างเหมาะสม เพื่อเพิ่มขีดจำกัดแรงดันกระบอกสูบ สุดท้ายคือพละกำลังที่มากขึ้นด้วยวาล์ว และเพลาลูกเบี้ยวใหม่ที่มาช่วยเพิ่มการยกวาล์ว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดูดระบบเผาไหม้ของท่อไอเสีย ส่งมอบเสียงที่เร้าใจและโดดเด่น รวมถึงอัตราส่วนกระปุกเกียร์ใหม่ เพื่อประสิทธิภาพและการตอบสนองที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ทั้ง 2 รุ่นยังได้ถูกออกแบบเพื่อรองรับการขับขี่ตามหลักสรีรศาสตร์แบบใหม่ มีรูปทรงที่ปรับปรุงใหม่พร้อมมุมลาดเอียงที่ชันขึ้น และส่วนหลังที่ยกขึ้นเพื่อการเลี้ยวที่ว่องไวและเร็วขึ้น ด้านโครงรถน้ำหนักเบา และสวิงอาร์มที่มีรูปทรงเหมือนปีกนก ช่วยสร้างความมั่นใจในการขับขี่ โดยรุ่น RS มาพร้อมแฮนด์บาร์รุ่นใหม่ที่กว้างขึ้น 12 มม. ความสูงของเบาะนั่ง 836 มม. ส่วนรุ่น Moto2™ Edition ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการแข่งขัน มาพร้อมแฮนด์รถแบบคลิปออน ซึ่งต่ำกว่า 80 มม. มีขยับไปข้างหน้า 50 มม. และความสูงของเบาะนั่ง 839 มม. ซึ่งทั้ง 2 รุ่น สามารถลดเบาะนั่งได้อีก 10 มม. โดยปรับแต่งให้เข้ากับระบบกันสะเทือนหลัง ตลอดจนยังมีอุปกรณ์เสริมเบาะนั่งต่ำแบบใหม่
ในขณะที่ความปลอดภัยอัดแน่นมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมคาลิปเปอร์คู่หน้าแบบเรเดียลโมโนบล็อก 4 สูบ ของ Brembo Stylema พร้อมจานเบรกคู่ขนาด 310 มม. รวมถึงเบรก Brembo MCS ที่เข้าคู่กันพร้อมคันโยกที่ปรับได้ ในขณะที่คาลิปเปอร์แบบลูกสูบเดี่ยวของ Brembo ช่วยควบคุมที่ด้านหลัง เพื่อความเสถียรในการเบรกที่ดีขึ้น และลดระยะการหยุดที่แม่นยำมากยิ่งขึ้น ส่วนระบบกันสะเทือนคุณภาพสูงในรุ่น RS มาพร้อมโช้คสูบคู่แบบหัวกลับจาก Showa ขนาด 41 มม. และโช้คหลังพร้อมกระปุกเก็บน้ำมันจาก Öhlins ส่วนรุ่น Moto2™ Edition นำเสนอความสามารถพร้อมสำหรับสนามแข่งด้วยโช้คหน้าแบบหัวกลับของ Öhlins ขนาด 43 มม. และโช้คหลังพร้อมกระปุกเก็บน้ำมันจาก Öhlins ที่มาพร้อมระยะยุบตัวของล้อหน้าในทั้ง 2 รุ่นคือ 115 มม. และมีระยะยุบตัวของล้อหลัง 131.2 มม. ตลอดจนยางประสิทธิภาพสูง Pirelli Diablo Supercorsa SP V3 ในทั้ง 2 รุ่นที่ติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับใช้งานบนท้องถนนทั่วไป ซึ่งส่งมอบระดับการยึดเกาะเหมือนอยู่บนสนามแข่ง รวมถึงการทรงตัวในความเร็วสูง
นายชินศักดิ์ กล่าวเสริมว่า ด้านเทคโนโลยีเพื่อผู้ขับขี่ทั้ง 2 รุ่น มีระบบเบรก ABS ในขณะเข้าโค้ง พร้อมระบบตรวจจับแรงเฉื่อย IMU (Inertial Measurement Unit) ในตัว เพื่อการควบคุม ABS ที่ดียิ่งขึ้น ระบบควบคุมการยึดเกาะถนนในขณะเข้าโค้ง ระบบช่วยเปลี่ยนเกียร์แบบไม่ใช้คลัตช์ (Triumph Shift Assist) ระบบ Slip และ Assist Clutch ระบบควบคุมการยกล้อหน้า ระบบไฟ LED ที่โดดเด่น รวมถึงมี 5 โหมดการขับขี่ ได้แก่ Road, Rain, Sport, Rider-configurable และ Track เพื่อให้เหมาะกับสไตล์การขี่และสภาพถนน รวมถึงการปรับแต่งที่เน้นบนสนามแข่ง นอกจากนี้ยังมี หน้าจอ TFT แบบสี ขนาด 5 นิ้ว สวิตช์คิวบ์ที่ปรับตามหลักสรีรศาสตร์และจอยสติ๊กห้าทิศทางที่ใช้งานง่าย พร้อมระบบเชื่อมต่อ My Triumph Connectivity ที่สามารถใช้งานการนำทางแบบ Turn by Turn รวมถึงการควบคุมโทรศัพท์ และการควบคุมเพลงผ่าน Bluetooth ที่เป็นอุปกรณ์เสริม ซึ่งเชื่อมต่อเข้ากับแอป My Triumph ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย รวมทั้งตัวจับเวลารอบรวมอยู่ในทั้ง 2 รุ่น
ด้านภาพลักษณ์ทั้ง 2 รุ่น แสดงให้เห็นถึง DNA ของการออกแบบในกลุ่มสปอร์ตเน็กเก็ตไบค์ ที่ไม่มีใครเทียบได้ ด้วยภาพลักษณ์และท่วงท่าดุดันและทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมี พร้อมลาย ‘765’ ที่ได้มาจากการแข่งขันและกราฟิกแบบสปอร์ต รูปทรงท่อเก็บเสียงแบบใหม่ช่วยเสริมจุดยืนอันดุดัน ตอกย้ำเสียงเครื่องยนต์สามสูบอันเป็นเอกลักษณ์ของไทรอัมพ์ได้อย่างยอดเยี่ยม รวมถึงตัวถังน้ำมันขนาด 15 ลิตร ดีไซน์ใหม่ทั้งหมด มีแผงด้านข้างที่จัดวางอย่างสวยงามเข้ากับแผ่นครอบหม้อน้ำที่คมชัดยิ่งขึ้น เสริมด้วยการตกแต่งไฟหน้าแบบใหม่ที่รวมช่องรับอากาศเข้าไว้ด้วย นอกจากนี้รุ่น RS ยังมีแผ่นครอบเครื่องด้านล่างท้องเครื่องที่มาพร้อมสีใหม่ มีที่ครอบเบาะนั่งสีเดียวกับตัวรถ รวมถึงเบาะนั่งซ้อนท้ายแบบเปลี่ยนได้ สำหรับรุ่น Moto2™ Edition โดดเด่นด้วยตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา ซึ่งรวมถึงบังโคลนหน้า แผงด้านข้าง แผงครอบไฟหน้า และแผ่นครอบเครื่องด้านล่างพร้อมเพิ่มความพิเศษเฉพาะตัวตามแบบรถจักรยานยนต์รุ่นลิมิเต็ดอิดิชัน โดยแต่ละคันจะมีหมายเลขสลักไว้สุดประณีตบนแผงคอ พร้อมกันนี้ทั้ง 2 รุ่นยังมีอุปกรณ์เสริมของแท้จากไทรอัมพ์มากกว่า 50 รายการ ให้สามารถปรับแต่งจักรยานยนต์ได้ตามสไตล์ผู้ขับขี่ ตลอดจนความพิเศษกับการรับประกันคุณภาพ Triumph Warranty 2 ปีแบบไม่จำกัดระยะทาง รวมถึงความคุ้มค่าของช่วงเวลาการเข้ารับบริการเช็คระยะที่สูงถึง 10,000 กิโลเมตร และรับประกัน 2 ปีไม่จำกัดระยะทาง ตลอดจนฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชั่วโมง (Triumph Roadside Assistance) เป็นระยะเวลา 2 ปี
ทั้งนี้ “สตรีท ทริปเปิล 765 อาร์เอส” (Street Triple 765 RS) มี 3 สีโดดเด่นให้เลือก ได้แก่ สี Silver Ice พร้อมกราฟิกสี Baja Orange และสี Storm Grey ต่อด้วยสี Carnival Red พร้อมกราฟิกสี Carbon Black และสี Aluminium Silver รวมถึงสี Cosmic Yellow พร้อมกราฟิกสี Carbon Black และสี Aluminium Silver ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 499,000 บาท และ “สตรีท ทริปเปิล 765 โมโตทู อิดิชัน” (Street Triple 765 Moto2™ Edition) โดยมี 2 สีให้เลือกที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการแข่งขันรายการ Moto2™ ได้แก่สี Triumph Racing Yellow และสี Crystal White ซึ่งผลิตขึ้นจำกัดเพียงสีละ 765 คันทั่วโลก ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 599,000 บาท
อย่างไรก็ตามภายในงาน บูธไทรอัมพ์ยังรวมหลากหลายไฮไลท์ให้ทุกคนได้มาสัมผัสอย่างใกล้ชิด อาทิ การนำรถจักรยานยนต์มาจัดแสดงรวมกว่า 20 คัน ครบทุกเซกเมนต์ และพิเศษสุด ๆ กับโปรโมชัน พบข้อเสนอมากมายให้เป็นเจ้าของรถไทรอัมพ์ที่ชื่นชอบได้ง่ายมากยิ่งขึ้น อาทิ ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 พร้อมข้อเสนอทางการเงินสูงสุด 43,000 บาท รับฟรี! Triumph ‘Premium Badge’ Box Set เมื่อจองรถเฉพาะภายในงานและออกรถภายในระยะเวลาที่กำหนด รวมถึงรับฟรี! Triumph Chrome Look Book เมื่อจอง Chrome Collection รุ่นที่ร่วมรายการ 10 คันแรก และออกรถภายในระยะเวลาที่กำหนด พร้อมกันนี้ยังสามารถช้อปปิ้งคอลเลคชันเสื้อผ้าใหม่ล่าสุดที่จัดเต็ม ตลอดจนเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศบูธที่ตกแต่งในธีม Triumph Racing ได้ตลอดระยะเวลาการจัดงานทั้ง 12 วัน นายชินศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th